หลายสัปดาห์ต่อมา...
ห้างสรรพสินค้า
ร่างสูงก้าวขาลงจากรถ เดินเข้าไปในห้างสรรพสินค้าใหญ่โตหรูหราติดอันดับต้นๆ ของประเทศพร้อมกับเลขาคนสนิทอีกสองคน เดินเข้าไปในลิฟต์แก้วสำหรับผู้บริหาร
ขณะที่ยืนอยู่ในลิฟต์สายตาก็กวาดมองด้านล่างที่เป็นชั้นธุรกิจไปด้วย จนกระทั่งที่ลิฟต์จอดชั้นผู้บริหาร ทั้งสามคนก็เดินออกจากลิฟต์เดินเข้าห้องทำงานเฉกเช่นทุกวัน
"เอกสารที่คุณแปลนขอไว้เมื่อวันก่อนครับ ผมสรุปให้ในนี้หมดแล้วครับ รวมถึงยอดขายต่างๆ ในเดือนที่แล้วด้วยครับ"
"ขอบใจ เดี๋ยวผมขออ่านดูก่อน" แปลนรับแฟ้มเอกสารจากเลขาคนสนิทมาเปิดดูคร่าวๆ หลังจากที่เข้ามานั่งที่โต๊ะทำงานได้ไม่ถึงสามนาที
แปลนในมาดผู้บริหารห้างดังจะมีบุคลิกที่สุขุม ถึงจะดูใจดีขี้เล่นตามประสาใบหน้าหล่อใสแต่พอถึงเวลาทำงาน เขาจะมีความจริงจังและสุขุมจนทำให้ลูกน้องเกร็งกันเป็นแทบ
และใช่ อาชีพที่เขาทำตอนนี้หลังจากเรียนจบโทบริหารจากต่างประเทศมา
คือ...เข้ามาบริหารห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่คุณหญิงจันทร์วาดผู้เป็นแม่เพิ่งวางมือไปเมื่อสองปีก่อน และทันทีที่ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาได้แสดงผ่านหน้าจอทีวีตอนรับตำแหน่งต่อจากมารดา สาวๆ ค่อนประเทศก็แห่มาสนับสนุนสินค้าในห้างดังกล่าวทันที จนกลายเป็นห้างดังที่น่าจับตามองอีกหนึ่งห้างกันเลยทีเดียว
"ครับ แล้วก็นี่แฟ้มผู้สมัครผู้ช่วยเลขาที่คุณแปลนให้ผมเปิดรับสมัครครับ"
ใบหน้าหล่อเหลาเงยหน้าขึ้นจากแฟ้มบนโต๊ะเพื่อรับแฟ้มอีกเล่มจากมือเลขาคนสนิทมาเปิดดู และทันทีที่เปิดดูแฟ้ม รอยยิ้มตรงมุมปากก็ยกยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้นมาทันที...
"ผมรับผู้หญิงคนนี้เข้าทำงาน เรียกเธอเข้ามารายงานตัววันนี้เลย"
"วันนี้เลยเหรอครับ?"
"อืม วันนี้และตอนนี้ด้วย" ประธานหนุ่มตอบพร้อมใช้สายตาเจ้าเล่ห์ส่งให้เลขาคนสนิทอย่างมีแผนการ
"ครับ" ดนัยรับคำเจ้านายหนุ่มสีหน้างงงวยเล็กน้อย แต่ก็ยอมรับแฟ้มกลับมาเพื่อกลับไปติดต่อหาหญิงสาวที่เจ้านายต้องการไว้ ขณะที่เจ้าของห้องนั่งยิ้มมีความสุขเมื่อนึกถึงเรื่องราวสนุกๆ ที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้
ใช่ หญิงสาวที่เขาเห็นในแฟ้มผู้สมัครงานก่อนหน้านี้คือ ยัยตัวแสบที่ขโมยจูบเขาไปเมื่อหลายคืนก่อน มันช่างเป็นจังหวะนรกสำหรับผู้หญิงคนนั้นจริงๆ ที่ได้โคจรกลับมาเจอเขาอีกครั้งจนได้
"ฉันจะโขกสับเธอให้หายแค้นเลยยัยตัวดี"
.
.
.
ด้านมาร์ลิน
ครืดดดดด ครืดดดดด
"ฮัลโล่ค่า~" น้ำเสียงงัวเงียแกมหงุดหงิดเอ่ยรับสายทั้ง ๆ ที่ยังไม่ลืมตาตื่น หลังจากที่เสียงโทรศัพท์แผดเสียงไม่หยุดจนหลับต่อไม่ได้
"สวัสดีครับผมโทรจากบริษัท LKกรุ๊ปครับ จะขอเชิญคุณมาร์ลินมารายงานตัวที่บริษัทวันนี้ครับ"
ฟึบ!
ร่างบางเด้งตัวลุกขึ้นนั่งเบิกตาโตเท่าไข่ห่านทันทีที่ได้ยินเสียงปลายสายว่าอย่างนั้น
บริษัทLKกรุ๊ปเหรอ? นั่นเป็นบริษัทที่เธอไปวางใบสมัครงานหลังจากที่เลิกกับไอ้แฟนเฮงซวยนั่นนี่ โทรมาเพื่อรับเธอเข้าทำงานจริงๆ เหรอ?
บ้าจริง แต่ตอนนี้เธอหายเศร้าแล้ว เธอไม่อยากทำงานเพื่อกลบความเศร้าของตัวเองแล้ว เอาไงดี ถ้าปฏิเสธไปดื้อ ๆ ตอนนี้เลยจะดูน่าเกลียดไหมนะ?
เอาเถอะลองดูก่อนละกัน
"อะเอ่อ...ขอโทษด้วยนะคะ พอดีว่าตอนนี้ฉันได้ที่ทำงานแล้วละค่ะ ขออภัยด้วยนะคะ"
"เหรอครับ...." ปลายสายเงียบไปสักพักหลังจากที่ได้รับคำตอบที่ส่วนทางกับที่คิดไว้ ก่อนจะหันไปทางห้องทำงานของเจ้านายหนุ่มที่เพิ่งเดินออกมาก่อนหน้านี้อีกครั้ง ก่อนจะตอบกลับคนในสายในเวลาต่อมา "...งั้นผมก็ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ"
"อะอ่อค่ะ ขอบคุณค่ะ" พูดจบเพียงแค่นั้นสายก็ถูกตัดไปทันที ตามด้วยเสียงถอนหายใจระบายออกไปเบาๆ ของมาร์ลินหลังจากที่วางสายไปแล้ว "เฮ้อ จู่ ๆ ก็รู้สึกแย่ขึ้นมาเลยแฮะ"
หลายชั่วโมงต่อมา...
ร้านอาหาร
"เมษา วันนี้บริษัทLKกรุ๊ปที่ฉันส่งใบสมัครไปคราวก่อนโทรมาให้ฉันไปรายงานตัวด้วยแหละ"
ริมฝีปากสวยเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าใจเล็กน้อย หลังจากที่เข้ามานั่งในร้านกาแฟที่นัดไว้กับเพื่อนสนิทได้ไม่นาน แต่อดหยิบเรื่องที่ทางบริษัทโทรมาให้ไปรายงานตัวให้เพื่อนทราบไม่ได้
"เหรอ แล้วเธอว่าไงตอบรับไหม"
"ไม่อะ ฉันปฏิเสธ ก็ตอนนี้ฉันไม่ได้เศร้าเหมือนตอนที่เพิ่งเลิกกับพี่ไทป์แล้วอะ ฉันเลยไม่รู้ว่าจะไปทำงานให้ตัวเองเหนื่อยเล่นทำไม สู้ฉันนอนกินใช้เงินที่ป๊าหาให้ดีกว่า"
"มันก็จริงของเธอ รวยแบบเธอจะไปทำงานให้ถูกโขกสับเสียสุขภาพจิตไปทำไม นอนเล่นอยู่ที่บ้านกับไทเกอร์ดีกว่า"
เมษาเพื่อนสาวคนสนิทของมาร์ลินเอ่ยขึ้นอย่างเห็นด้วย เพราะถ้าพูดตามความจริงแล้ว มาร์ลินเป็นลูกสาวมาเฟียที่ร่ำรวยมาก ครอบครัวมีธุรกิจหลายอย่างทั้งในประเทศและต่างประเทศ
การที่เธอเรียนจบมาแล้วไม่ได้ทำงานเอาแต่นอนเล่นอยู่ที่บ้าน ใช้เงินที่พ่อแม่หาให้ไปวันๆ มันก็ถือว่าเป็นบุญวาสนาของเธอที่เกิดมาบนกองเงินกองทอง ไม่ต้องไปทำงานในบริษัทให้หัวหน้างานโขกสับเล่น นอนเล่นกับแมวที่เลี้ยงไว้ที่บ้านดีกว่า มีความสุข สุขภาพจิตดีด้วย
"ขออนุญาตเสิร์ฟกาแฟค่ะคุณลูกค้า"
"ค่ะ" มาร์ลินเงยหน้าขึ้นฉีกยิ้มบางๆ ให้พนักงานอย่างเป็นมิตร ซึ่งแตกต่างจากสีหน้าเมื่อหลายคืนก่อนที่เธอตามไปอาละวาดแฟนหนุ่มที่ผับอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อกันให้ได้
"แล้วเรื่องพี่ไทป์คุณอาว่าไงบ้าง เธอเล่นถอนหมั้นไปดื้อๆ แบบนั้น คุณอาไม่โกรธเธอแน่ใช่ไหม"
"ฉันโทรไปเล่าทุกอย่างให้ป๊าฟังหมดแล้วว่าพี่ไทป์มันแอบมีผู้หญิงคนอื่นลับหลังฉันหลายครั้งแล้ว คืนนั้นไม่ใช่คืนแรกที่ฉันรู้เรื่อง แต่ฉันรู้เรื่องมานานแล้วต่างหาก แต่ฉันก็เลือกที่จะเงียบ จะรอดูว่าผู้ชายเฮงซวยแบบนั้นจะหยุดตอนไหน สรุปไม่หยุดสักที ฉันเลยต้องเด็ดขาดแบบนั้นไง"
มาร์ลินตอบเพื่อนสีหน้าขึงขังกับสิ่งถูกกระทำมาจากคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคู่หมั้น
"แต่พี่ไทป์มีผลกับเรื่องธุรกิจของที่บ้านแกนะ มันจะโอเคเหรอลิน" เมษาแสดงความคิดเห็นอย่างเป็นห่วง เธอรู้ว่าตอนนี้เพื่อนรู้สึกยังไงแต่เรื่องครอบครัวของเพื่อนกับอีกฝ่ายที่ได้ตกลงบางอย่างกันไว้มันก็อดเป็นห่วงไม่ได้เหมือนกัน
"ฉันคุยกับป๊าแล้ว เดี๋ยวป๊าจัดการเอง"
“อืม งั้นฉันก็ขอให้แกหลุดพ้นจากคนเฮงซวยอย่างไอ้ลูกสส.นั่นเถอะ เขาดูไม่ได้รักแกเลย เหมือนหวังเส้นสายทางอำนาจพ่อแกอย่างเดียว"
"ฉันก็ว่างั้นแหละ"
"เออนี่ดื่มกาแฟเสร็จแล้ว แกจะไปไหนต่อไหม"
มาร์ลินถามเมษาหลังจากที่นั่งคุยและดื่มกาแฟไปพลางๆ มาสักพักใหญ่
"ฉันว่าจะไปสนามกอล์ฟอะ แกไปปะ"
"น่าสนอยู่นะ งั้นเดี๋ยวฉันลุกไปจ่ายเงินก่อนละกัน"
"อืม"
ตกลงกับเพื่อนเสร็จ มาร์ลินก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินไปที่เคาน์เตอร์เพื่อชำระเงิน แต่ระหว่างที่ยืนรอชำระเงินอยู่ จู่ ๆ ชายร่างสูงกว่าเธอหลายเซนติเมตร ก็หันมาจ้องใบหน้าของเธอผ่านแว่นตาดำที่สวมไว้เหมือนรู้จักกับเธอ
เขาจ้องใบหน้าของเธอนานนับนาทีจนเธอเริ่มรู้สึกไม่พอใจ จึงหันขวับตวัดสายตาเพ่งมองกลับอย่างไม่เกรงกลัว
"หวัดดี..."
"คุณจ้องหน้าฉันทำไม มีอะไรไม่ทราบ"
คนตัวเล็กกว่าเอ่ยถามเสียงแข็งอย่างไม่พอใจที่ถูกจ้องหน้าอย่างเสียมารยาท แต่คนถูกถามกลับยกยิ้มมุมปากไม่ยี่หระต่อน้ำเสียงนั้นกลับมาแทน ซึ่งเรียกความโมโหในกายลูกสาวมาเฟียได้ดีเลยทีเดียว
"ผมก็แค่จ้องหน้าคนที่เคยจูบผม...ไม่ได้เหรอครับ"
มือใหญ่ปลดแว่นออกจากใบหน้า เผยใบหน้าหล่อเหลาให้คนตรงหน้าได้เห็นชัดๆ ให้ใจสั่นเล่น ซึ่งการเผยใบหน้าให้มาร์ลินเห็นเรียกอาการและสีหน้าตกใจจากเธอได้ดีเลยทีเดียว เพราะนึกไม่ถึงว่าโลกจะแคบขนาดนี้ ถึงได้โคจรมาพบเจอคนที่เธอขโมยจูบไปเมื่อคืนนั้นอีกครั้ง
"คุณ!"
