“ไปตามหมอประจำตระกูลมาให้นายด่วนเลย!” ลูกา บอดี้การ์ดคนสนิทของมาเฟียหนุ่มหันไปเอ่ยสั่งลูกน้องเมื่อเห็นว่าเจ้านายเลือดไหลไม่หยุด
“ครับ!”
ราฟาเอลไม่ได้สนใจบาดแผลที่กำลังมีเลือดไหลออกมาสักเท่าไหร่ ชายหนุ่มเคลื่อนมือสากต่ำลงไปล้วงหยิบโทรศัพท์เครื่องสีดำเงาออกมาจากกระเป๋ากางเกงและกดโทรหาลูเซียโน่ทันที รอสายไม่นานสักเท่าไหร่ ปลายสายก็กดรับสายอย่างรวดเร็ว
“จับผู้หญิงอีกคนได้หรือเปล่า” ราฟาเอลเอ่ยถามกับปลายสาย
‘เออ จับได้ แต่ฤทธิ์เยอะชะมัด’ ลูเซียโน่ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหอบเล็กน้อย
“ไม่ต่างกัน…มึงจับขังแยกไว้ก่อน”
‘เออ’ สิ้นเสียงลูเซียโน่ ราฟาเอลยกโทรศัพท์ที่แนบหูออกและกดวางสายทันที
เอวาค่อยๆ เปิดเปลือกตาที่หนักอึ้งขึ้นมาอย่างช้าๆ ดวงตากลมโตปรับโฟกัสอยู่สักพักหนึ่ง ก่อนที่เธอจะพบว่าที่นี่คือห้องสี่เหลี่ยมสีดำขนาดเล็กที่ว่างเปล่า ความทรงจำก่อนที่หญิงสาวจะหมดสติไปค่อยๆ ฉายซ้ำเข้ามาในหัวของเธอ ร่างอรชรถูกมัดแขนทั้งสองข้างติดไว้กับเก้าอี้ไม้อย่างแน่นหนา ส่วนลำตัวของเธอก็ถูกผูกติดไว้กับเก้าอี้ไม้ที่แข็งแรง และเหนือสิ่งอื่นใดเลยคือผู้ชายที่เอาเข็มแทงที่ต้นคอของเธอ เขานั่งอยู่บนเก้าอี้และมองจ้องเธออยู่ด้วยสายตาแข็งกร้าว
“ตื่นแล้วเหรอแม่สาวนักฆ่า” เสียงทุ้มทรงพลังของราฟาเอลเอ่ยถามขึ้นมาทันที บอดี้การ์ดร่างใหญ่หลายคนยืนประกบอยู่ด้านหลังของเจ้านาย
“ใครส่งเธอมา” ราฟาเอลเอ่ยถามต่อ
เอวาไม่ได้ตอบกลับอะไรออกไป ทว่านัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มดุดันกลับกวาดสายตาไปรอบๆ ห้องเพื่อหาทางหนีไป แต่ห้องนี้ก็เป็นห้องปิดตาย แม้แต่หน้าต่างก็ยังไม่มีเลยสักบาน
“เธอหนีไปจากห้องนี้ไม่ได้หรอกนะ” ชายหนุ่มบอกกล่าวหญิงสาวราวกับว่าเขาสามารถล่วงรู้ความคิดของเอวาได้
“เงียบทำไม…ตอบสิวะ!!” ราฟาเอลเดือดดาลขึ้นอีกครั้ง เมื่อไร้เสียงตอบกลับจากริมฝีปากเล็กน่าจูบนั้น เขาไม่เคยต้องมาเสียเวลากับใครมากขนาดนี้
“ฉันไม่ใช่นักฆ่า” เสียงหวานตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบแต่แฝงไปด้วยความเย็นยะเยือกที่ซ่อนอยู่ภายในน้ำเสียงของเอวา
“ไม่ใช่นักฆ่าเหรอ” ใบหน้าหล่อเหล่าดั่งเทพเจ้าในตำนานเลิกคิ้วเอ่ยถามด้วยสีหน้าที่ยียวน ก่อนที่เขาจะเอ่ยต่อ
“แต่เธอยิงลูกน้องฉันจนบาดเจ็บไปสองคนและทำร้ายร่างกายของฉันอีกด้วย”
“ถ้าฉันคิดจะฆ่า…พวกเขาคงตายไปนานแล้ว” ดวงตากลมโตจ้องมองนัยน์ตาสีฟ้าครามของราฟาเอลอย่างไม่เกรงกลัว
ราฟาเอลชั่งใจอยู่ชั่วครู่ เขาไม่ได้อยากจะฟังคำที่เธอพูดสักเท่าไหร่ แต่มันก็จริงอย่างที่เธอพูดนั่นแหละ ขนาดในพื้นที่ที่มีควันแบบนั้นเธอยังเล็งไปที่แขนของทั้งสองคนได้อย่างแม่นยำ แสดงว่าเธอคงคาดการณ์เอาไว้แล้ว อีกทั้งลูกน้องของเขาทั้งหมดก็ไม่ได้มีใครเสียชีวิตอีกด้วย จะมีก็แต่ที่หญิงสาวทำให้พวกเขาสลบไปก็แค่นั้น
