ศรัทธา 2

1623 Words
ทางด้านสลันหลังจากช่วยโสภาเก็บของเสร็จ สองแม่ลูกก็เดินทางกลับ โดยมีเจ้าของบ้านขับรถพ่วงข้างไปส่งปากทาง เมื่อมาถึงหน้าหมู่บ้านที่มาทำพิธีกรรม ทั้งสองก็ยืนรอรถโดยสาร “แม่ ก่อนกลับบ้าน เราแวะซื้อของที่ตลาดกลับไปไว้ทำดีไหม?” ได้ยินเช่นนั้นโสภาก็นึกถึงเงินในกระเป๋าเสื้อ ที่มีเพียงแบงก์สีเขียวสองใบกับเหรียญสิบอีกหนึ่งเหรียญเท่านั้น ก่อนจะหันมองหน้าลูกสาว ที่ตอนนี้เห็นเพียงดวงตาสวยงามเท่านั้น ซึ่งก็ไม่ต่างจากตัวเธอ ที่ทั้งสองต้องปิดบังใบหน้า เหตุเพราะไม่อยากให้ชาวบ้านทับช้างเห็น เนื่องจากเป็นลูกหลานของยายสาว หมอผีที่เก่งกาจไสยเวท แต่ทำผิดข้อห้ามจึงกลายเป็นปอบ ด้วยความรังเกียจจึงโดนชาวบ้านขับไล่ออกจากหมู่บ้าน แม้ตอนนี้ยายสาวจะโดนจับลงหม้อไปแล้วก็ตาม แต่ด้วยทั้งสองเป็นทายาท ชาวบ้านจึงไม่อยากให้อยู่ภายในหมู่บ้าน... และที่ต้องย้ายกลับมาอยู่หมู่บ้านทับช้าง เนื่องจากสามีของโสภา พ่อของสลันเสียชีวิต ทางฝั่งย่าของสลันจึงขับไล่ออกจากบ้าน เหตุเป็นเพราะจันทร์ไม่ชอบโสภาเป็นทุนเดิม เกี่ยวเนื่องมาจากยายสาวซึ่งเป็นยายแท้ ๆ ของโสภานั้นเป็นหมอผี ทำให้จันทร์เข้าใจผิด คิดว่าโสภาทำของใส่ลูกชายตนจนหลงรักหัวปักหัวปำ จึงหาทางกำจัดโสภา กระทั่งพ่อของสลันเสียชีวิตจากโรคประจำตัวก็ได้โอกาส ขับไล่โสภาและลูกสาวของเธอออกจากบ้านทันที แม้แต่สมบัติสักชิ้นก็ไม่ให้ติดตัวมา แต่โสภาก็ทำอะไรไม่ได้ เนื่องจากเธอไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับสามี จึงจำยอมออกจากบ้านของพ่อสลัน แล้วพาลูกสาวเดินทางกลับมาอยู่ที่บ้านของยายสาว แต่อยู่ได้ไม่นานก็โดนชาวบ้านขับไล่ออกจากหมู่บ้าน... ในเวลานั้นโสภาไม่รู้จะทำอย่างไร เงินติดตัวสักบาทก็ไม่มี สองแม่ลูกหมดหนทางสู้ต่อ จะเดินทางไปไหนก็ไม่ได้ เพราะไม่มีญาติหรือคนรู้จักให้พึ่งพา แต่ในวันที่ท้อแท้และมืดมนกับชีวิต ก็มีผู้ใจบุญยื่นมือเข้ามาช่วย ในวันที่โสภากับลูกของเธอกำลังโดนชาวบ้านทับช้างขับไล่ ผู้ใหญ่ลพซึ่งเคยชอบโสภาในตอนที่เธอเป็นสาว ก็เข้ามาให้ความช่วยเหลือ โดยคุยกับวันดีซึ่งเป็นภรรยา ให้โสภากับสลันมาอาศัยอยู่ที่บ้านท้ายนาของตน ทำให้สลันกับโสภาไม่ต้องระเหเร่ร่อนอย่างคนไร้บ้าน ทว่าก็ต้องใช้ชีวิตอย่างลำบาก เพราะต้องคอยหลบ ๆ ซ่อน ๆ เนื่องจากกลัวชาวบ้านหมู่บ้านทับช้างจะผ่านมาเห็น แล้วขับไล่พวกเธอไปให้พ้นอีก... “เรากลับไปผัดผักที่ปลูกไว้ขาย กินกันดีกว่าลูก” “ก็ได้จ้ะ” แม้จะอยากกินหมูเห็ดเป็ดไก่บ้าง แต่สลันได้ยินเช่นนั้นก็เข้าใจทุกอย่างดี จึงตอบกลับด้วยใบหน้ายิ้ม ๆ เพื่อให้แม่ของเธอไม่กังวลใจ ชีวิตที่พบเจอในตอนนี้สลันไม่ได้น้อยใจ หรือคิดว่าตัวเธอนั้นลำบากแต่อย่างใด เพราะตั้งแต่เด็กจนโต เธอก็ไม่เคยสัมผัสกับคำว่าสุขสบายอยู่แล้ว ถ้าตอนนี้จะลำบากมากกว่าเดิมอีกนิด เธอก็ยอมรับในโชคชะตาได้ หลังจากยืนรอรถโดยสารไม่นาน รถหกล้อคันเก่า ๆ ก็แล่นมาหยุดหน้าศาลา สองแม่ลูกก็ขึ้นไปนั่งบนรถ ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงก็ถึงปากทางหมู่บ้านดงช้าง เมื่อรถจากรถสลันก็เดินไปเข็นรถจักรยานคันเก่า ๆ ที่ผู้ใหญ่ลพและภรรยาเอามาให้เธอกับแม่ไว้ใช้งาน จากนั้นก็ดึงผ้าคลุมหน้าออก เมื่อเห็นว่าแถวนี้ปลอดคน พร้อมกับเอ่ยบอกคนเป็นแม่ “แม่ขึ้นมานั่งได้เลย” “วันนี้ลันอยากกินเมนูอะไร” “ผัดผักบุ้งจ้ะ” “ได้เดี๋ยวแม่ทำให้กิน” คนตัวเล็กปั่นจักรยานไปตามถนนเล็ก ๆ ที่รอบข้างเต็มไปด้วยทุ่งนาและต้นไม้ล้อมรอบ ไม่มีบ้านเรือนของชาวบ้านสักหลัง เนื่องจากยังไม่เข้าเขตชุมชน กระทั่งถึงหน้าวัดประเสริฐ ซึ่งเป็นวัดประจำหมู่บ้านดงช้าง ร่างเล็กก็หอบลมหายใจเข้าปอด เมื่อรับรู้ว่าปั่นมาได้ครึ่งทางแล้ว ซึ่งอีกไม่นานก็จะถึงบ้านของเธอ ร่างเล็กยกแขนขึ้นปาดเหงื่อที่ผุดพรายยังหน้าผากมน จากนั้นก็ตั้งใจปั่นจักรยานต่อ... ทางด้านกัปตันหลังจากคุยธุระกับพระทองคำ ที่ชราภาพมากแล้ว ก็เดินทางกลับบ้าน ขณะรถกระบะสีดำแล่นบนถนน ผ่านทุ่งนาและต้นไม้ใบหญ้าของหมู่บ้าน ไม่นานตาคมกริบก็เห็นรถจักรยานคันหนึ่งปั่นอยู่ข้างหน้า ก็ไม่ได้สนใจแต่อย่างใด เพราะถนนเส้นนี้ชาวบ้านใช้สัญจรปกติ เนื่องจากเป็นทางเชื่อมไปได้หลายหมู่บ้าน “พรุ่งนี้อาจารย์มีงานที่ไหนไหมครับ?” “ไม่มี” “งั้นเดี๋ยวคืนนี้ผมกลับไปนอนบ้านนะ พรุ่งนี้ผมมาทำกับข้าวให้” “เออ” ก่อนหน้ามีคนเป็นแม่คอยหุงหาให้กิน ทว่าตอนนี้อยู่เพียงลำพังคนเดียว ลูกศิษย์ลูกหาและชาวบ้านที่เคารพนับถือและศรัทธาตัวเขา ก็ผลัดเปลี่ยนกันเอากับข้าวมาให้ แม้ตัวเขาจะไม่ได้ร้องขอเลยก็ตาม หลังจากตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ดวงตาไร้กรอบแว่นกันแดดปกปิด ก็มองออกไปด้านนอกกระจกรถที่เปิดอยู่ ซึ่งเป็นจังหวะรถกระบะกำลังวิ่งจักรยานพอดี ทำให้ตาดำขลับสบกับเจ้าของใบหน้าสวยที่กำลังปั่นจักรยาน พอรู้ว่าเป็นใคร กัปตันก็มองสลันด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ไม่ได้มีท่าทีเปลี่ยนไปแต่อย่างใด... กระทั่งรถกระบะแซงขึ้นมาอยู่ข้างหน้า ตาคมกริบจึงเบี่ยงสายตาไปยังกระจกข้างของรถ เพื่อมองคนตัวเล็กที่กำลังปั่นจักรยานอยู่ ก่อนจะยกยิ้มมุมปาก แล้วเอ่ยบอกลูกศิษย์ด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “มึงจะรีบขับไปไหน ไม่เห็นเหรอถนนมันไม่ดี?” “ก็อาจารย์บอกว่าหิวข้าว ผมก็เลยรีบขับกลับบ้าน” กัปตันนั่งฟังเงียบ ๆ ไม่ได้พูดอะไร ขณะดวงตามองคนตัวเล็ก ที่สะท้อนยังกระจกข้างของรถไม่ละไปไหน เวลาเดินไม่ถึงเสี้ยววินาทีเสียงทุ้มก็ดังขึ้นอีกครั้ง “มึงผ่อนคันเร่งลงหน่อย” “ครับ” มงคลรีบผ่อนคันเร่งตามที่กัปตันบอกอย่างว่าง่าย เมื่อได้ยินน้ำเสียงคล้ายไม่พอใจ ...แต่ทว่าก็ยังดูเหมือนไม่ถูกใจอีกคน “ผ่อนอีก” “ครับ” “กูบอกให้มึงผ่อนอีก!” “ผมขับแค่ยี่สิบแล้วนะอาจารย์” “จะขับแค่สิบมึงก็ขับไป!” สิ้นเสียงตวาดอีกทั้งใบหน้าเข้มดุที่มองมา ทำเอามงคลกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก จึงรีบตอบกลับไปอย่างลนลาน “ครับ ๆ” แล้วปล่อยเท้าออกจากคันเร่ง เพื่อให้รถมันวิ่งไปข้างหน้าเอง ขณะในใจบ่นอาจารย์ของตน ชาติไหนจะถึงบ้านวะเนี่ย... ทางด้านสลันเมื่อรับรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ในรถ คือชายคนเดียวกับที่เธอเห็นหน้าบ้านทำพิธีรำผีฟ้า ก็ทำเอาหัวใจเต้นสั่นระรัวไม่เป็นจังหวะ เพราะไม่คาดคิดว่าจะบังเอิญเจอเขาแถวนี้ เจ้าของร่างอรชรพยายามตั้งสติกับเรื่องที่พบเจอ แต่พอเบี่ยงสายตามองยังกระจกข้างของรถกระบะ เห็นดวงตามีเสน่ห์จ้องมองเธออยู่ ก็ทำตัวไม่ถูกริมฝีปากกัดเม้มกันแน่น พยายามไม่สนใจสายตาคู่นั้น แต่ก็ทำไม่ได้ กระทั่งไม่อาจทนสลันจึงหยุดรถจักรยาน เพื่อให้รถกระบะของกัปตันวิ่งห่างเธอออกไปไกลกว่านี้ก่อน แต่การกระทำของสลัน ทำเอาโสภาที่นั่งซ้อนท้ายถึงกับงุนงง จึงเอ่ยถามลูกสาวด้วยใบหน้าสงสัย “ลันหยุดรถทำไมลูก?” “พอดีหนูปวดขา ก็เลยหยุดพักน่ะจ้ะแม่” “ถ้างั้นเดี๋ยวแม่ปั่นเอง” “ไม่เป็นไร แม่หนูปั่นไหว” “งั้นรีบกลับบ้านกันเถอะ แม่หิวข้าวแล้ว” “จ้ะ” เนื่องจากต้องออกเดินทางไปบ้านพิธีแต่เช้ามืด เพราะกลัวไม่ทันฤกษ์ยามเนื่องจากกว่าจะนั่งรถโดยสารไปถึง จึงทำให้สองแม่ลูกยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย สลันได้ยินเช่นนั้นก็สูดลมหายใจเข้าปอด มือเล็กเลื่อนไปจับผ้ามาปิดหน้า จากนั้นก็ปั่นจักรยานต่อ ขณะตาคู่สวยมองยังรถกระบะ ที่เดี๋ยวผ่อนเดี๋ยวเหยียบคันเร่ง ทำให้เธอปั่นจักรยานแซงไม่ได้ จึงได้แต่ปั่นตามไปเรื่อย ๆ อะไรของเขาเนี่ย... แม้จะไม่เข้าใจการกระทำของคนที่อยู่บนรถ แต่สลันก็เลือกไม่สนใจ ปั่นจักรยานต่อ กระทั่งถึงปากทางเข้าไปยังบ้านท้ายนา คนตัวเล็กก็ไม่รอช้า รีบเลี้ยวรถจักรยานเข้าไปในซอย แล้วปั่นไปตามถนนลูกรังมุ่งตรงไปยังบ้านไม้หลังเล็กทันที... ส่วนกัปตันเมื่อเห็นสลันเลี้ยวรถเข้าไปในซอยเล็ก ๆ ก็มองเลยไปยังท้ายนา เห็นบ้านไม้หลังเล็กตั้งอยู่หลังเดี่ยวโดด ๆ ในระยะไกล ก็มองไม่ละไปไหน กระทั่งรถกระบะวิ่งไกลออกมา จนสายตามองไม่เห็นบ้านหลังนั้น จึงหันกลับมาเบื้องหน้า ใช้เวลาไม่นานรถกระบะสีดำก็วิ่งเข้าเขตหมู่บ้านช้างใหญ่ ลูกศิษย์ก็ขับมุ่งไปยังบ้านเรือนไทยทันที...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD