Chapter 1
Chapter 1
“นับจากนี้นายวายุภักษ์กับนางสาวยาหยี เตชะอมรทรัพย์ เป็นสามีภรรยาโดยถูกต้องตามกฎหมาย ผมขอให้คุณทั้งสองครองรักกันชั่วนิรันดร์ หนักนิดเบาหน่อยก็ให้อภัยกัน ขอให้มีความสุขมาก ๆ นะครับ...” สิ้นสุดคำพูดของนายทะเบียนที่มาเป็นพยานรักให้กับบ่าวสาวที่ดูเหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก แขกเหรื่อก็ต่างยิ้มกันหน้าชื่นตาบานด้วยความยินดีปรีดา ยกเว้น ‘เขา’ ชายหนุ่มวัยยี่สิบหกปีผู้เป็นเจ้าบ่าวที่เอาแต่แสดงสีหน้าเรียบนิ่งเฉยชาตลอดทั้งวัน จนกระทั่งพิธีส่งตัวเข้าหอ ถึงได้ยินเขาถอนหายใจพรืดใหญ่อย่างเก็บอาการไม่อยู่เมื่อได้ยินคำสั่งคุณพ่อของเขา
“ดูแลน้องให้ดี ๆ ล่ะวายุ...”
“ครับป๊า”
“ดูแลน้องให้ดี ๆ นะวายุ...” จันทร์ฉายผู้เป็นแม่ของวายุพูดต่อจากอาทิตย์ผู้เป็นสามี
“ครับม้า...”
“ดูแลน้องยาหยีให้ดี ๆ ล่ะวายุ...” จันทร์เจ้าผู้เป็นพี่สาวคนโตเอ่ยขึ้นอีกคน
“ครับเจ๊...”
วายุเริ่มตอบรับด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อพ่อแม่ และพี่สาวของเขา ต่างพากันก๊อบปี้คำพูดเดียวกันมาสั่งเขาซ้ำ ๆ ซาก ๆ จนเขารู้สึกเอียนกับคำฝากฝังของผู้ใหญ่ที่ให้ดูแลเจ้าสาวเป็นอย่างดี
“เฮียวายุครับ ดูแล...”
“หยุดสั่งกูสักทีเถอะไอ้หมอ ชีวิตของใครก็ดูแลเอาเอง พาป๊า ม้า เจ๊ กลับบ้านไปได้แล้ว...” วายุพูดตัดบทน้องชายที่อายุห่างกันหนึ่งปี จากนั้นเขาก็ดึงเจ้าสาวเข้าห้องหอทันที ทั้งที่พ่อแม่ของเขายังไม่ทันได้อวยพรเจ้าสาวเลยด้วยซ้ำ
และเมื่อประตูห้องปิดสนิท วายุก็เอ่ยหาเรื่องเจ้าสาวทันที
“เธอเป็นง่อยหรือไงยาหยี ทุกคนถึงต้องให้ฉันดูแลเธอ”
“...” ถึงจะรู้สึกจุกอกกับคำถามของเขาเพียงใด แต่ยาหยีก็ไม่ได้ตอบโต้อะไรเขา เพราะคิดว่าการเงียบคือทางออกที่ดีที่สุด
แต่อีกคนกลับไม่ได้คิดแบบนั้น ยิ่งเขาเห็นยาหยีเอาแต่ปิดปากเงียบราวกับเจ้าสาวใบ้ มันยิ่งกระตุ้นอารมณ์ขุ่นเคืองของเขาจนแทบระเบิด ชายหนุ่มก็เลยใช้วิธีเปิดปากหญิงสาวด้วยการถอดชุดทักซีโดตามด้วยกางเกงในสลัดออกจากขา เพื่อโชว์เรือนร่างกำยำของเขา
“ว้าย!...อุ๊บ!” ยาหยีรีบยกมือปิดปากอุดเสียงกรี๊ด ก่อนจะก้มหน้ามองปลายเท้าตัวเองด้วยใจเต้นตุบ ๆ ตอนนี้หัวใจข้างในอกมันเต้นถี่ยิบราวกับจะทะลุออกมา เมื่อเห็นส่วนกลางกายของเขาเต็มตา
‘เฮียนี่หน้าไม่อายจริง ๆ’ ยาหยีค่อนขอดในใจให้กับคนตัวสูงที่ยืนเปลือยกายล่อนจ้อนอย่างหน้าไม่อาย
“หึ...จะตกใจอะไรนักหนากะแค่เห็นค...ของฉัน” วายุที่เห็นยาหยีทำท่าทางตกใจแบบโอเวอร์ก็อดไม่ได้ที่จะพูดประชดแดกดันใส่หญิงสาว เขาน่ะเพิ่งดูออกเมื่อวันนั้นว่าแท้จริงแล้วผู้หญิงหน้าซื่อตาใสอย่างยาหยีร้ายเดียงสามากกว่าไร้เดียงสาเสียอีก “มองให้เต็มตาสิ จะก้มหน้าทำไม อยากได้ฉันเป็นผัวนักไม่ใช่เหรอ?”
“...”
“เธอมันน่าเบื่อจริง ๆ ยาหยี...” พอยาหยีปิดปากเงียบอีกครั้ง เขาก็จิ๊ปากอย่างหงุดหงิด ก่อนที่จะเดินล่อนจ้อนไปทางประตูเชื่อมห้องแต่งตัว หยิบเอาผ้าเช็ดตัวมาพันเอวสอบอย่างหมิ่นเหม่ จากนั้นก็หยิบพอตติดมือเดินออกไปนอกระเบียงบ้าน
ครืด!
เสียงประตูบานเลื่อนเปิดและปิดลง ยาหยีจึงเงยหน้าขึ้นมองคนตัวสูงที่ยืนสูบบุหรี่ไฟฟ้า พลางคิดในใจว่า...
‘เมื่อไรเขาจะกลับมาเป็นเฮียวายุคนเดิมของเธอ...’
“มองอะไร” เสียงเข้มทำให้หญิงสาวหลุดจากภวังค์ รู้ตัวอีกทีคนตัวสูงก็ยืนจังก้าอยู่ตรงหน้าแล้ว มิหนำซ้ำเขายังปล่อยควันบุหรี่พ่นใส่หน้าหญิงสาวอย่างป่าเถื่อนอีกด้วย
“แค่ก ๆ สูบพอตมาก ๆ ทำให้อายุสั้นนะคะเฮีย” ถึงจะสำลักควันจนหน้าแดง แต่เธอยังเอ่ยเตือนเขาด้วยความเป็นห่วง
“แล้วคนได้รับควันบุหรี่อย่างเธอตายไวด้วยหรือเปล่า”
“เฮียเกลียดหนูมากเลยเหรอคะ ถึงอยากให้หนูตายนัก” ยาหยีเอ่ยถามน้ำเสียงสั่นเครือ นอกจากเขาจะไม่ได้เห็นความหวังดีของเธอแล้ว เขายังถามกลับราวกับอยากให้เธอตายไปให้พ้นหน้า
“ทำไมต้องถามโง่ ๆ ทั้งที่เธอรู้คำตอบอยู่แล้ว” ปากหยักพ่นควันบุหรี่สีเทาใส่หน้ายาหยีไม่หยุดกับคำถามสิ้นคิดของเธอ
“เฮียคงเกลียดหนูมากเลยใช่ไหมคะ” ยาหยีถามย้ำด้วยน้ำเสียงเบาหวิวราวกับคนละเมอ
“อืม...ฉันเกลียดผู้หญิงอย่างเธอที่สุด”
“...” หญิงสาวพยักหน้าขึ้นลงหงึก ๆ น้ำตาไหลพรากอาบแก้มอย่างกลั้นไว้ไม่ไหวกับคำตอบหนักแน่นของเขา ที่เธอถามย้ำเพราะแอบหวังว่าคำตอบของเขาจะเปลี่ยนไปจากเดิมบ้าง แต่สุดท้ายคำตอบของเขาก็ยังเหมือนเดิม
“อย่ามาบีบน้ำตาแถวนี้ รำคาญตา” พอเห็นยาหยีเบ้ปากคว่ำร้องไห้ วายุก็ยกมือเสยผมอย่างหงุดหงิดที่ยาหยีชอบบีบน้ำตาใส่เขา
“ฮึก!” ยิ่งโดนดุ ยาหยีก็ยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิม เธอยกมือเช็ดน้ำตาจนมือเปียกชุ่ม ก่อนจะรีบเดินหนีไปทางห้องแต่งตัว และพอเดินพ้นหน้าเขามาอยู่ในห้องแต่งตัวเพียงลำพัง หญิงสาวก็ทรุดตัวนั่งร้องไห้สะอื้นอย่างหนัก “ฮึก ฮือ”
“จะร้องไห้อะไรหนักหนาวะ หนวกหู” วายุตะโกนเข้ามาในห้องแต่งตัว