[ พาร์ท : เพลิง ]
หลังจากที่อาบน้ำเสร็จผมก็ออกมาใส่เสื้อผ้าที่ด้านนอกเพื่อจะออกไปเที่ยวกับพวกๆเพื่อนๆอีกตามเคย สไตล์การแต่งตัวของผมก็ไม่มีอะไรมากกางเกงยีนส์สีดำเสื้อดำ หรือไม่ก็เสื้อสีเทา ผมเป็นคนชอบสีโทนหม่นๆไม่ชอบสีที่มันจี๊ดจ๊าด นอกซะจากชุดแข่งรถที่มันจะมีหลายสี
“กุญแจไปไหนวะ!!”ผมพูดกับตัวเองอย่างงงๆ เพราะจำได้ล่าสุดที่ผมขับรถผมก็เอากุญแจมาวางไว้บนโต๊ะข้างเตียง แต่ในตอนนี้เหลือเพียงกระเป๋าที่ไร้เศษเงินติดกระเป๋า
ยัยเด็กบ้า เป็นแสนแล้วนะที่เอาไป ผมชอบพกเงินสดเยอะๆเพราะเผื่อเกิดเรื่องฉุกเฉินแล้วกดเงินไม่ได้ก็ยังมีเงินสดใช้ และวันนี้ยัยเด็กนั่นเอาไปหมดอีกแล้ว แต่ก็ช่างเถอะแค่เงินไม่กี่แสนไม่ทำให้คนอย่างผมจนหรอก
“คีย์การ์ดก็หาย อะไรวะ!!”ผมขยี้หัวตัวเองอย่างแรง หรือว่าผมเอาไปวางลืมที่ไหน ไม่สิ!ผมไม่ใช่คนขี้ลืมขนาดนั้น ปกติผมวางไว้ตรงไหนจะจำได้ตลอด และผมจะวางไว้ที่จุดวางประจำของผม
“ไอ้เพลิงมึงไม่ใช่คนขี้ลืม มึงยังไม่แก่ไอ้เวร นึกสิว่าเอาไปไว้ตรงไหน!”ผมพูดกับตัวเองพร้อมกับหมุนมองรอบตัวมองหาสิ่งที่ตัวเองกำลังตามหาอยู่
23:00 น. ผมเดินวนหากุญแจรถทั่วห้องแต่ก็ไร้วี่แววจนผมเริ่มหัวเสียอยากเหล้าแล้ว
ครืด ครืด ครืด
“เออ”ผมกดรับสาย เพราะปลายสายคือไอ้เปลวนั่นเอง
[อยู่ไหนวะ! จะแดกเหล้าไหมมึง]
“แดกดิวะ แต่กูหากุญแจรถไม่เจอ”ผมตอบมันไป
[รถคันไหน]
“สปอร์ต”ผมตอบสั้นๆไอ้เปลวมันรู้ดี เพราะมันฉลาดเหมือนหมา
[ไอ้ควาย รถมึงมีคันเดียวเหรอวะ มึงก็เอาคันอื่นมาดิ]เสียงดังมอมอลอยเข้าหูมาเลยครับเมื่อเจอคำนี้ ไอ้เพื่อนเวร!
“เออๆ5นาทีกูถึง”
ผมกดวางสายจากมันจากนั้นก็คว้าเสื้อคลุมตัวโปรดมาสวมใส่หยิบเอากุญแจรถมอเตอร์ไซค์คันโปรดมา ลูกชายของผมเองครับ ชื่อว่าฉลามดุ ที่ตั้งชื่อนี้ก็มาจากเสียงรถและสไตล์ของรถที่ผมแต่งมา
บรืนนน!!
ผมบิดกุญแจสตาร์ทรถแน่นอนว่าเสียงมันต้องดังอยู่แล้ว ดังไปไกล3กิโลเลยแหละ
บรืน~ บรืน~
ผมเบิ้ลอุ่นเครื่องก่อนจะตบเข้าเกียร์จากนั้นก็บิดออกไปอย่างรวดเร็ว ผมใช้สกิลการเป็นนักแข่งหลบหลีกสิ่งกีดขวางบนถนนอย่างชำนาญ อย่าว่าผมนะครับ ตอนนี้ดึกแล้ว บนถนนไม่มีรถวิ่งแล้วถึงจะมีก็ส่วนน้อย
ไม่นานผมก็ขับรถมาจอดที่หน้าผับประจำของผม อีก2ชั่วโมงผับปิด จะกินได้ทันเมาไหมวะ
“เห้ยมาเร็วนี่หว่า”พวกมันทำหน้าตาชื่นมื่นเมื่อได้เห็นผม
“กูใคร”ผมตอบแล้วไหวไหล่ให้มันเบาๆ
“แดกเหล้าเถอะครับเพื่อนเลิฟ กว่าจะเสด็จมาได้ต้องให้โทรตาม”
“กุญแจรถหาย”ผมตอบสั้นๆก่อนจะยกแก้วเหล้าที่ไอ้อัคคียื่นให้จนหมดแก้ว
“ทำยังไงให้หายได้วะ ปกติมึงเป็นคนรักของจะตาย”ไอ้พรานถาม พวกมันรู้ดีว่าผมหวงรถทุกคันมากแค่ไหน และไม่เคยมีใครได้ขับรถของผมด้วย
“ไม่รู้วะ”
“มึงมันโง่ไอ้เพลิง รถทุกคันมีกุญแจสำรองเสือกไม่เอามาใช้ รถมีเป็นสิบก็เสือกไม่เอามาใช้เหมือนกัน ซื้อมาถมที่ดินเหรอ”ไอ้เปลวนี่คู่กัดของผมตลอดกาล มันจะคอยแซะแขวะกัดผมตลอดเวลา แต่ความจริงก็รักกันแหละครับ
“....”ผมไม่รู้จะตอบมันยังไงดี ก็กุญแจมันหายหมดเลย กุญแจเปิดตู้อยู่ติดกับพวงกุญแจรถ คีย์การ์ดก็หายด้วย
“พวงกุญแจรถมึงมีสัญญาณจีพีเอสติดตามอยู่ทำไมไม่เปิดดูวะ”
“เออวะ”ผมลืมนึกไปเลยว่ากุญแจรถของผมทุกคันผูกติดกับจีพีเอสเอาไว้ มันสามารถรู้ที่อยู่ได้โดยดูผ่านโทรศัพท์ของผม
“ขากลับพวกมึงไปกับกูด้วย”
“ทำไม?”
“กูเข้าห้องไม่ได้ คีย์การ์ดหาย”
“ห๊ะ!! ชีวิตมึงมีแต่อะไรหายดีจังเลยวะ อีกหน่อยถ้ามีเมียกูว่าเมียหายชัวร์”
“....”ผมถอนหายใจออกมาอย่างแรงเมื่อได้ยินคำพูดไอ้เปลว ผมจะไม่มีวันเอาเมียเด็ดขาด ยกเว้นคู่นอนไม่นับเป็นเมีย
“เออๆ แดกเหล้ากันก่อนเหอะ สรุปกูอดเอาสาวไปเต๊าะใช่ไหมวันนี้”
“เออ!!”ผมหันไปตวาดใส่มัน
“ไอ้เพื่อนทรพี ถ้ากูลงแดงตายนะ”มันชี้หน้าผม
“ก็เผาไง กูเป็นเจ้าภาพให้เอง ข้าวต้มหมูหรือกุ้งดี หรือเอาราดหน้า??”ผมหันไปพูดกวนๆใส่มัน
“เอาต้มเลือดหัวมึงอ่ะ ไอ้เพื่อนเวร!”
ไอ้อัคคีกับไอ้พรานนั่งหัวเราะผมกับไอ้เปลวทะเลาะกัน นี่ถ้าไม่มีใครรู้จักผมนะคงคิดว่าผมกับไอ้เปลวเป็นผัวเมียกันแน่ๆเลย
01:00 น. ผับปิด
ผมขับรถนำพวกมันมาที่คอนโดของตัวเอง เพราะจะให้พวกมันช่วยหากุญแจรถด้วย คีย์การ์ดด้วย มันอาจจะอยู่ที่เดียวกัน
“ไอ้เพลิง กุญแจรถมึงก็อยู่ที่นี่ นี่หว่า”ไอ้พรานพูด
“แต่กูหาในห้องแล้วไม่เจอ”
“ไหนมึงลองขยายจับจุดดูดิ๊”
“....”ผมขยายตามที่มันบอก สัญญาณกุญแจรถของผมมันขึ้นอยู่ที่ด้านหน้าคอนโด หรือว่าผมจะทำตกเอาไว้
ผมพาพวกมันเดินตามสัญญาณมาจนถึงหน้าคอนโด สัญญาณมันหยุดเงียบกึกอยู่ตรงนี้
ตรงถังขยะ..
“สัญญาณหยุดอยู่ตรงถังขยะ ช่วยกูหาหน่อย”
“อะ ไอ้เพลิง มันไม่ใช่เรื่องดีมั้ง”ไอ้เปลวพูดเสียงตะกุกตะกัก
“เอาน่า พวกมึงคือเพื่อนกู สิ่งนี้จะบอกได้ว่าพวกมึงใช่มิตรแท้หรือเปล่า”
“แต่มันก็ใช้อย่างอื่นพิสูจน์ได้นี่หว่า”ไอ้อัคคีพูด
ส่วนไอ้พรานได้แต่ยืนผะอืดผะอมอยู่
“เพื่อนรักทั้งหลาย มาเถอะ โครมม!!”ผมถีบถังขยะอย่างแรงจนมันล้มลงมา ขยะเกลื่อนกลาดเต็มไปหมด กลิ่นเหม็นคละคลุ้งจนอยากจะอ้วก
“อึก อ้วกก อ้วกก”
พวกมันมาช่วยผมคุ้ยขยะหากุญแจรถจริงๆครับ แต่ก็พากันผะอืดผะอมจะอ้วกเพราะกลิ่นขยะ ไม่เว้นแม้แต่ผม
“เจอแล้ว!!”เสียงไอ้เปลวพูดขึ้นมาจากนั้นก็ชูสิ่งของที่มันหาเจอขึ้นมาดู พวกมันหยุดการค้นหาทันที
“กุญแจรถกูอยู่ในถังขยะจริงๆด้วย”
“คิดยังไงเอากุญแจรถมาทิ้งวะ”
“ยัยตัวแสบ!”ผมเผลอพูดถึงยัยเด็กนั่นออกมา คิดว่าน่าจะเป็นเด็กนั่นแน่ๆที่ทำแบบนี้ เพราะมีแค่เธอที่เข้าออกห้องผมในเวลานั้น
“ใครวะ ตัวแสบ”
“เรื่องของกู ช่วยกันเก็บขยะคืนถังก่อน”
“แปลกๆนะมึง แอบมีเด็กแล้วหมกเพื่อนเหรอวะ”
“....”ผมเงียบไม่ได้พูดอะไรโต้ตอบไป พวกผมมันเป็นพวกใช้ของวนกันครับ ประมาณว่าแบ่งๆกันใช้แบ่งๆกันกิน
“น่าสงสารจังมาหาคุ้ยขยะกินดึกๆแบบนี้คงจะหิวมากสินะ”
เสียงนั่นทำเอาพวกผมหยุดชะงักทันที แต่เจ้าของเสียงนั้นปั่นจักรยานไปไกลแล้ว
“กูต้องภูมิใจมั้ยวะที่กลายมาเป็นยาจกคุ้ยขยะหาของกินดึกๆดื่นๆ”ไอ้เปลวพูดตัดพ้อ
“ดีใจด้วยว่ะเพื่อน มึงได้เลื่อนขั้นแล้ว”ผมพูดติดตลกกับพวกมัน
“เจอกุญแจรถแล้วงั้นพวกกูกลับก่อนนะ เหม็นฉิบหาย!!”
พวกมันพากกันขับรถออกไป เหม็นติดรถชัวร์ๆ
“เหี้ยแล้วไง!”ผมเจอแต่กุญแจรถ แต่ไม่เจอคีย์การ์ด แล้วผมจะเข้าห้องยังไง จะไปขอคีย์การ์ดใหม่ก็เกรงใจพนักงานเนื้อตัวมอมแมมสกปรกไม่ดูก็ขอทาน เวรเอ้ยอย่าบอกนะว่าผมต้องทนเหม็นสาบตัวเองอย่างนี้ทั้งคืน