ก้าวข้ามความกลัว

2971 Words
"เอาจริงเหรอขนม แกเปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันนะ" ใบบัวหันมาถามเพื่อนสาวที่ยืนข้างกาย ย้ำเป็นครั้งสุดท้าย เมื่อเห็นสายตามุ่งมั่นของขนมหวานที่หันกลับมามอง พร้อมทั้งใบหน้าที่พยักรับแรงๆ ก็เบาใจ แต่ยังคลายความกังวลและเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี "ถ้าแกมั่นใจก็ไป" เดินตามใบบัวเข้าไปยังหลังเวทีซึ่งเป็นห้องแต่งตัวของเหล่าบรรดาพริตตี้ในงานมอเตอร์โชว์รถหรูนำเข้า และอีกสองชั่วโมงข้างหน้างานก็จะเริ่มขึ้น ขนมหวานนั่งเชิดหน้าให้เพื่อนสาวอย่างใบบัวจัดการแต่งองค์ทรงเครื่องแปลงโฉมให้สวยงาม สมกับเป็นพริตตี้งานมอเตอร์โชว์ใหญ่ประจำปี และเธอยังได้เป็นพริตตี้ของรถซูเปอร์คาร์ราคาหลายสิบล้าน ใช้เวลาแต่งตัวแต่งหน้าราวหนึ่งชั่วโมง พริตตี้ใหม่แกะกล่องนามว่าขนมหวานก็แปลงโฉมเสร็จเรียบร้อย ใบหน้าที่สวยเป็นทุนเดิมเมื่อถูกแต่งเติมเครื่องสำอางโดยคนมีฝีมือ ก็ยิ่งทำให้หญิงสาวดูสวยงามมากยิ่งขึ้น เรือนกายขาวเนียนที่มีร่องรอยแดงช้ำจากฝีมือคนใจร้าย ถูกใบบัวใช้รองพื้นทาปกปิดจนมองไม่เห็น "สวยว่ะขนม ยิ่งแต่งยิ่งสวย ฉันว่าเสร็จจากงานนี้แกคงมีงานเข้ามาเรื่อยๆ ฉันคงตกงานก็คราวนี้" ใครจะรู้ว่าสาวสวยเปรี้ยวเข็ดฟันอย่างใบบัวก็ทำอาชีพพริตตี้ตั้งแต่เข้าเรียนปีหนึ่ง เพื่อส่งเสียตัวเองเรียน เพราะไม่อยากรบกวนเงินทองจากที่บ้าน "ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก เอาเข้าจริงๆ ฉันอาจจะพูดไม่ออก เพราะตื่นเต้นทำงานเขาเสียหายก็ได้" "แกไม่ใช่คนขี้ขลาด ไม่อย่างนั้นแกจะมานั่งอยู่ตรงนี้เหรอ และแกคือคนเก่งที่เก่งมาก ไม่อย่างนั้นโชคจะหล่นทับแกแบบนี้เหรอ" ขนมหวานหายใจเข้าลึกจนสุดและผ่อนออกมายาวๆ ใช่เธอเก่ง และนั่นคงเป็นความเก่งเดียวที่เธอมี เพราะเหตุสุดวิสัยก่อนหน้าทำให้เธอตัดสินใจก้าวขาเข้ามารับงานนี้ เนื่องจากพริตตี้ที่ต้องขึ้นโชว์ท้องเสียกะทันหัน ผู้จัดงานจึงกวาดสายตามาปะทะเธอ ที่มายืนเป็นกำลังใจดูใบบัวทำงานอย่างไม่ตั้งใจ เมื่อเห็นหน่วยก้านเข้าตาจึงชักชวนให้เธอมาทำงานนี้ ซึ่งสคริปต์ที่ต้องอ่านก็ยาวและมีแต่คำศัพท์เฉพาะทางเป็นข้อมูลสำคัญของรถทั้งนั้น แต่สิ่งเหล่านั้นไม่ใช่ปัญหาสำหรับขนมหวาน เพราะสมองของเธอทำงานได้ดี สามารถจดจำข้อความเหล่านั้นได้อย่างแม่นยำเพียงแค่อ่านข้อมูลรอบเดียวเท่านั้น "ฉันขอให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี ถ้าสำเร็จนี่คงเป็นเงินก้อนแรกที่ฉันหามาได้ ฉันอยากมีเงินเยอะๆ" "ขนม ฉันถามเผื่อไว้นะ ถ้าพี่ชายแกมาเห็นเข้าแกจะทำยังไง แม้ชุดที่แกใส่จะไม่ได้โป๊อะไร แต่แกต้องทำงานต่อหน้าผู้ชาย มีผู้ชายมากมายมายืนมองแก แกคิดว่าพี่ชายแกจะโอเคไหม แกจะเจ็บตัวหรือเปล่า" นั่นคือสิ่งที่ใบบัวเป็นห่วงที่สุด แม้ท่านอธิการจะใจร้ายและปากดี แต่ลึกๆ ผู้ชายคนนั้นหวงเพื่อนเธออย่างกับอะไร "ก็อาจจะเจ็บมั้ง แต่ก็ดี เขาจะได้รู้ว่ามีผู้ชายหลายต่อหลายคนอยากได้ฉัน คนที่เขาบอกว่าไม่มีวันเอามาเป็นเมีย เป็นได้มากสุดก็แค่ตุ๊กตายางที่มีไว้เพื่อระบายอารมณ์" มันเจ็บมากเลยนะที่ต้องพูดคำนี้ออกมา เจ็บตั้งแต่วันที่ได้ยินเขาพูดคุยกับเพื่อนวันนั้น และนั่นคือเหตุผลที่ทำให้เธอตัดสินใจรับงานนี้ ย้อนไปเมื่อหลายวันก่อน ขนมหวานเดินถือถาดน้ำรวมไปถึงกาแฟและขนมหวานมายังสวนหน้าบ้าน เพื่อนำมาเสิร์ฟให้เหนือฟ้าเพื่อนสนิทของอชิระ ที่สามารถเข้านอกออกในบ้านของอชิระได้ตลอดเวลา เพราะรู้จักกันตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม "นี่มึงจะทำร้ายขนมไปถึงไหนวะ ไม่สงสารน้องบ้างหรือไง เรื่องมันก็ผ่านมาตั้งนานแล้วไหม ถ้าวิญญาณพ่อแม่มึงรู้ท่านคงเสียใจ นอนตายตาไม่หลับ" "แล้วมึงคิดว่าทุกวันนี้กูนอนหลับหรือไง หลับตาลงครั้งใดก็มีแต่ภาพวันนั้น แม่งถ้ายัยนั่นไม่วิ่งออกมาจากบ้านนะ พ่อกับแม่กูก็ไม่ต้องมาตาย พูดแล้วอารมณ์เสีย" เหนือฟ้าส่ายหน้าไปมา เออ... อย่าว่าแต่มันอารมณ์เสียเลย ตอนนี้เขาก็อารมณ์เสียเหมือนกัน ที่มีเพื่อนอย่างมัน เห็นแก่ตัวเป็นที่สุด เจ้าคิดเจ้าแค้นอย่างกับผู้หญิง คอยดูนะถ้าคิดได้ในวันที่สายไป พ่อจะสมน้ำหน้าให้ "แต่มึงไม่มีสิทธิ์ย่ำยีขนมแบบนี้ น้องมันโตแล้วนะ มันก็อยากมีชีวิตของมัน ส่วนมึงวันหนึ่งก็ต้องมีเมียไหมวะ หรือว่าที่มึงไม่ยอมปล่อยขนมไปเพราะมึงรักขนม เลยเอาข้อนี้มาอ้างเพื่อเป็นข้อผูกมัดไม่ให้ขนมไปจากมึง" กูว่าใช่ นั่งเงียบแบบนี้แสดงว่าใช่ ไอ้นี่ถ้าจะบ้า มันคิดได้แค่นี้ใช่ไหมเนี่ย เขานี่นะอยากได้ยัยขนมหวานนั่นมาเป็นเมีย ไม่มีทาง!! "กูไม่ได้รักขนม ไม่เคยแม้เพียงเสี้ยว หัวใจของกูมันมีแต่คำว่าเกลียดอยู่เต็มไปหมด และกูจะบอกอะไรให้นะ ว่าขนมหวานสำหรับกูก็คือของกินเล่นที่ไม่มีคุณค่า อยากกินก็หยิบมาฉีกซองกิน กินเสร็จก็ทิ้งลงถังขยะ อีกหน่อยถ้ากูเบื่อก็คงทิ้ง มึงคิดว่ากูจะเลี้ยงดูคนอื่นที่ไม่ใช่พี่น้องกูไปตลอดชีวิตเลยเหรอ ยัยนั่นไม่มีค่าในสายตากูเลยสักนิด ไม่คู่ควรที่จะมาเป็นเมียกูด้วยซ้ำ ไม่สิ! คำว่าคู่นอนยังมากเกินไป เป็นได้แค่ตุ๊กตายางที่กูมีไว้เพื่อแก้เ****นเท่านั้น เพราะฉะนั้นมึงเลิกเพ้อเจ้อคิดว่ากูชอบยัยนั่นสักที" "มึงพูดแรงไปปะวะ เกิดน้องมันมาได้ยินน้องมันจะเสียใจเอานะ" อชิระไหวไหล่ใส่ ยิ้มมุมปากแบบกวนประสาทและไม่แคร์ใดๆ ดู...ดูมันทำไอ้นี่ อยากจะยื่นขายาวๆ ไปเขี่ยให้มันตกจากเก้าอี้จริงๆ "แล้วไง กูต้องแคร์? ยัยนั่นเสียใจแล้วไง ไม่ใช่กูสักหน่อย กูว่ามึงหยุดพูดเถอะกูชักจะรำคาญขึ้นมาแล้ว" เหนือฟ้าส่ายหน้าอีกครั้งอย่างเอือมระอาแลอ่อนอกอ่อนใจ ถ้าเป็นหมาขึ้นมา กูนี่แหละจะเอาอาหารมาเลี้ยงมึงคนแรกไอ้อชิ ส่วนคนที่ยืนฟังตั้งแต่ต้นจนจบ มือที่ถือถาดกาแฟสั่นและอ่อนแรงแทบจะปล่อยถาดกาแฟร่วงลงพื้น น้ำตาไหลนองหน้าจนมองแทบไม่เห็นภาพเบื้องหน้า หัวใจแตกสลายออกจากกันอีกครั้งสินะ จากที่แตกอยู่แล้วก็แตกลงไปซ้ำๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า จนเศษหัวใจแทบจะละเอียด ขนมหวานถอนหายใจออกมาเมื่อหวนคิดถึงเรื่องราวที่ทำให้เธอต้องมานั่งคิดทบทวนกับตัวเองเสียใหม่ ว่าต่อจากนี้เธอต้องทำตัวเช่นไร เดินทางชีวิตไปในรูปแบบไหนถึงจะมีชีวิตรอดจากผู้ชายคนนั้น และพาตัวเองออกไปจากเขาให้ได้เร็วที่สุด สิ่งเดียวที่จะทำให้เธอหนีเขาได้ คือเธอต้องมีเงิน ต่อไปนี้ขนมหวานที่หมายความว่าของกินเล่นที่เขาพูดใส่หน้าตลอดเวลา เธอจะเป็นอย่างที่เขาพูด เขาจะต้องเสียตังค์ซื้อขนมชิ้นนี้กินทุกครั้งที่เขาอยากจะกิน ถ้าเงินไม่มีก็ไม่ต้องกิน "ขนมใกล้จะได้เวลาแล้วนะ พร้อมไหม" ใบบัวดึงสติของขนมหวานกลับมาด้วยคำพูด ส่งยิ้มให้เพื่อนด้วยความเป็นห่วง "พร้อมสิ ฉันพร้อมสู้แล้ว ปะ" ใบบัวเข้าใจว่าพร้อมสู้ของขนมหวานในที่นี้คงหมายถึงสู้กับงานนี้ แต่ขนมหวานหมายถึงเธอพร้อมสู้กับทุกอย่างต่อจากนี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรหนักหนาแค่ไหนเธอจะสู้ไม่ถอย แม้จะเป็นงานแรกแต่ขนมหวานกลับทำออกมาได้อย่างดีเยี่ยม น้ำเสียง ท่าทาง แววตา รอยยิ้ม ทุกอย่างที่หญิงสาวแสดงออกมาเมื่อยืนอยู่เคียงคู่กับรถซูเปอร์คาร์หรู ช่างดูสวยสะดุดตาและดูสง่าสมกับราคาของรถ น้ำเสียงที่พูดถึงสมรรถนะของรถก็ชวนฟัง มีหนักมีเบาคละเคล้ากันไป เป็นจุดสนใจทำให้ผู้มาร่วมงาน ต่างแวะถ่ายรูปและยืนมองพริตตี้สาวสวยหน้าใหม่ ที่อาจจะกลายเป็นพริตตี้ดาวรุ่งในอีกไม่ช้าก็เป็นได้ และจำนวนผู้คนที่มายืนดูรถยนต์คันหรูสีดำที่จอดอยู่มากกว่าคันอื่น ก็นำพาความสงสัยใคร่รู้กระตุกต่อมเผือกของชายหนุ่มที่ตั้งใจจะเข้ามาเดินดูของสวยๆ งามๆ ให้มุ่งมายังรถคันนี้เช่นเดียวกัน และเมื่อแทรกตัวผ่านผู้คนเข้ามาได้ ก็ถึงกับอ้าปากค้างกับพริตตี้สาวสวยที่ยืนยิ้มหวานข้างรถ "ขนมหวาน" เอ่ยชื่อออกมาราวกับไม่อยากจะเชื่อ เพราะขนมหวานที่เห็นในวันทั่วไปกับคนนี้แทบจะไม่ใช่คนเดียวกันเลย นี่ไม่ใช่ขนมหวานแล้วเป็นขนมเปรี้ยวเข็ดฟันเลยล่ะ หากเพื่อนใจยักษ์ของเขามาเห็นขนมหวานในตอนนี้เข้าจะเป็นยังไงนะ ขนมหวานกวาดสายตามองผู้คนที่มารุมล้อมถ่ายรูปตัวเอง รอยยิ้มหวานยิ้มค้างหัวใจเต้นสะดุดไป เมื่อเห็นเหนือฟ้ายืนอยู่ด้านข้าง รีบมองหาใครอีกคนที่อาจจะมาด้วยกัน แต่เมื่อเห็นเหนือฟ้าโบกมือเป็นสัญญาณคล้ายกับว่ามันไม่ได้มา เขามาคนเดียวก็โล่งใจ พยักหน้ารับและส่งยิ้มให้ หลังจากเสร็จงานเรียบร้อยเงินก้อนแรกก็ถูกโอนเข้าบัญชี ขนมหวานที่เปลี่ยนมาใส่ชุดนักศึกษาก็ยืนยิ้ม มอง SMS แจ้งเตือนยอดเงินเข้าบัญชีของตัวเองแก้มปริ เงินก้อนแรกที่หามาได้จากน้ำพักน้ำแรง แม้จะเป็นเพียงเงินแค่สามพันบาท แต่สำหรับขนมหวานถือว่ามากมายนัก "ขนม" เจ้าของชื่อสะดุ้งเฮือกรีบหันกลับไปมองยังด้านหลัง ลมหายใจถูกผ่อนออกมาด้วยความโล่งใจ ส่งยิ้มให้เหนือฟ้า "เมื่อกี้หน้าซีด คิดว่าเพื่อนพี่มันมาด้วยเหรอ" กระเซ้าเย้าแหย่ตามประสาคนอารมณ์ดี "ค่ะ ถ้าเขามาแล้วเห็นว่าขนมทำพริตตี้เขาคงโกรธมาก" นั่นคือเรื่องจริงที่เหนือฟ้าไม่เถียง "แล้วนึกยังไงถึงมาทำ และถ้ามันรู้จะทำยังไง วันนี้คนรุมถ่ายรูปขนมเต็มไปหมด ไม่คิดว่ามันจะผ่านตาอชิบ้างเหรอ มันยิ่งชอบรถอยู่ เสี่ยงหาเรื่องเกินไปหรือเปล่า" และที่พูดเนี่ย ก็เพราะว่าห่วงทั้งนั้น เพราะรู้จักนิสัยเพื่อนดี ว่าไม่ใช่คนดีอย่างที่คนทั่วไปเข้าใจ จริงๆ แล้วอชิระคือยักษ์ใจร้ายที่ถูกฉาบไว้ด้วยเทพบุตรต่างหาก คนถูกถามเชิดใบหน้าที่ยังคงมีเครื่องสำอางขึ้น อาการหวาดกลัวไม่มีให้เห็น แต่มีแววกังวลฉายอยู่ในแววตาพอประมาณ "ขนมอยากมีเงิน ขนมอยากหาเงินใช้เองบ้าง ขนมไม่อยากแบมือขอเงินจากเขา ไม่อยากให้เขามาลำเลิกบุญคุณทีหลัง ส่วนเรื่องที่เขาจะรู้ว่าขนมทำงานวันนี้ก็เรื่องของเขา รู้ก็รู้ไป