“คผู้หญิงสองคนนั้นเป็นใครนะ” เขตแดนถามศุภโชคเมื่อเห็นปราญติญาและพรชนกเดินเข้ามาในงาน
“คนพี่ใส่กระโปรงน่าจะชื่อบุ๋มนะเป็นเพื่อนในห้องเรานั่นแหละมึงจำไม่ได้เหรอวะเขต แต่อีกคนหนึ่งกูไม่แน่ใจน่าจะเป็นเพื่อนห้องอื่นล่ะมั้ง ถามทำไมวะหรือมึงสนใจ”
“ก็ทั้งสวยทั้งหุ่นดีแบบนี้มันก็น่าสนใจ เดี๋ยวกูว่าจะเข้าไปทักทายเขาสักหน่อยมึงว่าดีไหมล่ะ”
“มึงเข้าไปทักทายได้แต่ห้ามยุ่ง” ภาณุวิชญ์รีบบอก
“ทำไมวะมึงชอบเหรอ”
“เปล่าแต่กูก็แค่รู้จัก”
“คำว่ารู้จักของมึงถึงขั้นไหนล่ะ”
“ก็รู้จักประมาณหนึ่งรู้ว่าเขาทำงานที่ไหน”
“เพื่อนห้องเราเหรอทำไมกูไม่คุ้นหน้าเลยว่ะ”
ขณะที่เขตแดนกับภาณุวิชญ์กำลังคุยกันอยู่ศุภโชคก็เดินออกจากโต๊ะเพื่อไปทักทายเพื่อนผู้หญิงกลุ่มนั้นแล้ว
ชายหนุ่มทักทายเพื่อนทุกคนยกเว้นก็แต่ปราญติญาเพราะเขาจำไม่ได้จริงๆ ว่าเธอคือเพื่อนร่วมห้องเรียนของตนเองหรือเปล่า
“ทำไมทักทายเพื่อนไม่ครบล่ะโชค” กวางเพื่อนร่วมชั้นเรียนถามขึ้นเพราะมั่นใจว่าที่ศุภโชคไม่ทักทายปราญติญาเพราะเขาน่าจะจำไม่ได้
“นั่นสิหรือที่ไม่ทักเพราะจำเพื่อนไม่ได้” พรชนกได้ทีก็พูดต่อ
“คนนี้ใช่เพื่อนห้องเราเหรอบุ๋ม ทำไมผมจำไม่ได้เลยล่ะ”
“ลองมองดีๆ สิโชคว่าคนนี้คือใคร” ศุภโชคมองหน้าปราญติญาอีกครั้งแต่เขาก็ยังนึกไม่ออกและเมื่อเห็นท่าทางของเธอสนิทสนมกับพรชนกก็เลยเดาออกไปว่าผู้หญิงคนนี้น่าจะเป็นใคร
“ป่านเหรอ” เขาถามออกไปอย่างไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่
“ใช่ป่านเอง”
“โอ้โห...ทำไมป่านถึงเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ล่ะ สวยขึ้นหุ่นดีขึ้นแทบไม่อยากจะเชื่อเลยนะ ถ้ารู้ว่าป่านจะสวยขนาดนี้ผมคงจีบตั้งแต่อยู่ม.ปลายแล้ว” ศุภโชคพูดแล้วหัวเราะแต่ถ้าหากปราญติญาเปิดโอกาสเขาก็อาจจะจีบเธอขึ้นมาจริงๆ ก็ได้
“ไม่ต้องมาปากดีเลยบุ๋มจำได้ว่ากลุ่มของนายชอบเรียกป่านว่ายัยอ้วน”
“แหมก็ตอนนั้นกับตอนนี้มันต่างกันมากนี่ ขอโทษก็แล้วกันนะป่านตอนนั้นสมองของพวกผมน่าจะน้อยไปหน่อย ถ้าเพื่อนของผมอีกสองคนรู้ว่าป่านเปลี่ยนไปมากขนาดนี้พวกมันต้องตกใจมากแน่ แน่รอแป๊บนะเดี๋ยวผมไปพาสองคนมา”
ศุภโชคเดินกลับไปที่โต๊ะจากนั้นก็กลับมาอีกครั้งพร้อมกับเขตแดนและภาณุวิชญ์
“ดีใจจังที่ได้เจอป่านอีก” ภาณุวิชญ์มองหน้าปราญติญาแล้วยิ้มด้วยความดีใจ
