“เธอคนนั้นมีแค่เฮียคนเดียวที่รู้จักหน้าตา ผมไม่เคยรู้ไม่เคยเห็น แต่ผมรู้จักชื่อเขานะ เฮียล่ะรู้ไหม”
“ไม่รู้”
“เธอชื่อปรายฟ้า อายุยี่สิบหกปีเท่าปูน เธอเป็นเจ้าของโฮมสเตย์ที่แม่ออน สวยมากและก็เก่งมากด้วย ถ้าเฮียยังจำหน้าเธอได้ก็ลองไปขอเด็กๆ ดูหน้าแม่ของเขาสิ ผมเชื่อว่าพวกเขาต้องมีรูป อ้อ ลืมไปผมก็มีรูปเธอนี่นา”
เด่นภูมิควักโทรศัพท์ของตนออกมา ค้นหาในคลังภาพเพียงครู่เดียวก็ยื่นส่งให้พี่ชาย
ผู้หญิงในรูปไม่ได้หันมองกล้องตรงๆ เป็นช็อตคล้ายแอบถ่ายทีเผลอเสียมากกว่า ใบหน้าหันข้างสะท้อนแสงแดดยามเช้า ริมฝีปากสีชมพูคลี่ยิ้มเต็มวงหน้า หัวใจปราบต์กระตุกไหวรุนแรง แม้ไม่ใช่ภาพถ่ายหน้าตรง ทว่าเท่านี้ก็เพียงพอใช้ยืนยันว่าตรงกับคนในความทรงจำของเขา
“ผมแอบถ่ายเขาน่ะ แต่ก็น่าจะชัดพอให้จำได้นะ” ซึ่งสีหน้าพี่ชายในตอนนี้ก็ชัดเจนว่าใช่ร้อยเปอร์เซ็นต์
“แกไปเจอเขาได้ยังไง” เสียงถามแผ่วลงต่างจากเมื่อครู่ที่เน้นกระชากด้วยความโมโห
“ไม่กี่วันหลังจากที่พวกเฮียกลับจากเชียงใหม่ ผมบังเอิญได้เจอพวกเขา มันเป็นความบังเอิญที่มหัศจรรย์มาก เด็กแฝดสองคนนั้นกำลังหลงกับแม่ที่ห้างฯ ผมเลยช่วยพาไปที่ประชาสัมพันธ์ และระหว่างที่รอแม่เขามารับผมเลยเลี้ยงไอติมและนั่งคุยกัน คุยไปคุยมาเจ้าหนูปิงปิงก็บอกว่าพ่อตัวเองเป็นคนกรุงเทพฯ ชื่อปราบต์ ไกรกรัณย์” เด่นภูมิจำได้แม่นว่าตัวเองถึงกับสำลักกาแฟพรวดตอนที่ปิงปิงบอกชื่อแซ่ของบิดา “เพื่อความแน่ใจเลยให้ลองสะกดดู ซึ่งเขาก็สะกดถูกนะ และตอนนั้นเองแม่ของฝาแฝดก็มารับพอดี เธอเลยตอบแทนผมด้วยการชวนไปพักที่โฮมสเตย์ของเธอ”
“ซึ่งอย่างเฮียปลื้มผู้ชื่นชอบการกินเผือกร้อนของชาวบ้านก็ไม่มีทางพลาดแน่นอนใช่ปะ” ปรมัตถ์สอดขึ้นพลางโยนเจลลี่รูปหมีเข้าปาก
“ถ้าจะขนาดนั้นก็พูดมาเถอะว่ากูชอบเสือก”
“ใช่ เฮียปลื้มชอบเสือกมาก”
“แล้วยังไงต่อ แกไปถามเขาเหรอว่าฉันเป็นพ่อของลูกเขาจริงไหม หมายถึงผู้หญิงคนนั้นน่ะ” ปราบต์ทวงถามความต่อเนื่อง ความรู้สึกในตอนนี้ยังก้ำกึ่งเลือกฟากฝั่งไหนไม่ได้
“เปล่าหรอก ผมไม่กล้าถามเขาตรงๆ แบบนั้น พอเชิญไปพักที่โฮมสเตย์ วันต่อมาผมก็รีบไปที่แม่ออนเลย อยากรู้จัดจนรอไม่ไหว เธอต้อนรับดีมาก เป็นคนสวยที่เก่งครบเครื่อง ดูแลโฮมสเตย์และทำอะไรเองหมดแทบทุกอย่าง คุณปรายฟ้าไม่ได้พูดถึงพ่อเด็กเลยนะ และเหมือนเธอก็ไม่รู้ด้วยว่าผมเป็นน้องเฮีย”
“แล้วแกรู้ได้ยังไง”
“คุณแม่ของคุณปรายฟ้าน่ะสิเธอรู้เรื่องทุกอย่าง พอรู้ว่าผมเป็นใครก็เลยเป็นที่มาของวันนี้ที่เฮียได้เจอลูกๆ ไง” เด่นภูมิตบฝ่ามือหนักๆ บนบ่าพี่ชายที่ราวกับสมองกำลังประมวลผลจนเครื่องรวน “สุดท้ายผู้หญิงคนนั้นก็เก็บลูกไว้ ตราบาปที่ฝังใจเฮียมาตลอดก็เท่ากับว่าถูกหลอกให้รู้สึกแย่ พอรู้แบบนี้แล้วเฮียจะทำยังไง จะรับผิดชอบเขาไหม?”
“ปากบอกรู้สึกผิดที่ไล่เขาไปทำแท้ง แต่พอเขาไม่ได้ทำจริงๆ แล้วทีนี้เฮียปราบต์จะโล่งใจได้หรือเปล่านะ? หรือเครียดยิ่งกว่าเดิมเพราะเด็กมาตามหาพ่อถึงกรุงเทพฯ พอคิดดูแล้วก็อดชื่นชมเธอไม่ได้เนอะ คงเหนื่อยน่าดูที่เลี้ยงลูกแฝดโดยไม่มีพ่อ เอ๊ะ? หรือเขามีพ่อใหม่ให้เด็กแล้วอะเฮียปลื้ม”
“ไม่มี เธอโสดตลอดศก ฉันสืบมาแล้ว แต่ผู้ชายจีบเยอะเหมือนกันนะ ล่าสุดเป็นพ่อเลี้ยงไร่ส้มที่เทียวมาทำคะแนนแทบทุกวัน” เด่นภูมิยังเหลืออีกหลายประโยคที่ค้างไว้ในหัว แต่จำต้องหยุดกลางคันเพราะกนกอรเคาะประตูห้องพร้อมเปิดเข้ามาทันที
“ขออนุญาตค่ะ เด็กๆ งอแงจะกลับบ้านกันแล้วค่ะคุณปลื้ม นกพยายามปลอบแล้วแต่พวกเขาจะกลับบ้านท่าเดียวเลยค่ะ”
เด่นภูมิพยักหน้ารับทราบแล้วเดินออกไปจากห้องโดยไม่เอ่ยอะไรต่อ ครั้งแรกที่เจอเด็กๆ พวกเขาใช้คำนำหน้าว่า ‘ลุง’ ทว่าพอรู้สถานะที่แท้จริงเด่นภูมิจึงให้เรียก ‘อาปลื้ม’ ซึ่งดูจะถูกต้องตามหลักกว่า
ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันครอบครัวของเขารวมทั้งปราบต์ยกโขยงไปพักผ่อนที่เชียงใหม่ และพอต่างคนต่างแยกย้ายกลับมาทำงาน เด่นภูมิก็โดนสายลมที่จะเรียกว่าพรหมลิขิตก็ไม่ผิดอะไร พัดพาไปเจอสองแฝดชายหญิงวัยเจ็ดขวบที่พลัดหลงกับมารดาในห้างสรรพสินค้า แฝดน้องหน้าตาจิ้มลิ้มคุยเก่ง แฝดพี่นิสัยนิ่งพูดน้อยมีหน้าที่คอยปรามน้อง แค่เพียงครั้งแรกที่ได้พบกันเด่นภูมิก็บังเอิญทราบชื่อนามสกุลบิดาของฝาแฝด บุคคลที่เด็กน้อยแค่รับรู้ว่าเป็นผู้ให้กำเนิด แต่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตามาตลอดเจ็ดขวบ
“ขอบคุณค่ะ คุณลุงใจดีจัง หน้าตาก็หล่อ พ่อหนูก็หน้าตาหล่อแบบคุณลุงเลยค่ะ” เด็กหญิงปิงปิงเลียไอติมแพร่บๆ พลางมองหน้าคุณลุงใจดีที่เลี้ยงไอศกรีมหลังจากพาไปประกาศตามหาผู้ปกครองที่ประชาสัมพันธ์ และตอนนี้ก็นั่งกันอยู่ที่เก้าอี้ตรงริมทางเดินเพื่อรอแม่มารับ
“พูดมาก ไม่เคยเห็นตัวจริงพ่อซะหน่อย” ปกป้องขัดน้องสาว
“อ่าวเหรอ ไม่เคยเห็นตัวจริงเหรอ แล้วพ่อเราอยู่ไหนล่ะ” เด่นภูมิปากไวไปหน่อย พอถามออกไปก็มาฉุกคิดว่าเรื่องแบบนี้จะส่งผลต่อความรู้สึกของเด็กหรือเปล่า
“อยู่กรุงเทพฯ ค่ะ คุณยายบอกว่างั้น”
“เหรอ ลุงก็มาจากกรุงเทพฯ นะ”
“ว้าว คุณลุงก็เป็นคนกรุงเทพฯ งั้นคุณลุงรู้จักพ่อหนูไหมคะ พ่อหนูชื่อปราบต์ นามสกุลอะไรนะพี่ปก”
“ไกรกรัณย์”
พรวด!
ความตกใจทำคนนามสกุลเดียวกันถึงกับสำลักกาแฟที่เพิ่งดูดเข้าปาก สองเด็กน้อยก็พลอยงงงันกับอาการของคุณลุง
“คุณลุงโอเคไหมคะ”
“มะ เมื่อกี้หนูบอกว่าชื่อนามสกุลของพ่อหนูคืออะไรนะครับ”
“พ่อปราบต์ค่ะ ปราบต์ ไกรกรัณย์”
เด่นภูมิอึ้ง สมองรวนเรประมวลผลไม่ทันราวกับเครื่องค้างไปแล้ว หรืออาจจะเป็นคนชื่อเหมือนและนามสกุลก็บังเอิญออกเสียงคล้ายกัน แต่เขียนไม่เหมือนกัน
“ไกรกรัณย์เขียนยังไงเหรอครับ”
“สระไอ ก.ก่าย ร.เรือ ก.ก่าย...แล้วอะไรอีกอะพี่ปก น้องจำไม่ได้”
“ก็ร.เรือ ไม้หันอากาศ ณ.เณร ยอ...”
ปกป้องสะกดคำต่อจากน้องสาวยังไม่ทันจบดีก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงตกใจของมารดาที่กระหืดกระหอบตรงมา หญิงสาวร่างสมส่วนใบหน้าผ่องสวยเต็มไปด้วยความตกใจ เธอดุลูกเล็กน้อยก่อนหันมาขอบคุณเขา พร้อมยื่นนามบัตรให้สิทธิ์เด่นภูมิไปพักที่โฮมสเตย์ฟรี ซึ่งความบังเอิญที่ดูคล้ายจะกลายเป็นประเด็นซีเรียสของบ้านไกรกรัณย์เช่นนี้เด่นภูมิจะเมินได้อย่างไร
ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ สมาชิกบ้านไกรกรัณย์เพิ่งทราบความลับที่พี่ใหญ่ซ่อนไว้ ว่าแปดปีก่อนเขาเคยพลาดทำผู้หญิงท้องและแก้ปัญหาด้วยการเชื่อฟังปู่ผู้ล่วงลับ เลยให้เธอไปทำแท้งจนนำมาซึ่งตราบาปที่ปราบต์ลืมไม่ลงมาตลอดแปดปี
ส่วนหนึ่งก็เพราะหญิงสาวผู้นั้นส่งภาพก้อนเลือดที่คล้ายว่าเป็นตัวอ่อนของเด็กที่ถูกรีดออกจากมดลูกมาให้เขา คล้ายเธอต้องการตอกย้ำว่าความผิดพลาดที่เกิดขึ้นไม่ใช่เธอคนเดียวที่ต้องอยู่กับความทรงจำสีเลือด