แต่ขนมจะทำ" เกิดอะไรขึ้นวะ ทำไมอยู่ดีๆ เด็กดีที่อยู่ในโอวาทกลับเริ่มกระด้างกระเดื่องไม่อ่อนข้อเหมือนเมื่อก่อน แต่ก็ดีไม่ใช่เหรอที่เป็นแบบนี้ "ไม่กลัว" เหนือฟ้าหยั่งเชิงถาม คนถูกถามกลับส่ายหน้ารัว "กลัวค่ะ แต่จะทำยังไงได้ ขนมต้องสู้เพื่อตัวเอง" เออวะ ใจได้แฮะ บทจะสู้ก็สู้ขึ้นมาดื้อๆ แต่เขาก็เอาใจช่วยนะ ขอให้ขนมหวานหลุดพ้นจากเพื่อนใจยักษ์ของเขาเสียที สิ่งที่เพื่อนใจยักษ์ของเขาทำอยู่เขาไม่เห็นด้วยสักเท่าไหร่ ครั้นเตือนไปก็เหมือนพูดกับคนบ้า "พี่เอาใจช่วย ถ้ามีอะไรอยากให้ช่วยก็บอก ยังไงพี่ก็เอ็นดูเราเหมือนน้องสาว" "ช่วยไปส่งที่มหาลัยได้ไหมคะ เพื่อนพี่เหนือให้ไปหาที่นั่น" "งั้นก็ไป แต่จะไม่ล้างหน้าใช่ไหม ไปแบบนี้นะ" ขนมหวานยิ้มรับ "ค่ะ" "ไม่กลัวมันถาม" "อยากให้ถามมากกว่า" เมื่อพูดมาแบบนี้ก็คงต้องปล่อยไป ค้านไปก็ไร้ประโยชน์เปล่าๆ สงสัยต่อจากนี้คงมีเรื่องสนุกวุ่นวายชวนปวดหัวมากกว่าเดิมแน่ๆ อชิระหรี่สายตาเพ่งพินิจพิจารณาผู้หญิงที่ยืนตรงหน้าตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ปลายเท้ากลับขึ้นไปหยุดที่ใบหน้า ใบหน้าเรียบเฉยติดไปทางไม่พอใจ สายตาที่ทอดมองมาก็ยิ่งแจ่มชัดว่าไม่พอใจเอามากๆ "ผีเข้าหรือไง ถึงได้แต่งหน้าเป็นงิ้วแบบนี้ ไม่ได้ดูกระจกเหรอว่ามันทุเรศขนาดไหน" เรื่องพูดให้เจ็บช้ำน้ำใจและเสียความมั่นใจนี่อชิระถนัดนักแล แม้ความจริงคนตรงหน้าสวยมาก สวยสะดุดตา สะดุดใจจนหัวใจเต้นมั่วไปหมดตั้งแต่เห็นขนมหวานเปิดประตูห้องทำงานเข้ามาก็ตาม "ดูค่ะ แต่ก็เห็นว่าสวยดี และผู้ชายหลายๆ คนที่เห็นก็ยังเอ่ยปากชมว่าสวย" ไม่รู้ไปเอาความมั่นใจและปากกล้า ต่อปากต่อคำแบบนี้มาจากที่ไหน จนคนฟังถึงกับขมวดคิ้วมุ่น ใบหน้าเรียบเฉยชักสีหน้าไม่พอใจ แทบจะเป็นถมึงทึงเสียด้วยซ้ำ "มานี่สิ" ตวาดเรียกเสียงดัง เกือบทำให้ขนมหวานสะดุ้ง แต่ยังดีที่ยั้งไว้ทัน แต่ถึงอย่างนั้นใจเจ้ากรรมก็ยังเต้นแรง เดินเข้าไปหาคนเจ้าอารมณ์ที่ร้อนดั่งไฟเวลาเห็นหน้าเธอ "มีอะไรคะ" กระชากร่างบางเข้าหา ตวัดวงแขนรัดเอวคอดให้ร่างบางในชุดนักศึกษาของมหาวิทยาลัยตัวเองนั่งลงบนตัก ตวัดสายตามองลอดผ่านแว่นถนอมสายตาที่สวมใส่ มองหญิงสาวใกล้ๆ ฝังจมูกลงบนลำคอขาวเพื่อพิสูจน์อะไรบางอย่าง ก่อนจะผละออก "ไม่ได้ไปแรดที่ไหนมาใช่ไหม" "แค่แรดกับคุณอชิคนเดียวก็เหนื่อยจนจะไม่ไหวแล้วค่ะ ไม่มีแรงไปแรดต่อกับใครหรอก" ปากดีแบบนี้มันคงต้องกำราบให้เบาลงบ้าง