bc

Love Strings ด้วยกันและนาย

book_age16+
134
FOLLOW
1K
READ
others
dark
drama
comedy
sweet
like
intro-logo
Blurb

เรื่องราววุ่นๆของกันยากับพระนาย นักศึกษาคณะการดนตรีที่เรียนกันคนละสาขา คือสาขาวิชาเอกดนตรีไทยกับเอกดนตรีสากลที่ไม่ชอบขี้หน้ากัน เจอกันทีไรก็มีเรื่องวุ่นๆทุกที แต่สุดท้าย ด้วยเสียงซอและกีต้าร์ทำให้พวกเขาได้มา...รักกัน

chap-preview
Free preview
Prologue อย่าลองดีกับเด็กดนตรีไทย
Prologue อย่าลองดีกับเด็กดนตรีไทย คุณรู้ไหม อะไรคือความหมายของคำว่าความสุข? คำถามนี้คงต้องเป็นคำถามที่มีหลายล้านคำตอบแน่ๆ นั้นก็เพราะโลกเราแต่ละคนก็มีความสุขไม่เหมือนกัน บางคนมีความสุขกับเรื่องใหญ่ บางคนมีความสุขกับเรื่องธรรมดา หรือบางคนแค่ได้อยู่เฉยๆ ก็มีความสุขแล้ว เหมือนกับผมตอนนี้ไง ไม่มีอะไรจะมีความสุขเท่ากับความสุขของชีวิตปีหนึ่งที่ไม่มีกิจกรรมรับน้องหรือกีฬาเฟรชชี่ที่บั่นทอดพลังงานชีวิตนักศึกษาของผมอีกแล้ว “วู้ววว!” ผมร้องตะโกนเสียงดังบนจักยานคันโปรดของผม บรรยากาศของมหาวิทยาลัยชานเมืองที่มีต้นไม้เยอะกว่าตึกสูง มีเสียงนกดังกว่าเสียงรถยนต์ และยิ่งตอนนี้แค่คิดว่าต่อไปจะไม่ต้องไปร่วมกิจกรรมรับน้องทุกเย็นแล้ว ผมยิ่งอยากจะร้องตะโกนให้ดังไปทั้งมหาวิทยาลัยเลย เอียด! โครม! จนกระทั่งรอยยิ้มกว้างและความสุขของผมถูกพรากไปกลางสี่แยกไม่ใกล้จากคณะของผมเท่าไหร่ ต้นเหตุที่ให้ผมลงมานอนกองอยู่กับพื้นพร้อมจักรยานของตัวเองแบบนี้คือไอ้เจ้าบื้อที่ไหนไม่รู้ที่ขี่บิ๊กไบค์มาตัดหน้าผม ขับรถภาษาอะไรของมันวะ ไม่รู้หรือไงว่าเขตมหาวิทยาลัยเขาไม่ให้ใช้ความเร็วนะเฟ้ย! “อู้ยยย!” และสิ่งแรกที่ผมเลือกจะทำหลังจากตั้งสติได้คือสำรวจร่างกายตัวเองที่ตอนนี้มีรอยถลอกเล็กน้อยตามฝ่ามือและข้อแขน ถึงจะเป็นแผลเล็กๆ แต่มันก็แสบเอาการเลย แถมชุดนักศึกษาสีขาวสะอาดที่แม่ผมอุตส่าห์ซักรีดให้อย่างดีตอนนี้มันเปื้อนฝุ่นไปกว่าครึ่งแล้ว ซวยชะมัดเลย! “เป็นอะไรไหม” น้ำเสียงเรียบนิ่งเอ่ยถามขึ้น ก่อนที่ผมจะช้อนสายตาขึ้นมองอีกคนด้วยสายตาไม่ค่อยจะเป็นมิตรเท่าไหร่นัก ภาพที่เห็นต่อจากนั้นคือไอ้ตัวเต้นเหตุที่ทำให้ผมต้องมานั่งกองอยู่กับพื้นแบบนี้กำลังนั่งย่อตัวมองมาทางผมอยู่ อีกคนตัวน่าจะสูงกว่าผม ใส่ชุดนักศึกษากับกางเกงยีนส์ที่ดูก็รู้ว่าราคาแพง แต่ผมไม่เห็นหน้าหมอนั้นเพราะอีกคนใส่หมวกกันน็อคแบบเต็มใบปิดหน้าไว้อยู่ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นพวกลูกคุณหนูมีเงินสินะ ขับรถก็น่าจะราคาแพงแต่ขอโทษเถอะ ขับรถได้แย่มาก! “ขับรถภาษาอะไรไม่เห็นคนหรือไง” ผมโว้ยวาย “แต่มึงเลี้ยวรถออกมาตัดหน้ากูเองนะ อีกอย่างกูเป็นทางหลักด้วย” “…” จริงอย่างที่หมอนั้นว่าแฮะ ทางที่ผมปั่นจักรยานมาเป็นทางโทนี่น่า แต่ว่าผมไม่เห็นตอนบิ๊กไบค์ของมันขี่มาจริงๆ นะ สงสัยคงจะเป็นตอนที่ตะโกนดีใจอยู่ละมั้ง ผมเลย…ไม่ทันมอง แต่ก็นั้นแหละ ยังไงอีกคนก็มีส่วนผิดอยู่ดี ขับรถในเขตมหาวิทยาลัยควรจะไม่ใช้ความเร็วแล้วก็ดูเพื่อนร่วมทางให้ดีๆ สิ ก็ถ้าอีกคนระวังมากกว่านี้ก็คงไม่มาเฉี่ยวผมแบบนี้หรอก "แล้วมึงเจ็บตรงไหนหรือเปล่า จะไปหาหมอไหมกูจะพาไป” “ไม่ต้อง” ผมปัดมืออีกฝ่ายออกในทันทีที่อีกคนทำท่าจะเงื้อมมือมาโดนตัวผม “แค่นี้ไม่เป็นอะไรหรอก นายไม่ต้องมายุ่ง” “ก็ได้ ถ้าไม่เป็นอะไรงั้นกูไปแล้วนะ” ผมไม่ได้สนใจอีกคนที่กำลังหันหลังเดินกลับไปที่รถของตัวเองเลย ใครจะไปสนใจหรืออยากขอความช่วยเหลือกับคนแบบนั้นกันละ จนกระทั่ง! “ไม่นะ…” ผมรีบคว้าเอากระเป๋าสีดำที่ผมสะพายติดตัวมาด้วย ที่ตอนนี้มันกระเด็นไปอยู่ใต้ต้นไม่บนฟุตบาทใกล้ๆ แล้ว ผมจะไม่ตื่นเต้นหรือตกใจอะไรเลยถ้ากระเป๋าใบนี้มันเป็นกระเป๋าธรรมดา แต่ความจริงคือมันไม่ใช่ นี่มันเป็นกระเป๋าใส่ซออู้ของผม สำหรับเด็กดนตรีไทยแบบผมแล้วเครื่องดนตรีก็เหมือนเพื่อน แล้วซอนี่ก็เป็นเพื่อนผมมาตั้งแต่เด็กจนเข้ามหาวิทยาลัย กระเด็นตกพื้นแรงขนาดนั้นถ้าซอผมเป็นอะไรขึ้นมานะผมไม่เอาหมอนั้นไว้แน่ “…” พอเปิดกระเป๋าออก ภาพที่ผมเห็นตอนนี้ทำเอาวิญญาณผมแทบออกจากร่าง ผมค่อยๆ ล้วงหยิบเอาซออู้ข้างในกระเป๋าออกมาช้าๆ มือสั่นจนแทบจะจับซอไว้ไม่อยู่ มะ…ไม่นะ ไม่จริงใช่ไหม ผมพูดกับตัวเองด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ตอนนี้ในหัวผมรู้สึกล่องลอยไปหมดเลย สติหลุดออกจากร่างไปสักพักก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้ “เดี๋ยว!” ผมตะโกนร้องบอกใครอีกคนที่ตอนนี้กำลังจะสตาร์ทรถบิ๊กไบค์ของตัวเอง “มีอะไรอีก” อีกคนถามผมกลับ ผมเองก็มองอีกคนด้วยสายตาเอาเรื่องเช่นกัน ใช่! ผมเอาเรื่องมันแน่ๆ มาทำซอคู่ชีวิตผมหักแบบนี้ยังไงวันนี้ก็ต้องเอาเรื่องมันแน่ๆ “นายเห็นอะไรนี่ไม” ผมเดินเข้าไปใกล้อีกคนที่ตอนนี้ลงจากบิ๊กไบค์ ถอดหมวกกันน็อคมายืนประจันหน้ากับผมแล้ว อีกคนตัวสูงกว่าผมจนทำให้ผมแอบหวั่น แต่ก็ช่างเถอะถึงผมจะตัวเล็กกว่าแล้วไง ยังไงวันนี้ผมก็ต้องให้ไอ้เจ้าคนนี้ขอโทษผมให้ได้ “อะไร” อีกคนถามผมกลับเสียงนิ่ง “ยังจะมาถามว่าอะไรอีกเหรอ นายทำของเราหัก” “หืม? กูทำเหรอ” เกลียดสีหน้ากับสายตาไม่รู้ร้อนรู้หนาวของหมอนี้ชะมัดเลย ทนไว้ไอ้นาย มึงต้องทนไว้ “ก็ใช่ไง นายขับรถมาเฉี่ยวเราจนกระเป๋าเราหล่นกระแทกพื้น” “ก็แค่ไม้เก่าๆ หัก เอาเงินนี่ไปแล้วกัน” พูดจบไอ้คนตัวสูงนี่ก็หยิบแบงค์พันจากกระเป๋าเงินของมันมายื่นให้ผม “…” “รับไปสิ เอาไปซ่อมไม้เก่าๆ ของมึง ไม่ก็ซื้อใหม่ไปเลยก็ได้” “นายพูดว่า…ไม้เก่าๆ งั้นเหรอ” ผัวะ! เสี้ยววินาทีนั้นเองที่ผมตัดสินใจปล่อยหมัดใส่อีกฝ่ายอย่างหมดความอดทน อยากมาว่าซอผมเป็นไม้เก่าๆ ดีนักก็ต้องเจอแบบนี้ อย่ามาลองดีกับเด็กดนตรีไทยนะขอเตือนไว้ก่อน แต่ว่า…ดูเหมือนผมจะเตี้ยกว่าอีกคนมาก หมัดของผมถึงได้เข้าไปที่สันกรามของอีกคนแทนที่จะโดนตรงแก้มหรือใบหน้า “…” พอตัดสินใจทำแบบนั้นไปแล้ว ตอนนี้ทั้งผมและไอ้สูงนี่ต่างคนต่างจ้องหน้ากันนิ่ง จะมีก็แต่ผมเท่านั้นที่แอบมีอาการเกร็งที่มือข้างที่พึ่งจะง้างหมัดต่อยมันไป คนอะไรวะกรามแข็งเป็นบ้า ที่ต่อยออกไปเมื่อกี้นี้เจ็บมือชะมัดเลย “กูถือว่าที่มึงต่อกูเมื่อกี้คือคำขอโทษแล้วนะ” อีกคนพูดขึ้น พูดจบไอ้สูงนั้นก็หันหลังกลับทำท่าจะเดินไปที่รถทันที “เดี๋ยว” ผมรีบคว้าแขนของอีกคนไว้ “นายขอโทษเราเดี๋ยวนี้” “เมื่อกี้กูว่ากูพูดชัดแล้วนะ” “ไม่! นายต้องขอโทษที่มาทำซอเราหักแถมยังมาเรียกซอเราว่าไม้เก่าๆ อีก” ผมยื่นคำขาด ตอนนี้ทั้งผมและหมอนั้นกลับมาจ้องตากันนิ่งอีกครั้ง “ไร้สาระวะ” ก่อนที่ความนิ่งเงียบจะจบลงด้วยการที่อีกคนปัดแขนผมออกและทำท่าจะเดินหนีอีกแล้ว “ไร้สาระเหรอ นี่นาย” ผมรีบก้าวเท้าเดินตามอีกคนไป นอกจากจะไม่ยอมขอโทษแล้วยังจะมาด่าผมว่าไร้สาระอีกเหรอ ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นคนทำให้เรื่องทั้งหมดมันเป็นแบบนี้เนี่ยนะ “หยุดเลยนะ” และสุดท้ายผมก็เดินตามหมอนั้นมาทัน ผมรีบจับแขนดึงอีกคนให้หันกลับมา ก่อนจะง้างหมัดจะต่อยหมอนั้นอีกครั้ง หวืด! แต่แล้วมันก็ผิดคาด หมอนั้นไม่ได้ยืนเป็นเป้านิ่งให้ผมต่อยเหมือนครั้งแรก อีกคนเบี่ยงตัวหลบจนผมที่ออกแรงต่อยไปเต็มที่เซถลาจะล้ม “เหวอ…” ผมรู้ตัวอีกทีก็ต้องร้องเสียงหลงออกมาเพราะถูกอีกคนรวบตัวที่กำลังจะเซล้มเข้ามาแนบชิดจนหน้าผมจะจมลงกับหน้าอกของอีกคนอีกแล้ว ผมพยายามจะขยับตัวหนีจากท่าทางน่าอายแบบนี้ก็ทำไม่ได้ เพราะถูกไอ้บ้านี่ใช้แขนหนักๆ ของมันกอดรัดตัวผมไว้จนแน่น “ปล่อยนะ” ผมพยายามขยับตัวออก “ไม่เคยมีใครต่อยกูได้เป็นครั้งที่สอง” “…” “ถ้าเป็นคนอื่นกูคงต่อยกลับไปแล้ว แต่กูไม่อยากทำร้ายคนที่อ่อนแอกว่า สัญญามาก่อนว่าถ้ากูปล่อยแล้วมึงจะยอมเลิกทำตัวงี่เง่า” “ไม่! ก็นายไม่ยอมขอโทษเรา” “กูจะบอกมึงอีกรอบว่าที่กูยอมให้มึงต่อยกูครั้งแรก กูถือว่านั้นคือการขอโทษแล้ว” “ขี่ตู่ ใครเขาจะไปยอมรับการขอโทษแบบนั้นกัน” ผมเถียง “งั้นกูก็ไม่ปล่อย จะกอดมึงไว้แบบนี้แหละ” ไม่ว่าเปล่า ทันทีที่อีกคนพูดจบผมรับรู้ได้ถึงแรงกอดรัดที่แน่นมากขึ้น “ปะ…ปล่อยนะ” ผมพยายามเปล่งเสียงบอก ตอนนี้รู้สึกแน่นไปทั้งตัวจนแทบจะเปล่งเสียงพูดไม่ออกแล้ว “…” แต่ถึงจะพูดออกไปยังไง สิ่งที่ได้กลับมาจากอีกฝ่ายคือความเงียบ นี่มันคงไม่ได้คิดจะกอดผมไว้แบบนี้ไปตลอดจริงๆ ใช่ไหม ผมมองไปรอบๆ ตัวตอนนี้มีคนที่เดินผ่านไปมาเริ่มหยุดมองมาทางพวกผมแล้ว มัวแต่ทะเลาะกับไอ้หมอนี้จนไม่ทันได้มองเลยว่ามีคนยืนมุงดูพวกเราอยู่เยอะแค่ไหน “ปล่อยได้แล้ว คนมองเยอะแล้วเห็นไหม” ผมบอกอีกฝ่าย ลำตัวยังคงถูกอีกคนกอดไว้แน่น หน้าผมยังจมฝังแนบชิดกับหน้าอกของอีกคนจนได้ยินเสียงหัวใจเต้น “สัญญาดิว่าถ้ากูปล่อยแล้วมึงจะไม่ต่อยกูอีก” “เออ สัญญาก็ได้” “น้ำเสียงมึงไม่น่าไว้ใจ” เฮ้ย! ไอ้นี่ มันจะเอายังไงกันแน่วะ “ก็สัญญาแล้วไง สาบานก็ได้ นายปล่อยเราเถอะนะ” ประโยคสุดท้ายผมพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน ไม่เอาแล้วก็ได้คำขอโทษน่ะ ตอนนี้ขอแค่อีกคนเลิกกอดแล้วปล่อยผมให้เป็นอิสระสักที มาถูกผู้ชายกอดไว้ซะแน่นอยู่ริมทางแบบนี้ไม่ดีแน่ “แฮ่ก…แฮ่ก” ผมรีบหอบหายใจเอาอากาศเข้าปอดให้มากที่สุดทันทีที่อีกคนยอมปล่อยผมให้เป็นอิสระ “หึ!” หมอนั้นส่งเสียงในลำคออย่างผู้ชนะ ส่งสายตากวนๆ มาให้ผมอย่างพอใจ ก่อนจะหันหลังกลับไปที่บิ๊กไบค์ของตัวเอง “ไอ้บ้า” ผมด่าออกมาเสียงเบาอย่างโมโห ไม่คิดว่าไอ้บ้านั้นมันจะได้ยิน จนกระทั้งผมต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจอีกครั้งเมื่อจู่ๆ อีกคนก็หันหลังกลับมาแล้วพุ่งตัวมาทางผม “เมื่อกี้มึงว่าอะไรนะ” “ก็…ด่านายว่าไอ้บ้าไง” “งั้นกูควรต้องกอดมึงให้ขาดใจตายไปจริงๆ สินะ” “เฮ้ย! ไม่ๆ เราชอโทษๆ ” ผมรีบร้องห้าม ยกมือขึ้นดันแผ่นอกหนาของอีกคนที่ตอนนี้ทำท่าเหมือนจะเข้ามากอดผมอีกครั้งจริงๆ “หึ!” อีกคนส่งเสียงในลำคออย่างชอบใจอีกครั้งที่ผมต้องอยู่ในท่าทางของคนพ่ายแพ้แบบนี้ ผมยืนนิ่งเงียบไม่พูดอะไร ได้แต่มองดูอีกคนขึ้นคร่อมบิ๊กไบค์ของมันก่อนจะสตาร์ทรถแล้วขับออกไป “ชาตินี้ขออย่าให้ได้เจอกันอีกเลย!” ผมตะโกนตามหลังอีกคนเสียงดัง พอเห็นว่าไอ้บ้านั้นน่าจะขับรถออกไปไกลแล้ว วันนี้มันควรจะเป็นวันดีๆ เป็นวันที่มีความสุขของผมแท้ๆ ทำไมผมต้องมาเจอเรื่องบ้าๆ แล้วก็คนโรคจิตแบบหมอนั้นด้วยนะ สาธุ! ไม่ว่ามันจะเป็นใครมาจากไหนก็ช่าง แต่ถ้าเลือกได้ชีวิตนี้ขอให้ผมอย่าเจอคนแบบมันอีกเลยจะดีมาก อย่าได้มาเจอกันอีกเลยในชาตินี้หรือชาติไหน ไอ้บ้าเอ้ย!

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

マイBLノーベル เขียนนิยายให้กลายเป็นรัก

read
1K
bc

Spicy Short Story Set 3 รวมเรื่องสั้นเผ็ดซี้ด ชุดที่ 3

read
1K
bc

Change you!!! เปลี่ยนจากนายให้กลายเป็นสาว

read
1.8K
bc

The Night with the Beast ราตรีอสูร

read
1K
bc

ทาสเรือนพระยา

read
1K
bc

เริ่มแรกจากงานวิวาห์

read
2.7K
bc

My Doctor อกเคยหักเพราะรักหมอ

read
1K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook