หลังจากเก็บของปิดร้านในตอนสี่โมงเย็น อริสราก็ขอปลีกตัวจากแม่เพื่อไปทำธุระบางอย่าง ปานใจไม่ได้ถามเซ้าซี้ลูกสาวคนโตมากเพียงแต่บอกให้เธอระวังตัวและอย่ากลับบ้านค่ำ
เพราะหลังจากเหตุการณ์ที่เป็นฝันร้ายวันนั้น
เมื่อเดือนก่อนเธอเคยถูกปวีย์หลอกล่อให้ไปหาและเกือบจะถูกผู้ชายสารเลวคนนั้นทำร้ายทั้งทางร่างกายและจิตใจ โชคดีที่หนีมาได้ หญิงสาวคิดจะไปขอหลักฐานเพื่อแจ้งความเอาผิดแต่ยังเดินออกไปไม่พ้นขอบประตู ไอ้สารเลวนั่นกลับมายืนเชิดหน้าชูตาถึงหน้าบ้านพร้อมกับศศิภาแม่ของมัน
จากที่คิดไว้ว่าจะจัดการกับคนชั่วให้ได้รับบทลงโทษเรื่องกับพลิกผันให้ฝ่ายผู้ถูกกระทำอย่างเธอต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้ เมื่อได้รู้ในคราวนั้นว่าแม่ของเธอดันไปเป็นหนี้พวกมันถึงแปดแสน วินาทีนั้นเธอคิดอะไรไม่ออกสมองตีกันจนยุ่งเหยิง สุดท้ายเรื่องหนี้กลายเป็นคำขู่เพื่อไม่ให้เอาเรื่องคนเลวแบบอ้อมๆ
หลังจากนั้นคนที่ลำบากต้องกลายเป็นเธอ เพื่อหาเงินมาใช้หนี้และหาทำเลเปิดร้านใหม่ให้แม่ก็ยากเย็นเหลือเกิน จนถึงตอนนี้ก็ยังต้องเช่าห้องแถวของไอ้สวะคนนั้นขายต่อเพราะไม่มีทางเลือก
‘หมาจนตรอก’ คำนี้คงเหมาะสมกับชีวิตที่โหดร้ายของเธอแล้ว
อริสราถอนหายใจแล้วจึงบิดคันเร่งรถจักรยานยนต์แบบเกียร์ออโต้คู่กายไปยังจุดหมาย ยิ่งใกล้ที่นัดพบเท่าไหร่หัวใจของเธอก็ยิ่งเต้นแรงขึ้นมาเรื่อยๆ เหตุการณ์เมื่อก่อนค่อยๆ ผุดขึ้นมาทีละช่วงทีละตอน จนมันชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
ผู้ชายคนนั้นเขียนข้อความหนึ่งส่งให้เธอและนัดแนะให้มาเจอกัน เขายังขู่อีกว่าถ้าไม่มาแม่ของเธอต้องรู้เรื่องที่เธอไปทำงานแบบนั้น
ไอ้พวกสาวเลวแบบนี้ทำไมถึงไม่หมดไปจากโลกสักที คิดว่าตัวเองมีเงินแล้วจะทำได้ทุกอย่างเลยหรืออย่างไร!
“มึงรู้ไหมว่านายนัดลูกสาวร้านข้าวมันไก่มาที่นี่ทำไม” สหรัฐทิ้งบุหรี่ที่เหลือเพียงข้อนิ้วลงบนพื้นหญ้าสีเขียวแล้วจึงใช้เท้าบดขยี้ให้มันมอดดับลง
“หรือนายถูกใจแม่สาวขาวจั๊วะนั่น”
“มึงเลิกลามปามถึงผู้หญิงก่อนจะไม่ได้ตายดี” จินณภพเอ่ยปากบอกเพื่อนเพราะเขาคิดว่าตนเองนั้นรู้และเห็นอะไรมามากกว่าคนอื่น แต่ยังไม่ปักใจเชื่อว่าจะเป็นไปในทางใดทางหนึ่ง เพราะอยู่กับเจ้านายมานานเขาไม่เคยรู้ว่าคนอย่างเวธัสจะมาตกหลุมรักผู้หญิงธรรมดาที่มีดีแค่หน้าตาและรูปร่างอย่างลูกเจ้าของร้านข้าวมันไก่
มากสุดก็คงเป็น ‘ของเล่น’ สำหรับเจ้านายเท่านั้น
“นั่นไงมาแล้ว” หนึ่งในลูกน้องที่ติดตามเวธัสมาเอ่ยปากขึ้น สายตาทุกคู่จึงจับจ้องไปที่เจ้าของรถมอเตอร์ไซค์สีฟ้าซึ่งจอดไม่ไกลจากรถยนต์ซีดานสัญชาติยุโรปสีดำเงาวับ แต่กลับห่างจากพวกเขามากโข เพราะถูกเจ้านายสั่งเอาไว้ว่าห้ามเข้าใกล้ในระยะสามร้อยเมตร
ประตูรถฝั่งผู้โดยสารด้านหลังคนขับถูกเปิดออก และผู้มาใหม่ที่รู้สัญญาณเป็นอย่างดีก็ก้าวเท้าเข้าไปนั่งในรถด้วยความประหม่า
“ช้าไปสามนาที” ทันทีที่อริสรานั่งลง เสียงเข้มก็เอ่ยขึ้นโดยที่เจ้าของเสียงนั้นไม่แม้แต่จะหันมามอง เขาเอาแต่สนใจไอแพดบนตักของตัวเองด้วยท่าทางที่สบาย ต่างจากเธอที่ตัวเกรงยิ่งกว่าลูกหมาตอนโดนหมอจับฉีดยา
“ขอโทษด้วยค่ะ พอดีหนูหารถของคุณไม่เจอ”
คุณ…สรรพนามเดียวที่เธอใช้เรียกผู้ชายที่เคยเจอคืนนั้น หญิงสาวไม่แม้แต่จะสืบเสาะหาชื่อเสียงเรียงนามของเขาด้วยซ้ำเพราะไม่คิดว่าต้องมารู้จักกัน
“เรื่องแค่นี้ยังทำไม่ได้ แล้วเรื่องนั้นฉันจะไว้ใจเธอได้ยังไง” เจ้าของนัยน์ตาสีดำสนิทวางอุปกรณ์สื่อสารของตัวเองไว้บนชั้นวางหลังเบาะที่นั่งข้างคนขับก่อนจะกอดอกด้วยท่าทางสุขุมแล้วจึงหันหน้ามามองเธอ
“หนูรับปากแล้วว่าจะไม่ทำให้คุณเดือดร้อน หนูไม่เคยบอกใครเรื่องที่เราเจอกันคืนนั้น”
คืนนั้นเธอจำได้ว่าเขาห้ามไม่ให้เธอพูดถึงเขาหลังจากจบงานของตัวเอง ห้ามแอบถ่ายรูป ห้ามเอ่ยชื่อเขาให้ใครฟัง เธอเดาได้ว่าเขาคงไม่ใช่คนธรรมดาหรือไม่ก็คงเป็นเพราะเขามีครอบครัวแล้ว
แน่นอนว่าเธอไม่คิดจะพูดเรื่องที่ตัวเองตัดสินใจผิดพลาดไปทำงานแบบนั้นแน่
“แต่เธอเก็บอาการไม่ได้เวลาเจอฉัน”
“หนูไม่คิดว่าเราจะมาเจอกันอีก”
“โลกมันแคบนิดเดียว”
ผิดมหันต์ เธอคิดว่าโลกมันกว้างเกินกว่าคนสองคนที่เดินคนละทางจะมาเจอกันได้ เธอพยายามไม่ไปไหน ไม่พบเจอผู้คน ตื่นเช้ามาช่วยแม่ ตกเย็นทำขนมเพื่อส่งเช้าวันถัดไป กลางดึกอาบน้ำนอน
ไม่มีทางไหนเลยที่เธอต้องมาเจอคนอย่างเขา นอกจากว่าเขาเองนั่นแหละที่เดินมาหาเธอเอง
“ต่อไปนี้ถ้าเจอคุณ หนูจะหนีให้ไกล”
“แบบนั้นคนจะยิ่งสงสัยหรือเปล่า” เขาทำท่าทางขบคิดแต่อริสรากลับมองว่ามันดูไม่จริงใจเหลือเกิน เธอไม่ได้รู้จักนิสัยใจคอของเขา แม้แต่ชื่อยังไม่รู้จักแต่กลับ ‘กล้า’ มาเจอเขาลำพังได้ยังไงกัน
“แต่เราไม่ได้มีอะไรกันนะคะ หนูยังไม่ได้ทำอะไรเลย คนที่คุณควรจะระวังต้องเป็นอีกคนที่รับงานแทนหนูหรือเปล่า” เธอเถียงแล้วขมวดคิ้วเข้าหากัน
“ฉันไม่ได้เอาคนที่รับงานต่อ เพราะฉันกังวลว่าเธอมาไม่ดี เธอเป็นคนของใคร วางแผนมาทำลายฉันหรือเปล่า”
อริสราอ้าปากค้างกับความคิดของผู้ชายที่นั่งข้างกัน
“คุณคิดมากไปแล้วค่ะ หนูไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคุณเป็นใคร ทำไมต้องทำอย่างนั้น”
ทำไมตัวเองถึงเพิ่งจะนึกได้ว่ามันอันตราย ผู้ชายคนนี้ดูอันตรายมาก
“พูดแค่นี้คิดว่าฉันจะเชื่อหรือไง ศัตรูฉันมีอยู่รอบด้าน ไม่แน่ เธออาจจะเป็นคนของพวกนั้น”
“แล้วหนูต้องทำยังไง”
“นั่นสิ เธอต้องทำยังไงดีนะ” ฟังดูแปลกๆ อริสราขยับคิ้วเข้าหากันเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย เขาจะให้เธอทำอะไรกันแน่ หรือว่าคำพูดแบบนี้มันแปลว่า…
เขาหลอกเธอมาลอบฆ่า! เพื่อปิดเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น…