“ใครส่งเธอมา”
“ฆ่าฉันสิ” หญิงสาวไม่ตอบคำถามของชายหนุ่ม ทว่าเธอกลับเอ่ยคำพูดที่ราฟาเอลไม่คาดคิดว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ จะใจกล้าได้ขนาดนี้
“คิดว่ามาท้าทายฉันถึงที่ขนาดนี้แล้วฉันจะปล่อยไปง่ายๆ หรือไง!!” ชายหนุ่มตะโกนใส่หน้าหญิงสาวด้วยความเดือดดาล
“ก็ฆ่าฉันเลยสิ!” เอวาจึงตะคอกกลับไปทันที เธอไม่ได้กลัวตายและเธอก็ไม่เคยกลัวด้วย ดวงตากลมโตเผลอปรายตาลงไปมองยังแผลที่ต้นขาของมาเฟียหนุ่ม ในตอนนี้แผลของเขาถูกปิดด้วยผ้าพันแผลสีขาวที่มีเลือดสีแดงไหลซึมผ้าก๊อซออกมาบางส่วน
“ไม่ต้องห่วง ฉันฆ่าเธอแน่…แต่จะให้ฆ่าทิ้งง่ายๆ มันก็เสียดายของอยู่เหมือนกัน”
ชายหนุ่มเอ่ยพร้อมกับลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ นัยน์ตาคมกริบสำรวจใบหน้าที่สวยสะพรั่งด้วยแววตาเป็นประกาย เรือนผมยาวสลวยถูกมัดรวบตึงขึ้นไปเผยให้เห็นลำคอระหงขาวเนียนได้อย่างชัดเจน ผิวพรรณของหญิงสาวก็ดูขาวสะอาดเกลี้ยงเกลาจนเขาอยากจะสัมผัสดูว่ามันจะนุ่มมือสักแค่ไหน
“จะทำอะไร” ใบหน้าหวานขมวดคิ้วเอ่ยถามออกไปด้วยความไม่เข้าใจ
“เรามาทำให้เธอมีความสุขก่อนตายดีกว่า”
ราฟาเอลค่อยๆ เลื่อนมือมาลูบไล้เรียวขาขาวเนียนที่โผล่พ้นกระโปรงยาวขาดริ้วออกมาอย่างจาบจ้วง และมันก็เป็นอย่างที่ชายหนุ่มคาดเอาไว้จริงๆ ผิวเนื้อหญิงสาวดูแข็งแรงไร้ไขมันส่วนเกิน แต่ทว่ามันกลับลื่นและนุ่มมือมากๆ
“หยุดนะ! ฆ่าฉันให้ตายยังดีกว่า ไอ้โรคจิต!” เรียวขาสวยพยายามขยับหนีสัมผัสที่จาบจ้วงจากมือสากร้อน
“ฉันจะให้โอกาสเธอตอบอีกครั้งเดียว…ใครส่งเธอมา” ชายหนุ่มยังคงตอบกลับคำตอบจากหญิงสาวอยู่ ถึงแม้ว่าในใจเขาจะรู้สึกเสียดายความสวยสดของเธอก็ตาม แต่ถ้าเป็นฝ่ายศัตรูที่ส่งเธอมา ยังไงเขาก็ต้องจัดการเธออยู่ดี
และแน่นอนว่าคำตอบที่ราฟาเอลได้รับก็มีเพียงความเงียบเท่านั้น…
“ได้! เธอเลือกแบบนี้เองนะ” สิ้นเสียงมาเฟียหนุ่ม เขาหันหน้าไปพยักหน้าให้กับลูกน้องที่ยืนอยู่ด้านหลังของเขาหนึ่งครั้ง เหล่าชายชุดดำเดินปรี่เข้ามาหาเอวา ก่อนที่พวกเขาจะช่วยกันคนละไม้คนละมือในการแก้มัดเอวาออกจากเก้าอี้ไม้
“จับเธอให้แน่นๆ อย่าพลาดท่าให้เธออีกล่ะ” ราฟาเอลใช้มือหนาล้วงกระเป๋ากางเกงพลางบอกกล่าวลูกน้องของเขา ทว่าสายตาคมกริบก็จับจ้องอยู่ที่ร่างอรชรในชุดราตรียาวที่ขาดริ้วออกจากกันจนแทบจะเห็นกางเกงชั้นในของเธอแล้ว
“ไอ้โรคจิต” เอวาเอ่ยลอดไรฟันออกมาพร้อมกับสายตาที่จ้องมองเขาอย่างแข็งกระด้าง หญิงสาวพยายามสะบัดตัวให้หลุดพ้นจากเงื้อมมือของชายร่างกำยำสองคนที่เข้ามาจับล็อกเรียวแขนเล็กเอาไว้
“ปากดีเข้าไปเถอะ” มาเฟียหนุ่มเอ่ย จากนั้นเขาก็หันหลังและเดินออกไปจากห้องทันที