"ครับ ผมเอง ผู้ชายที่ถูกคุณขโมยจูบไปแถมยังข่มขู่ทิ้งท้ายอีกด้วย ถึงจะถูกปฏิเสธไม่ทำงานกับบริษัทของผม แต่ยังไงสุดท้ายเราก็ได้เจอกันอยู่ดี ดูเหมือนเป็นพรหมลิขิตเลยนะ ว่าไหม?"
"เดี๋ยวนะ เมื่อกี้คุณพูดว่าฉันปฏิเสธงานที่บริษัทคุณ หมายความว่าไง? นี่อย่าบอกนะ..."
"LKกรุ๊ป เป็นบริษัทของผม" พระเจ้า! เธอโชคดีแค่ไหนกันนะที่ปฏิเสธไปเมื่อเช้านี้ ถ้าตกลงเพราะรู้สึกผิดกับอีกฝ่ายละก็ไม่อยากคิดถึงความวุ่นวายที่จะเดินเข้ามาในชีวิตเลย
"พอดีฉันได้งานทำที่อื่นแล้วอะ ก็เลยปฏิเสธไป ขอโทษละกันนะคะ"
ว่าจบมาร์ลินก็หันไปสแกนชำระค่ากาแฟผ่านโทรศัพท์ต่อ ทำเป็นเมินคนข้างๆ ก่อนจะเดินผ่านร่างสูงของแปลนไปหน้าตาเฉย ทำเอาคนถูกเมินถึงกับกัดฟันกรอดกับกิริยาของอีกฝ่ายที่แสดงออกมาจนต้องรีบหมุนตัวเดินตามออกไปจากร้านทันที
หมับ!
"เดี๋ยว ผมไม่พอใจมากๆ ที่คืนนั้นคุณจูบผมประชดแฟนตัวเอง"
"แล้ว? อยากได้อะไรจากฉันงั้นเหรอ เงินหรือว่าร่างกายฉันล่ะ ถึงได้ตามมาแบบนี้" แปลนได้ยินคนตรงหน้าพูดอย่างนั้นถึงกับเท้าเอวแค่นเสียงในลำคอออกมาสีหน้าเหลือเชื่อทันทีที่ได้ยินผู้หญิงตรงหน้าพูดแบบนั้น
เธอใจเด็ดไม่ธรรมดาเลยนะที่สามารถตั้งคำถามว่าต้องการร่างกายตัวเองได้หน้าตาเฉยไม่สะทกสะท้านอะไรได้แบบนี้
ชอบว่ะ จู่ ๆ เขาก็รู้สึกชอบความท้าทายเก่งของผู้หญิงคนนี้ขึ้นมา ถือว่าใจเด็ดใช่เล่น
"แล้วถ้าผมบอกว่า...ผมสนใจร่างกายของคุณล่ะ"
ในเมื่อเธอเปิดทางมาแบบนี้ งั้นเขาก็ขอเล่นตามน้ำหน่อยละกัน จึงไม่รอช้ารีบปรับอารมณ์ก่อนหน้านี้ขยับเข้าหาอีกฝ่ายแล้วยื่นนิ้วเรียวลูบตามกรอบหน้าสวยอย่างช้าๆ ขณะที่สายตาก็จับจ้องใบหน้าสวยตรงหน้าไปด้วย
"ได้สิ เจอกันที่โรงแรมเมอร์ลิน สองทุ่มห้องหกศูนย์เจ็ด" ว่าจบมาร์ลินก็หมุนตัวเดินไปหาเพื่อนที่ยืนรอที่รถ ทิ้งให้ร่างสูงยืนมองตามหลังด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อกับคำตอบที่ได้รับคนเดียวอีกครั้ง ในขณะที่บนใบหน้าสวยของเธอก็ปรากฏรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ไปด้วย
"ยิ้มกลับมาแบบนี้ แกไม่ได้คิดจะทำอะไรพิเรนทร์ ๆ ใช่ไหมลิน"
"ก็นิดหน่อย อยากสั่งสอนผู้ชายแบบหมอนั่นว่าอย่ามาเล่นกับฉัน"