“อ้าวมึงเคยเจอป่านแล้วเหรอณุ” ศุภโชคหันมาถามเพื่อนคำถามของศุภโชคทำให้ภาณุวิชญ์มองหน้าปราญติญาอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
“ป่านเหรอ”
“ก็ใช่สิแล้วนายคิดว่าเป็นใครเหรอ” พรชนกถามเพราะเห็นท่าทางแปลกๆ ของชายหนุ่ม
“ขอโทษนะป่านที่ผมจำป่านไม่ได้”
“ไม่เป็นไรเพราะป่านก็จำณุไม่ได้เหมือนกัน”
แล้วปราญติญาก็เล่าให้เพื่อนฟังว่าเธอเคยเจอกับภาณุวิชญ์มาแล้วสองครั้งเพราะชายหนุ่มไปที่โรงพยาบาลแต่เธอไม่รู้ว่าเป็นเพื่อนห้องเดียวกันเพราะเขาเปลี่ยนชื่อและนามสกุลไปแล้วอีกทั้งตอนที่เรียนอยู่ปราญติญาก็ไม่ค่อยคุยกับเพื่อนผู้ชายเท่าไหร่
ภาณุวิชญ์มองหน้าปราญติญาแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์เพราะถ้าหากเธอเป็นเพื่อนสมัยเรียนของเขาการจะถามเรื่องคืนนั้นก็คงจะง่ายขึ้น
เมื่อทักทายกันครบทุกคนแล้วสามหนุ่มก็ขยับโต๊ะของตนเองมาต่อกับโต๊ะของปราญติญาและเพื่อนเพื่อจะได้คุยกันให้ได้มากขึ้น
“ณุ นายคิดอะไรกับป่านใช่ไหม” พรชนกที่นั่งสังเกตมานานกระซิบถามภาณุวิชญ์”
“เปล่าก็แค่แปลกใจป่านสวยขึ้นมาก”
“จะจีบเหรอ” พรชนกถามออกไปตามตรง
“ได้ไหมล่ะ” ภาณุวิชญ์ถามกลับ
“อย่าเลย”
“ทำไมล่ะบุ๋ม”
“ก็ป่านเพิ่งเลิกกับแฟนแล้วยังไม่พร้อมจะมีใครแต่ถ้าคิดว่ารอได้ก็ไม่ว่ากัน”
“ป่านเพิ่งเลิกกับแฟนเหรอแต่ดูเธอไม่เศร้าเลยนะ”
“ก็เลิกกับคนเลวๆ จะเศร้าทำไมล่ะ”
ภาณุวิชญ์ไม่รู้ว่าที่ปราญติญาเลิกกับแฟนจะเป็นเพราะเรื่องคืนนั้นหรือเปล่า แต่ชายหนุ่มก็ไม่รู้ว่าจะถามยังไงเพราะเขากับเธอยังไม่มีโอกาสอยู่กันตามลำพังเลย
ส่วนเรื่องที่คิดว่าปราญติญาคือผู้หญิงในคืนนั้นเขาก็เริ่มมั่นใจมากขึ้น เมื่อเห็นลักยิ้มที่มุมปากของหญิงสาวเพื่อนในกลุ่มคุยกันสนุกสนานขณะที่ปราญติญาก็พยายามจะสนุกไปกับบรรยากาศรอบข้างเธอคิดว่าภาณุวิชญ์คงไม่ใช่ผู้ชายที่นอนกับเธอในคืนนั้นแต่ถึงจะใช่หญิงสาวก็ไม่สนใจเพราะหลังจากคืนนี้ก็คงไม่เจอกันอีกนานเพราะงานโรงเรียนไม่ได้จัดทุกปี
“บุ๋มจะไปเข้าห้องน้ำป่านจะไปด้วยไหม” พรชนกถาม
แต่ปราญติญายังไม่ทันตอบเพื่อนอีกคนก็พูดขึ้นมาก่อน
“บุ๋มจะไปเข้าห้องน้ำเหรอไปพร้อมกับเราเลยก็ได้”
เมื่อพรชนกเดินออกไปแล้วภาณุวิชญ์ก็ถือโอกาสขยับมานั่งเก้าอี้ของพรชนกซึ่งตอนแรกเธอนั่งกั้นกลางอยู่ระหว่างเขาและปราญติญา