เอวาถูกจับตรึงเรียวแขนทั้งสองข้างโดยชายชุดดำสองคนมาเรื่อยๆ โดยที่ด้านหลังของเธอมีบอดี้การ์ดอีกหลายคนที่เดินตามมาติดๆ อีกทั้งด้านหน้าของเอวาก็ยังคงมีมาเฟียผู้ยิ่งใหญ่เดินนำอยู่ มองตากลมโตมองแผ่นหลังแกร่งด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง ในสมองของเอวายังคงครุ่นคิดหาวิธีที่จะหนีออกไปจากที่นี่ให้ได้
เวลาผ่านไปไม่นานสักเท่าไหร่ ร่างอรชรก็ถูกลากมาจนถึงที่ห้องสีดำสนิทห้องหนึ่งที่ไม่มีหน้าต่างเช่นกัน แต่ทว่าในห้องนี้ก็มีเพียงเตียงเหล็กขนาดกลางกับที่นอนสีน้ำตาลเข้มที่ดูก็รู้ว่าห้องนี้มีเอาไว้เพียงเพื่อขังนักโทษแบบเธอเพียงเท่านั้น
หญิงสาวถูกพาเข้ามาในห้องสีดำอีกห้องหนึ่งและถูกจับมัดข้อมือทั้งสองข้างกางออกกว้างไว้กับหัวเตียง ร่างเล็กยังคงพยายามออกแรงดิ้นแต่ก็ไม่สามารถสู้แรงของชายหนุ่มร่างใหญ่พวกนี้ได้
“ออกไปให้หมด” เสียงทุ้มของราฟาเอลเอ่ยขึ้นทันทีที่ลูกน้องของเขาจับตรึงร่างเล็กเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“จะดีเหรอครับนาย” ลูกา คนสนิทของมาเฟียหนุ่มเอ่ยถาม
ราฟาเอลยังคงใช้สองมือล้วงกระเป๋าจ้องมองไปที่หญิงสาวที่โดนจับตรึงไว้อยู่บนเตียง อกอวบอิ่มของหญิงสาวกระเพื่อมขึ้นลงอย่างแรงตามจังหวะการหายใจที่หนักหน่วงของเธอ ชายหนุ่มไม่ได้ตอบกลับอะไรคนสนิท ซึ่งนั่นแหละคือคำตอบที่ชัดเจนที่สุดของเขาแล้ว
“ออกไปให้หมด” ลูกาจึงหันมาเอ่ยสั่งกับบอดี้การ์ดคนอื่นๆ ที่ยืนอยู่
เหล่าบอดี้การ์ดร่างใหญ่ทุกคนค่อยๆ หันหลังกลับและเดินออกไปจากห้องอย่างช้าๆ ลูกาปรายตามองเจ้านายด้วยความเป็นห่วงเป็นใยอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่เขาจะหันหลังกลับและเดินตามคนอื่นออกไปจากห้องนี้ ลูกาไม่ลืมที่จะปิดประตูห้องให้กับเจ้านายของเขา
“ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่านักฆ่าสาวแบบเธอมันจะเร้าใจแค่ไหน” ชายหนุ่มแสยะยิ้มมุมปาก ราฟาเอลเดินมาหยุดอยู่ที่ปลายเตียงพลางจับจ้องร่างอรชรอย่างไม่ละสายตา
“ทุเรศ! แน่จริงก็ปล่อยฉันก่อนสิ” ร่างเล็กถูกจับตรึงเรียวแขนเล็กเอาไว้กับหัวเตียง มีเพียงส่วนขาของเธอเท่านั้นที่สามารถขยับต่อกรกับชายหนุ่มได้
“ใช่! ฉันมันทุเรศ”
พรึบ! ชายหนุ่มเอ่ยพร้อมกับมือหนาเอื้อมไปดึงรั้งข้อเท้าเล็กทั้งสองข้างเข้าหาตัว ทำให้หญิงสาวนอนแผ่หลาอยู่บนเตียงทั้งๆ ที่แขนทั้งสองข้างของเธอก็ยังคงถูกมัดเอาไว้อยู่อย่างแน่นหนา
“ถ้าฉันหลุดออกไปได้…” หญิงสาวกัดฟันกรอดพลางเอ่ยออกมา แต่ทว่ายังไม่ทันได้เอ่ยจบประโยค เสียงทุ้มทรงพลังก็เอ่ยแทรกขึ้นมาเสียก่อน
“มันจะไม่มีวันนั้น”
ดวงตาแข็งกระด้างดุดันทั้งสองคู่กำลังจ้องมองกันอย่างไม่มีใครยอมใคร ราวกับพวกเขาทั้งสองคนกำลังต่อสู้ฟาดฟันกันทางสายตา