หนึ่งเดือนต่อมา...
ครืดดด ครืดดด
เธอนอนหลับได้ประมาณสามชั่วโมง ก็ต้องตื่นขึ้นมาเพราะเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ทำให้เธอต้องลุกขึ้นไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง พอหยิบขึ้นมาดูเห็นเป็นเบอร์น้องชายเธอ เธอเลยกดรับสายทันที
“โทรมาหาพี่มีอะไร”
[พี่พายครับผมแบงก์เพื่อนสนิทพระเพลิงนะครับ]
“แล้วทำไมใช้โทรศัพท์พระเพลิงโทรมาพี่เหรอ มีอะไรรึเปล่า”
[ไอ้เพลิงแย่แล้วครับพี่พาย ตอนนี้มันกำลังถูกส่งตัวไปโรงพยาบาล]
“อะไรนะ! เพลิงเป็นอะไร” เธอรู้สึกกระวนกระวายใจหลังจากได้ยินเพื่อนสนิทของน้องชายพูดแบบนั้น
[มันมีเรื่องกับพวกรุ่นพี่ครับ โรคหัวใจที่เป็นอยู่เลยกำเริบขึ้นมา]
“ตอนที่เพลิงกำลังไปโรงพยาบาลอะไร”
[โรงพยาบาลxxxครับ]
“เดี๋ยวพี่รีบไปนะ”
“ครับ”
เธอรีบเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อย พร้อมคว้ากระเป๋ากับโทรศัพท์วิ่งออกจากบ้านเพื่อไปรอรถแท็กซี่
ครึ่งชั่วโมงต่อมา...
@โรงพยาบาล
เธอรีบวิ่งเข้าไปในโรงพยาบาล หลังจากที่โทรถามเพื่อนของพระเพลิงว่าตอนนี้พระเพลิงอยู่ที่ไหน จนพบว่าน้องชายของเธออยู่ที่ห้องฉุกเฉิน เธอรีบวิ่งไปเห็นเพื่อนสองคนของน้องชายกำลังยืนอยู่หน้าห้อง
“แบงก์พระเพลิงเป็นยังไงบ้าง”
“อาการก็ค่อนข้างหนักเลยครับพี่พาย”
“เรื่องมันเกิดได้ยังไง เล่าให้พี่ฟังได้ไหม”
“พวกผมกำลังเล่นฟุตบอลกันอยู่ที่สนาม ส่วนไอ้พระเพลิงนั่งทำการบ้านอยู่โต๊ะม้าหินอ่อนข้างสนามครับ อยู่ดี ๆ มีรุ่นพี่จากมหาลัยเพราะผมดูจากการแต่งตัวแล้วน่าจะอยู่ประมาณปีหนึ่งครับ พวกเขามาถามหาคนที่ชื่อว่าพระเพลิงอยู่ม. 6 พอมันรู้ว่าใครชื่อพระเพลิง มันก็เรียกเพื่อนสองสามคนมารุมกระทืบพระเพลิงเลยครับ มันเลยวิ่งหนีแต่วิ่งไปได้ไม่นานก็ล้มลงเลย”
“แล้วพระเพลิงได้ไปทำอะไรเขาไหม หรือว่าพวกนั้นทำร้ายผิดคน”
“ผมก็ไม่รู้ครับแต่เหมือนว่าจะมีผู้หญิงคนหนึ่ง น่าจะเป็นรุ่นเดียวกันกับพวกผมแต่คนละโรงเรียนมาห้ามเอาไว้ครับ”
“แล้วผู้หญิงคนนั้นไปไหนแล้วได้มาด้วยไหม”
“มาครับ แต่ผมบอกให้เธอกลับไปแล้ว”
“แล้วนี่เข้าไปนานหรือยัง”
“ประมาณหนึ่งชั่วโมงแล้วครับ”
พอแบงก์เพื่อนของน้องชายเธอพูดแบบนั้น เธอก็เดินไปนั่งเก้าอี้หน้าห้องฉุกเฉิน รอให้หมอออกมาบอกอาการน้องชายของเธอ
แกรกกก
เธอนั่งนิ่งก้มหน้าได้ไม่นานเสียงประตูในห้องฉุกเฉินก็เปิดออกมา พร้อมกับคุณหมอและพยาบาลเดินตามกันออกมา
“น้องชายของฉันเป็นยังไงบ้างคะ”
“อาการตอนนี้ก็ค่อนข้างอันตรายครับ แต่ดีหน่อยที่สามารถนำตัวมาโรงพยาบาลได้เร็วอาการก็เลยทรงตัวอยู่ หมอขอให้คนไข้อยู่ห้อง ICU สักวันก่อน”
“ค่ะ”
“อันตรายมากเลยนะครับสำหรับคนที่เป็นโรคหัวใจไม่แข็งแรง ทำไมถึงต้องมีเรื่องกันแบบนี้ด้วยครับ ครั้งหน้ามันอาจจะไม่โชคดีแบบนี้นะ และอีกอย่างหมอขอแนะนำว่าเราควรจะหาหัวใจเปลี่ยนให้คนไข้โดยเร็วนะครับเพราะหัวใจที่ใช้อยู่ตอนนี้ค่อนข้างอ่อนแอมาก”
“งั้นเราจะสามารถเปลี่ยนให้ได้เลยไหมคะ”
“มันติดตรงที่ว่าตอนนี้คิวในการเปลี่ยนถ่ายหัวใจค่อนข้างยาว กว่าจะถึงคิวของน้องชายของคุณร่างกายของเขาอาจจะไม่รอถึงเวลานั้นแล้ว แต่ถ้าอยากเปลี่ยนถ่ายหัวใจเร็วขึ้นจริง ๆ มันมีทางครับ แต่ต้องย้ายไปโรงพยาบาลที่ใหญ่กว่านี้แต่ว่าค่าใช้จ่ายคุณต้องใช้เงินค่อนข้างมากหมอไม่รู้ว่าคุณสะดวกไหม”
“แล้วการรักษาการเปลี่ยนถ่ายหัวใจต้องใช้เงินประมาณเท่าไรคะ”
“ประมาณห้าล้านบาทครับ”
“ห้าล้านเลยเหรอคะ”
“ครับ หมอขอตัวก่อนนะครับ”
“ขอบคุณมากนะคะคุณหมอ” พอคุณหมอเดินออกไปเธอก็เดินไปหาเพื่อนของน้องชาย เพื่อบอกให้พวกเขากลับบ้านไปพักผ่อน เธอจะดูแลน้องชายของเธอเอง
“แบงก์กับออสตินก็กลับบ้านไปได้แล้วเดี๋ยวพี่จะอยู่ดูแลพระเพลิงเอง”
“แล้วพี่พายจะไม่ไปทำงานเหรอครับ”
“วันนี้พี่จะลางานมาดูพระเพลิงก่อน ขอบคุณมากนะที่ช่วยดูแลน้องพี่ตอนที่เขาไปเรียน”
“ครับ พวกผมกลับก่อน”
เธอนั่งสักพักก็นึกได้ว่าต้องโทรบอกพี่น้ำมนต์ ให้ลางานให้หน่อยเพราะเธอจะต้องเฝ้าพระเพลิง คิดได้แบบนั้นก็ล้วงเอาโทรศัพท์ในกระเป๋ามาโทรหาน้ำมนต์
“มีอะไรคะคนสวย”
“พี่มนต์คะพอดีว่าพระเพลิงน้องชายของพายไม่สบายค่ะ ตอนนี้อยู่โรงพยาบาลพายเลยอยากจะลางานหน่อยค่ะ พี่มนต์ช่วยคุยกันกับพี่เต้ให้หน่อยได้ไหมคะ”
“ได้สิ แล้วน้องชายเราเป็นยังไงบ้าง”
“ตอนนี้หมอให้อยู่ในห้อง ICU ค่ะ พรุ่งนี้ถ้าอาการดีขึ้นพายว่าจะย้ายโรงพยาบาลค่ะ”
“โอเค พี่จะบอกพี่เต้ให้”
“ขอบคุณมากนะคะ พายเพิ่งไปทำงานได้แค่เดือนเดียวก็ลางานแล้วเกรงใจพี่มนต์มาก ๆ”
“ไม่เป็นไร แค่นี้ก่อนนะพี่จะไปทำงานแล้ว”
“ค่ะ”
พอวางสายจากที่น้ำมนต์แล้วเธอก็มานั่งคิดหนักเรื่องการย้ายโรงพยาบาล เธอต้องย้ายน้องตัวเองไปโรงพยาบาลที่ใหญ่กว่านี้ แต่ราคาค่อนข้างแพง แล้วแบบนี้เธอจะเอาเงินจากไหนมาจ่าย เงินเก็บก็ไม่มีสักบาทมีแต่หนี้ แถมเธอยังต้องเตรียมเงินเอาไว้กรณีฉุกเฉินถ้ามีคนมาบริจาคหัวใจ พอนั่งคิดไปได้สักพักเธอก็นึกถึงหน้าของคุณรามสูรที่เสนอเงื่อนไขให้เธอเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน พร้อมกับล้วงนามบัตรของเขาในกระเป๋าสะพายออกมานั่งมองสลับกับโทรศัพท์ว่าจะโทรหาเขาดีไหม พอคิดทบทวนได้แล้วเธอก็กดโทรศัพท์ทันที รอสายไม่นานเขาก็กดรับ
“สวัสดีครับ”