ฉกเรียวปากลงบนเรียวปากอิ่มที่เคลือบด้วยลิปสติกบดขยี้อย่างเอาแต่ใจ เพื่อให้ขนมหวานเผยอปากตอบรับ เมื่อได้ดั่งใจปรารถนา ลิ้นสากจึงสอดเข้าสู่โพรงปากหวานเกี่ยวรัดรึงลิ้นหวานที่ตอบรับออกมาอย่างไม่อิดออด ตามใจอชิระอย่างรู้งาน มือบางวางลงบนหน้าอกแกร่งและลูบไล้เบาๆ ยิ่งทำให้อชิระมีความต้องการมากขึ้นเรื่อย มือหนากระชากเสื้อนักศึกษาออกจนกระดุมกระเด็นกระดอนหลุดออกจากกัน เคล้นคลึงความอวบอิ่มนิ่มมือ จนเกิดเสียงครางหวานหูดังขึ้นให้ได้ยิน "อื้อ..." อชิระจึงผละริมฝีปากออก เผยรอยยิ้มแห่งชัยชนะบนหน้า ที่ทำให้คนบนตักครางออกมาได้ และยังทำให้เสื้อเธอขาดไม่มีชิ้นดีอีกด้วย "ก็แรดดีนี่ ถูกจูบบีบนมแค่นี้ก็ครางออกมาแล้ว" "ขอตังค์ด้วยค่ะ" แบมือมาตรงหน้า ทำสีหน้าเรียบเฉยใส่ จนคนถูกของเงินเผลอแสดงความงุนงงออกมาให้เห็นทางสายตา เป็นบ้าอะไรวะเนี่ย อยู่ดีๆ ก็มาขอตังค์ นอกจะแต่งหน้าแต่งตาจนสวยผิดหูผิดตาจนเขาทนไม่ไหวต้องดึงมาจูบ พอจูบเสร็จยังจะมาของเงินอีก เป็นบ้าหรือไง "อะไรของเธอ ตังค์อะไร วันนั้นก็ให้ไปแล้วไงหมื่นนึง" "ก็คุณอชิทำกระดุมเสื้อขนมขาด ก็ต้องเอาตังค์ให้ขนมไปซื้อเสื้อหรือซื้อกระดุมใหม่สิ ไม่รู้กระเด็นออกไปไหนบ้าง เอาตังค์มาค่ะ" "เธอก็ไปบอกร้านสวัสดิการสิ ว่าฉันให้มาเอา อีกอย่างเขาก็รู้ว่าเธอคือใคร ทำไมจะต้องซื้อ" "งั้นคุณอชิก็ต้องไปเอามาให้ เพราะขนมออกไปแบบนี้ไม่ได้ เสื้อขาด" ชัดเต็มสองตา เสื้อขาดจริงเพราะฝีมือเขา แล้วไงวะ กูต้องไปงี้ "ถ้าไม่มีปัญญา ก็นั่งอยู่ในนี้แหละ ลุกออกไปจะทำงาน" "จะไปนั่งรออยู่ที่โซฟา จนกว่าคุณอชิจะทำยังไงก็ได้ ไม่ให้ขนมใส่เสื้อขาดตัวนี้ออกไป หรือถ้าไม่ทำ จะให้ขนมเดินออกจากห้องนี้ในสภาพนี้ก็ได้นะคะ เพราะขนมมันแรดอยู่แล้ว ออกไปแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ได้ยั่วผู้ชายด้วย เผื่อจะได้แบ่งเบาภาระจากคุณอชิบ้างเวลาขนมเ****น" สะบัดก้นงอนๆ ลุกเดินไปนั่งที่โซฟา โดยมีสายตาคมมองผ่านแว่นไปอย่างขุ่นเคืองและอาฆาตแค้นตามหลังไป ยัยบ้าเอ๊ย วันนี้ผีเข้าหรือไงวะ มาแปลกกว่าทุกวัน สุดท้ายอชิระก็ลุกจากเก้าอี้ คว้าเสื้อสูทที่พาดอยู่บนพนักเก้าอี้ เดินมาโยนคลุมลงบนศีรษะให้ขนมหวาน เป็นการบอกนัยๆ ให้หญิงสาวรู้ว่าให้เธอใส่เสื้อสูทเขาคลุมออกไปตอนออกจากห้อง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD