บทที่ 2 เหตุการณ์ไม่คาดฝัน

2115 Words
“คุณหนูท้องแบบนี้ คุณคิดจะทำยังไงต่อ” คล้อยหลังปฐวีนมนุ่มก็โพล่งขึ้นอย่างไม่พอใจ ทว่าไร้เสียง ตอบรับจากร่างสูง นางจึงตวัดตามองเพื่อกดดันเขา หากภารัณไม่ยี่หระ ใบหน้าหล่อเหลานิ่งทั้งยังเงียบใส่ อากัปกิริยาเช่นนี้ทำนมนุ่มโกรธจนตัวสั่นเทิ้ม “คุณต้องเลิกกับผู้หญิงคนนั้นซะ” นางย้ำเสียงแข็งไม่เหลือมาดแม่นมผู้อ่อนโยน “คุณนุ่มไม่ใช่ฟ้า ไม่มีสิทธิ์มาบอกว่าผมต้องจบปัญหานี้ยังไง” ท่าทางจุ้นจ้านของนางทำภารัณฉุนกึก ไม่เพียงแค่นมนุ่มโกรธคนเดียว เขาเองก็ควันออกหู เพราะเหมือนกำลังถูกลูบคมอย่างไรไม่รู้ “นี่หมายความว่าคุณจะไม่ยอมเลิกกับผู้หญิงคนนั้น” “ผมไม่จำเป็นต้องอธิบายให้คุณนุ่มฟัง สิ่งที่ผมทำได้ตอนนี้คือโฟกัสแค่ฟ้ากับลูก เชิญคุณนุ่มกลับบ้านไปก่อน เดี๋ยวตรงนี้ผมดูแลต่อเอง” “ผู้ชายอย่างคุณน่ะเหรอจะดูแลคุณหนูได้” นางแสยะยิ้ม มองชายตรงหน้าอย่างไม่เชื่อถือ “ได้หรือเปล่าคงไม่ใช่เรื่องที่คุณนุ่มจะมาตัดสิน เพราะยังไงผมก็คือพ่อของลูกฟ้า ความจริงข้อนี้ไม่มีวันเปลี่ยน ประตูอยู่ทางนู้น เชิญ!” นมนุ่มระบายลมหายใจแรง มองคุณหนูที่นางรักก่อนหมุนกายออกไปตามคำสั่ง บรรยากาศในห้องพักผู้ป่วยกลับมาเงียบอีกครั้ง สำหรับชายหนุ่มบทสนทนาเผ็ดร้อนเมื่อครู่ก็แค่ลมพัดผ่าน แต่ในมุมฟ้ารดา ถ้าได้ความจำคืนมาเธอจะคิดเช่นเดียวกับเขาไหม ความเห็นแก่ตัวของภารัณมักวนกลับมาย่ำยีหัวใจเธอไม่รู้ต่อกี่ครั้ง การต้องเผชิญชะตากรรมซึ่งไร้ทางออกคงเจ็บปวดมากในชีวิตลูกผู้หญิงคนหนึ่ง เข็มนาฬิกาเดินหน้าสู่เวลาใกล้เที่ยง พลันคนป่วยลืมตาขึ้น… เธอขยับตัว นัยน์ตาสีน้ำตาลกวาดมองรอบข้างก็พบบางคนเอามือเท้าคางนั่งสัปหงกบนโซฟาข้างเตียง ริมฝีปากบางขบกันแน่นเหมือนลังเลกับอะไรบางอย่าง นิ่งไปไม่ถึงนาทีพอตัดสินใจได้ก็ปล่อยปลายเท้าลงสัมผัสพื้น มือคว้า เสาน้ำเกลือพลางก้าวเดินอย่างทุลักทุเล สองเท้าค่อยย่างเดินไปทีละก้าว ทำให้ฟ้ารดาในตอนนี้ดูเหมือนโจรย่องเบา ทั้งที่ความจริงเธอเพียงอยากเข้าห้องน้ำแต่ ไม่กล้ารบกวนเขาต่างหาก ก่อนเอื้อมมือแตะลูกบิดประตู อยู่ๆ ก็มีแรงโอบจากข้างหลังทำให้ต้องหยุดชะงัก “ทำไมไม่เรียกพี่” เสียงเข้มกระซิบข้างหู ลมหายใจอุ่นๆ รินรดบนซอกคอ จนเธอสะดุ้งเฮือก “คะ” ฟ้ารดาขืนกายด้วยไม่คุ้นชินกับสัมผัส คิ้วเรียวขมวดมุ่นในจังหวะที่ภารัณขยับเข้ามา “พี่ถามว่าทำไมไม่เรียกพี่” “เห็นคุณหลับอยู่ ฉันไม่กล้ารบกวนคุณค่ะ” เมื่อได้ยินเช่นนั้นชายหนุ่มก็ปล่อยมือจากเอวบาง “ทีหลังก็เรียกพี่ระหว่างเราไม่มีอะไรต้องมาเกรงใจ” “ค่ะ” ฟ้ารดาพยักหน้า ส่วนภารัณเองก็ช่วยพยุงคนป่วยให้ทำธุระอย่างที่ต้องการ พอประตูห้องน้ำปิดลง เจ้าของร่างสูงยืนหน้าบึ้งตึงทำตัวไม่ถูก มีบางอย่างกระทบความรู้สึกเขา คำว่าคุณกับท่าทางห่างเหินทำใจแกร่งคันยิบๆ เพราะไม่ใช่ สิ่งที่ตนคุ้นชิน อีกฝ่ายดูเย็นชา และเขาเองก็เกลียดสถานการณ์ที่ ไม่สามารถควบคุมได้ โดยเฉพาะเรื่องความสัมพันธ์ ตอนนี้ระหว่างตนกับฟ้ารดากลับเป็นเช่นนั้น ช่างน่าหงุดหงิดสิ้นดี ไม่ถึงห้านาทีฟ้ารดาก็เปิดประตูก้าวออกมา ภารัณตรงจะเข้าไปช่วย แต่มือบอบบางโบกเป็นเชิงปฏิเสธเสียก่อน “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไหว” เอ่ยจบก็หันหลังทันที แต่ละก้าวของเธอเชื่องช้าจนคนมองขัดใจ ภารัณพ่นลมหายใจแรงตามหลังด้วยความหงุดหงิดที่ไต่ระดับจนติดเพดาน จากนั้นร่างสูงก็ก้าวยาวๆ ตรงไปยังบริเวณข้างเตียงผู้ป่วย “หมอวีบอกพี่ว่าฟ้าความจำเสื่อม จำอะไรไม่ได้สักอย่าง” “ฟ้า?” แววตาสับสนดูมีคำถามข้างใน “ฉันชื่อฟ้าเหรอคะ แล้วคุณ…” “พี่รัณ ปกติฟ้าเรียกพี่ว่าพี่รัณ” ชายหนุ่มฝืนยิ้มและแนะนำสรรพนามซึ่งมั่นใจว่าหญิงสาวเองก็คุ้นชิน เวลานี้ไม่ว่าจะสำหรับตนหรือฟ้ารดาก็ไม่มีอะไรง่ายทั้งนั้น นอกจากสถานะพ่อแม่มือใหม่แบบส้มหล่น พวกเขายังต้องรื้อฟื้นความจำและทำความรู้จักกันใหม่ตั้งแต่ต้น “งั้นคุณก็เป็น…” “ใช่ พี่เป็นสามีฟ้า” สัญชาตญาณเธอไวเสมอ มองปราดเดียวก็รู้ว่าเขามีสถานะอะไร ฟ้ารดาพยักหน้า นัยน์ตาหม่นเศร้าสบตาคู่สนทนาพลางกำ ผ้าปูที่นอน เธอเงียบชั่วขณะจากนั้นก็เอ่ยในสิ่งที่เขาไม่คาดฝันว่าจะได้ยิน “ฉะ…ฉันผิดที่ไม่รู้จักระวังพาลูกไปเสี่ยง เมื่อคืนคุณคงวุ่นวายมากเพราะห่วงพวกเราใช่ไหมคะ” ฟ้ารดาโทษตัวเองทั้งที่ไม่จำเป็นด้วยซ้ำ คำพูดจากริมฝีปากบางเล่นเอาใจคนฟังสะท้านด้วยความหวั่นไหว ภารัณกำหมัด พยายามยั้งสองขาไม่ให้ก้าวไปกอดคนตัวเล็ก นี่เป็นครั้งที่เท่าไรไม่รู้ที่เขาเกลียดตัวเอง คนเรามีสิ่งที่อยากทำกี่ร้อยกี่พันอย่างก็ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องทำเสมอไป “ขะ…ขอโทษ ฉันขอโทษ” แต่กลายเป็นว่าพอนิ่งหญิงสาวยิ่งสะอื้นหนักขึ้น แววตาเต็มไปด้วยความโศกมองกลับมา และช่วงเวลาที่จ้องลึกลงไปนัยน์ตาคู่นั้น ชายหนุ่มรู้สึกว่าเธอน่าสงสารจับใจ “ไม่เอาสิอย่าร้อง” เขาบอก “ยิ่งฟ้าร้องลูกก็เศร้าไปด้วยนะ” “ฮึก…ก็ฉัน” เสียงร่ำไห้และหยาดน้ำตาเปียกแก้มนวล ปลายจมูกเธอแดงก่ำ ดวงตาหลุบมองมือซึ่งบีบกันแน่น “มีแม่ขี้แยแบบนี้แล้วลูกพี่จะเข้มแข็งได้ยังไง” ท้ายที่สุดเอ่ยจบก็เลือกทิ้งภาระที่แบกไว้ข้างหลังแล้วก้าวไปหาเธอ วงแขนกว้างรวบตัวร่างนิ่มมากอดอย่างที่ใจอยากทำ มือแกร่งลูบเรือนผมยาวอย่างปลอบประโลม “ไม่ต้องโทษตัวเอง คนผิดเรื่องนี้มีแค่พี่” “…” “แค่พี่คนเดียว” เสียงทุ้มพึมพำข้างหู จากนั้นก็กดจูบตรงกระหม่อม ชายหนุ่มปิดเปลือกตาลงช้าๆ เวลานี้ไม่ปรารถนาคิดถึงเหตุผลล้านแปดให้ปวดหัว เขาอยากซึมซับไออุ่นของเนื้อนางนิ่มๆ ในอ้อมกอดมากกว่า แค่ชั่วขณะก็ยังดี… แต่แล้วบานประตูก็เปิดออก เสียงทักทายของผู้มาใหม่ ลอยเข้าหูดึงภารัณคืนสู่โลกแห่งความจริง สวรรค์คงไม่อยากให้ปีศาจร้ายเช่นเขามีความสุขนานนัก “ฟ้า!” มินตราเรียกดังจนฟ้ารดาสะดุ้ง หล่อนก้าวฉับๆ ไม่กี่ก้าวก็มาหยุดยืนอยู่ข้างเตียง “แกเป็นไงบ้าง เจ็บตรงไหนหรือเปล่า ได้ยินข่าวเมื่อเช้าฉันห่วง แทบแย่” ร่างอรชรแทรกกายแยกสองสามีภรรยาจากกัน หล่อนกุมมือ คนป่วยหลวมๆ แววตาเจือห่วงใยกวาดมองใบหน้างาม “ดีนะไม่เสียโฉม ฉันบอกแล้วใช่ไหมเมื่อวาน…” “คนนี้มินเพื่อนสนิทฟ้าตั้งแต่สมัยมหาลัยน่ะ” เสียงเข้มสวนขึ้นเล่นเอาหล่อนตวัดตามองผู้พูดทันที หากภารัณกลับนิ่ง วางท่าเรียบเฉยแกล้งทำไม่รู้ทั้งที่ทราบเจตนาอีกฝ่ายเป็นอย่างดี ถ้าต้องจำกัดความระหว่างเขากับมินตราคงใกล้เคียงสุภาษิตไทยที่ว่าไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ที่สุด “เดี๋ยวนะ หมายความว่าไงพี่แนะนำมินทำไม” มินตราเบิกตากว้าง คนอย่างหล่อนติดเล่นใหญ่เสมอ แม้ความรู้สึกแท้จริงน้อยนิดเท่าเศษผง “อุบัติเหตุเมื่อวานทำให้ฟ้าความจำเสื่อมค่ะ ตอนนี้ฟ้าจำอะไรไม่ได้สักอย่างแม้กระทั่งเรื่อง…ลูก” ฟ้ารดาตอบก่อนพรูลมหายใจอย่างหนักอก คำว่าลูกที่เปล่งออกมานั้นเบาหวิวจนคนฟังแทบ ไม่ยิน “ลูก?” “เดี๋ยวพี่อธิบายต่อเองฟ้าไม่ต้องห่วงนะ” “แต่…” “อย่าทำให้ฟ้าอึดอัดสิมิน” มือสากสัมผัสไหล่มินตราเบาๆ เป็นเชิงเตือน แต่ดวงตาคมเข้มกลับวาวโรจน์ขึ้นจนน่ากลัวเหมือนต้องการบอกว่าพร้อมเชือดถ้าหล่อนเกิดปากสว่าง “งั้นขอตั้งสติก่อนนะฟ้า พี่รัณมินมีเรื่องอยากคุยกับพี่หน่อย” “เอาไว้วันหลัง ตอนนี้พี่ขอดูแลฟ้าก่อน” “ไม่เป็นไรค่ะไปคุยกันเถอะ” ริมฝีปากกระจับคลี่ยิ้มคล้ายสื่อให้พวกเขาวางใจ “ไม่หิวหรือไง นี่เลยเที่ยงแล้วนะ” ทว่าพอเจ้าของดวงตาคู่คมก้มดูนาฬิกาข้อมือ ฉับพลันคิ้วก็ขมวดมุ่น “ฉันปวดหัวนิดหน่อยค่ะ อยากพักผ่อนมากกว่า” เสียงหวานตัดบทแล้วเอนกายนอนลง มือจับผ้าห่มคลี่คลุมถึงลำคอ “ปวดหัวเหรอ พี่เรียกหมอวีมาดูอาการฟ้าอีกรอบดีไหม” ชายหนุ่มกุลีกุจอดูแลผู้เป็นภรรยา ทาบหลังมือบนหน้าผากเพื่อวัดอุณหภูมิผิวกาย เพราะเกรงว่าฟ้ารดาอาจมีไข้ “งั้นมินรอข้างนอกนะ” เอ่ยจบมินตราก็หมุนปลายเท้าหันหลังด้วยทีท่ารีบร้อน เสียงกระแทกอันมาจากบานประตูถึงไม่แรงมาก แต่ก็ห่างไกลคำว่าเบามือ “คุณไปเถอะ ฉันอยู่คนเดียวได้” “แต่พี่เป็นห่วง” “ถ้าห่วงก็ตามใจสิคะ อย่าดื้อ” ชายหนุ่มไม่ทันอ้าปากเถียง ร่างบางเอี้ยวตัวมาจรดปลายนิ้วลงบนปากหยัก สัมผัสเธอเบาหวิวราวสายลมพัดผ่าน ทว่าเปี่ยมล้นไปด้วยพลังมหาศาลซึ่งสามารถดึงดูดคนตัวสูงให้ต้องมนตร์สะกด เขาตกหลุมความน่ารักที่ฟ้ารดาขุดไว้ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ อยู่ดีๆ ใบหน้าก็แดงเห่อลามถึงกกหู สุดท้ายจึงตัดปัญหาด้วยการวาง มาดขรึมพร้อมกล่าวนิ่งๆ และพาตนเองออกจากสถานการณ์ ไม่คาดคิด “ก็ได้ งั้นเดี๋ยวพี่มานะ” มือหนาปิดประตูอย่างเบามือที่สุด