“มันบังเอิญมากเลยใช่มั๊ยป่านที่เราได้มาเจอกันอีกครั้ง”
“ก็ประมาณนั้น”
“ผมคงเป็นผู้ชายที่สายตาแย่มากๆ เลยนะเจอกับป่านและคุยกับป่านตั้งวันแต่กลับจำไม่ได้ว่าป่านคือเพื่อนในห้องเรียน ป่านเปลี่ยนไปมากเลยจริงๆ สวยขึ้นกว่าแต่ก่อน ถ้ารู้ว่าป่านจะสวยขนาดนี้ผมคงจีบป่านตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว”
“คุณนี่พูดเหมือนเพื่อนเลยนะ”
“เพื่อนผมคนไหนเหรอ” ภาณุวิชญ์ตกใจเพราะไม่คิดว่ามีใครจะพูดแบบนี้กับผู้หญิงที่เขาคิดว่าเป็นของเขา
“ก็ศุภโชคนั่นไงล่ะ เมื่อกี้เขาก็พูดแบบนี้กับป่าน”
“ป่านอย่าไปหลงคารมไอ้โชคมันนะไอ้นั่นน่ะมันเจ้าชู้”
“ได้ข่าวว่าณุเองก็ใช่ย่อยเหมือนกัน”
“ผมยอมรับว่าพวกผมและเจ้าชู้แต่ป่านอยากรู้มั้ยเพราะอะไรล่ะ”
“เจ้าชู้ก็คือเจ้าชู้มันมีเหตุผลของความเจ้าชู้ด้วยเหรอ”
“มีสิที่ผู้ชายเจ้าชู้และคบผู้หญิงไปทั่วเพราะยังเขายังไม่เจอคนที่ใช่หรือคนที่ถูกใจยังไงล่ะ”
“พูดเป็นนิยายไปได้ความเจ้าชู้น่ะต่อให้เจอคนที่ใช่คนที่ถูกใจยังไงผู้ชายก็ไม่หยุดเจ้าชู้หรอก” ปราญติญาเข้าใจข้อนี้ดีเพราะเธอไม่ใช่สาวไร้เดียงสาที่ไม่เคยมีแฟนมาก่อน
“มันก็มีทั้งจริงและไม่จริง แล้วป่านอยากพิสูจน์ไหม”
“ไม่ล่ะเรื่องแบบนี้มันไม่ควรจะมาพิสูจน์กัน”
“หลังจากเลิกงานแล้วป่านจะไปต่อที่ไหนหรือเปล่า”
“เพื่อนๆ คุยกันว่าจะไปร้านเหล้าในเมือง”
“แล้วป่านจะไปไหม”
“คงต้องถามบุ๋มอีกที มีอะไรหรือเปล่า”
“นานๆ พวกเราจะได้มาเจอกันสักทีผมว่าไปเที่ยวด้วยกันหมดนี่ก็คงสนุกดีเหมือนกันนะ” ที่เขาชวนปราญติญาไปเที่ยวเพราะอยากจะสังเกตปฏิกิริยาของเธอเวลาที่อยู่ในบรรยากาศแบบนั้นบางทีมันก็จะทำให้หญิงสาวแสดงพิรุธอะไรออกมาก็ได้
“ขอที่นั่งของบุ๋มคืนด้วยณุ” พรชนกสังเกตตั้งแต่เธอเดินไปเข้าห้องน้ำแล้วว่าภาณุวิชญ์นั้นมาคุยกับเพื่อนของเธอ หลังจากกลับมาจากห้องน้ำหญิงสาวก็ยืนดูอยู่พักใหญ่แล้วเมื่อเห็นท่าทางอึดอัดของปราญติญาก็เลยรีบเข้ามาแยกชายหนุ่มให้ออกจาก
“อ้าวบุ๋มมาพอดีเลยผมกำลังจะถามว่าคุณจะไปต่อที่ร้านในเมืองกันหรือเปล่า” เขาพูดแล้วขยับมานั่งที่เดิม
“ก็น่าจะอย่างนั้นทำไมพวกผู้ชายก็จะไปด้วยเหรอ”
“ไหนๆ ก็มาเจอกันแล้วไปสนุกด้วยกันทั้งหมดนี่แหละเดี๋ยวคืนนี้ผมเป็นเจ้าภาพเองนะ”