เจ้าของร่างสูงก้าวไม่ ถึงไหน ร่างอวบอิ่มซึ่งเฝ้ารออยู่ข้างประตูก็พุ่งมาขวางทาง “คุยเสร็จแล้วเหรอคะ พี่รัณดูห่วงฟ้าจังนะ” “พูดแบบนี้อยากสื่ออะไร” คิ้วเข้มเลิกขึ้นเชิงถาม ใบหน้าคมแผ่รังสีไม่พอใจให้อีกฝ่ายรับรู้ ด้านมินตราพอเห็นท่าทีคนตรงหน้าก็ป้องปากหัวเราะ “มินแค่เบื่อความปลอมเปลือกน่ะ” หล่อนตอกกลับไม่ไว้หน้าเขา เพราะมั่นใจว่าจุดประสงค์ที่ภารัณมีต่อฟ้ารดาไม่ใช่รักแต่เป็นอย่างอื่นต่างหาก “มิน!” “ทำไมมินพูดความจริงหน่อยรับไม่ได้หรือไง” “หยุดพูดบ้าๆ นะ” ชายหนุ่มบีบข้อมือหล่อนเต็มแรง จากนั้นทั้งคู่ก็มุ่งหน้าไปทางบันไดหนีไฟ เมื่อถึงจุดหมายที่ต้องการมือหนากระชากประตูเหล็ก ก่อนเหวี่ยงร่างหล่อนกระแทกผนังปูน “ทำไมอยากคุยตรงนี้กลัวสินะ ถ้าฟ้ารู้ความจริงไม่มีวันรับได้อยู่แล้ว” “คนอย่างพี่ไม่เคยกลัวความจริงสักวันฟ้าก็ต้องรู้อยู่ดี” แววตาเขาไหวสั่นก่อนหลุบลงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ท่าทางไม่มั่นใจของเขาทำหล่อนรู้ทันทีว่าตัวเองคิดถูก “แน่ใจเหรอ แต่ที่พี่รัณทำดูไม่เป็นอย่างที่พูดนะคะ” มินตราเริ่มไล่ต้อนภารัณเพื่อหวังให้จนมุม “พี่รู้ไหมคะตอนนี้ตัวเองกำลังหวั่นไหวแค่ไหน” “…” “หรือรู้มาตลอดแต่แกล้งไม่ยอมรับกันแน่” พอหล่อนคาดคั้นความจริง ชายหนุ่มเลือกเงียบใส่ ทว่าการกระทำเช่นนี้นับว่าเป็นคำตอบที่ชัดเจนแล้วไม่ใช่หรือไง มินตราแค่นยิ้มออกมาจากนั้นก็กล่าวเสียงเย็น “ถ้าขืนเป็นแบบนี้ สุดท้ายพี่ก็จะแพ้ครอบครัวที่ตัวเองบอกว่าเกลียดนักเกลียดหนา เพราะพี่ดันใจอ่อนกับฟ้าไงล่ะ มินไม่คิดเลยว่าผู้ชายอย่างพี่จะโง่เพราะความรัก” หล่อนเปิดบาดแผลเหวอะหวะซึ่งภารัณพยายามปกปิดไว้ด้วยการฉีกทึ้งมันอีกรอบ ฉับพลันภาพอดีตก็ผุดขึ้นมา เหตุการณ์เลวร้ายเหล่านั้นฉายชัดเข้ามาในหัวซ้ำๆ ราวกับว่ามันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ เหมือนต้องการปลุกชายหนุ่มให้ลืมตามองความจริง ตั้งแต่เริ่มระหว่างเขากับฟ้ารดาไม่ต่างกับเส้นขนาน ต่อให้รักมากแต่ไม่อาจเป็นจริงได้…ไม่มีวัน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD