ศรัทธา 4

2247 Words
ช่วงเช้ามืดของวันหลังจากตื่นนอน สลันก็รีบไปเก็บผักสวนครัวที่เธอปลูก เพื่อจะเอาไปขายที่ตลาดสดปากทางเข้าหมู่บ้านดงช้าง ร่างเล็กใช้เวลาอยู่ในแปลงผักจนกระทั่งตะวันเริ่มขึ้น หลังจากแบ่งผักเป็นมัดก็เอาไปใส่ตะกร้า จากนั้นก็ตั้งบนเบาะหลังจักรยานแล้วจัดการมัดให้แน่น ตาคู่สวยมองผักสวยงามของตัวเองด้วยใบหน้าภูมิใจ ก่อนจะไปอาบน้ำอาบท่าให้เรียบร้อยจะได้รีบไปตลาด เมื่ออาบน้ำเสร็จมือเล็กก็หยิบเสื้อผ้าฝ้ายแขนกุดสีขาว มาสวมใส่คู่กับกระโปรงยาวพริ้วสีพื้น จากนั้นก็คว้าผ้าคลุมศีรษะสีดำมาปกปิดใบหน้า เดินออกไปข้างนอก แล้วเอ่ยบอกคนเป็นแม่ที่กำลังทำกับข้าวอยู่ด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน “แม่ เดี๋ยวหนูเอาผักไปขายที่ตลาดก่อนนะ” “ดูแลตัวเองดี ๆ นะลูก รีบไปรีบกลับ” “จ้ะ” ขาเรียวยาวเดินลงบันไดไปยังรถจักรยานคันเก่า ที่บรรทุกผักสดปลอดสารพิษเต็มรถทั้งด้านหน้าและท้าย จากนั้นก็ปั่นจักรยานออกจากบ้านมุ่งตรงไปยังตลาดสดทันที โดยมีสายตาของคนเป็นแม่มองด้วยแววตาเป็นห่วง และสงสารลูกสาวจับใจที่ชีวิตต้องมาลำบากเช่นนี้... ทางด้านสลันเมื่อจักรยานแล่นออกจากซอยบ้าน เธอก็ปั่นไปตามถนนด้วยความรู้สึกหวาดกลัว ไม่ใช่ว่าถนนเส้นนี้ไม่มีรถของชาวบ้านสัญจร หรือรอบข้างมีเพียงทุ่งนาและป่าไม้เท่านั้น ทว่ากลัวคนคิดไม่ดีจะขับรถผ่านมามากกว่า แต่ให้ทำยังไงได้ เพราะเธอจำเป็นต้องไปตลาด จึงต้องเอาชีวิตมาเสี่ยง... ร่างเล็กตั้งหน้าตั้งตาปั่นจักรยานไปเรื่อย ๆ กระทั่งได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่ง คล้ายกับกำลังแล่นมาทางด้านหลังเธอ หัวใจดวงน้อย ๆ ก็เต้นสั่นระรัวไม่เป็นจังหวะ ในหัวเต็มไปด้วยความกังวล เมื่อนึกถึงภาพเหตุการณ์ครั้งหนึ่ง ที่เกือบโดนวัยรุ่นฉุด ทว่าโชคดีที่พวกเขาจำเธอได้ว่าเป็นลูกหลานยายสาว จึงทำให้เธอหลุดพ้นมาได้ แต่สลันก็ยังหวาดกลัว เพราะกลัวว่าครั้งนี้จะไม่โชคดีเหมือนครั้งก่อน... ตาคู่สวยจึงพยายามมองหาจุดที่สามารถปั่นจักรยานไปหลบซ่อนได้ แต่ด้วยความกระชั้นชิด ทำให้ทุกอย่างมันเร็วไปหมด พอรับรู้ว่ารถมอเตอร์ไซค์ขับพ้นโค้ง เธอจึงหันมองเห็นวัยรุ่นผู้ชายสองคน นั่งอยู่บนรถมอเตอร์ไซค์ จึงเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น ขณะหัวใจเต้นสั่นระรัว มือเล็กสั่นเทาบีบแฮนด์รถจักรยานแน่น กระทั่งรถมอเตอร์ไซค์ท่อดังขับผ่านเธอไปช้า ๆ เห็นเช่นนั้นสลันก็ถอนลมหายใจด้วยความโล่งอก “เฮ้อ!” จากนั้นสลันก็ผ่อนความเร็วของจักรยาน เพื่อให้รถคันดังกล่าวขับห่างไกลออกไปก่อน ตาคู่สวยมองวัยรุ่นสองคนนั่งรถไกลเธอออกไปเรื่อย ๆ ในเวลาที่ใจเริ่มชื้นขึ้นก็เตรียมปั่นจักรยานไปต่อ ทว่าจู่ ๆ รถมอเตอร์ไซค์คันนั้นก็เลี้ยวรถวนกลับมาหาเธอ รับรู้เช่นนั้นสลันก็ทำอะไรไม่ถูก ดวงตามองไปยังเบื้องหน้าเห็นวัดประเสริฐที่อยู่ในระยะไม่ไกล เธอจึงรีบปั่นจักรยานเร็วขึ้น ใบหน้าสวยไม่แม้แต่หันมองวัยรุ่นสองคนที่นั่งอยู่บนรถ กระทั่งรถคันนั้นขับมาตีคู่กับจักรยานของเธอ พร้อมกับเอ่ยถาม “จะไปไหนแต่เช้าครับคนสวย” “...” “ปั่นจักรยานแถวนี้คนเดียวมันอันตรายนะ ให้พวกพี่ไปส่งดีกว่า” ความรู้สึกของสลันตอนนี้ไม่รับรู้อะไรแล้ว นอกจากความหวาดกลัว แต่ก็พยายามตั้งสติแล้วเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น “พี่ถามไม่ได้ยินเหรอครับ” “...” ร่างเล็กยังคงเลือกไม่ตอบ กระทั่งได้ยินคำพูดของคนขับรถมอเตอร์ไซค์ “มึงจับท้ายรถจักรยานมันดิ๊” สลันได้ยินเช่นนั้นจึงรีบหยุดรถ เพราะกลัวคนพวกนั้นจะดึงรถจักรยานของเธอจนทำให้เสียหลักล้ม เมื่อหยุดรถจักรยานคนตัวเล็กก็หันมองหน้าชายสองคน ด้วยหัวใจเต้นพลันถี่ยิบ เหงื่อผุดพรายท่วมหน้าผาก แต่ทว่าพอสบตาของชายทั้งสองก็ทำให้เธอจำได้ว่า สองคนนี้เคยขับรถหนีเธอ ในตอนที่รู้ว่าเธอเป็นเหลนยายสาว รับรู้เช่นนั้นสลันก็ดึงผ้าปิดหน้าออก แล้วอธิษฐานขอให้ทั้งสองจำเธอได้... ซึ่งมันก็เหมือนจะเป็นเช่นนั้น เมื่อวัชคนขับเห็นใบหน้าเธอที่ไร้ผ้าคลุม ดวงตาทั้งสองก็เบิกกว้าง ก่อนจะรีบหันไปเอ่ยบอกเพื่อนมันด้วยสีหน้าตื่นตระหนก พร้อมกับตีมือไอ้วิทย์ที่นั่งซ้อนท้าย “ไอ้วิทย์มึงปล่อยมือจากรถจักรยานของมันเดี๋ยวนี้ ปล่อยเร็ว ๆ” “ปล่อยทำไมวะ?” วิทย์ที่กรึ่มเหล้าปรือตาถามเพื่อนของมันด้วยใบหน้าสงสัย “กูบอกให้ปล่อยก็ปล่อยเถอะ ถ้าไม่ปล่อยกูจะทิ้งมึงให้อีผีปอบมันแดกไส้มึงอยู่นี่แหละ” วิทย์ได้ยินเช่นนั้นก็เบิกตากว้าง แล้วรีบปล่อยมือจากท้ายรถจักรยานของสลัน ส่วนไอ้วัชก็รีบบิดรถมอเตอร์ไซค์จนสุดคันเร่งขับออกไปอย่างรวดเร็ว “ไอ้วัชขับเร็วอีก เร็วอีก” สลันมองชายทั้งสองด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง กระทั่งรถคันดังกล่าวขับพ้นสายตา เธอก็พ่นลมหายใจด้วยความโล่งอก มือเล็กยกขึ้นวางลงยังหน้าอกที่หัวใจดวงน้อย ๆ เต้นสั่นระรัวกับความกลัวยังไม่หาย เมื่อเหตุการณ์กลับมาเป็นปกติ ใบหน้ามนรูปไข่ก็หันไปมองทางด้านหลัง เมื่อเห็นว่าไม่มีรถชาวบ้านขับมาแล้ว เธอจึงรีบปั่นจักรยานไปต่อ... กระทั่งถึงหน้าวัดประเสริฐคนตัวเล็กก็หยุดรถ กระพุ่มมือสวยยกขึ้นวางกลางหว่างอก แล้วอธิษฐานขอพรกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย “ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ช่วยปกปักรักษาลูก ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากคนพาลด้วยเถิด” สิ้นเสียงแผ่วเบา มือเล็กก็ยกขึ้นท่วมหัว ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วยความเคารพและศรัทธา แต่พอเงยหน้าขึ้น หางตาก็เห็นรถกระบะคันหนึ่งจอดอยู่ด้านข้าง สลันจึงหันไปมอง ทำให้สบตากับคนที่นั่งอยู่ตำแหน่งคนขับเปิดกระจกรถนั่งมองเธออยู่ ทำเอาตกใจไม่น้อยเมื่อรับรู้ว่าเป็นใคร ตากลมโตกะพริบถี่ ๆ ใบหน้าสวยรีบหันกลับมาที่เดิม ขณะหัวใจเต้นสั่นไหวกับใบหน้าหล่อเหลาของเขา จากนั้นก็เตรียมขึ้นคร่อมรถจักรยานเพื่อปั่นไปตลาด ทว่าได้ยินคนในรถพูดขึ้นก่อน “ขายผักเหรอ?” “อ๋อ เอ่อ ใช่ค่ะ” กัปตันมองสลันด้วยใบหน้ายิ้ม ๆ เมื่อเห็นเธอตอบเขาด้วยท่าทีอ้ำอึ้ง คล้ายกับเขินอายเขาอยู่ แต่พอเธอหันมาจึงรีบดึงหน้ากลับมาเคร่งขรึมเช่นเดิมแล้วถามต่อ “มีผักอะไรบ้าง?” “มีเยอะค่ะ” “เช่น?” “เอ่อ กะเพรา ผักบุ้ง ผักชี ต้นหอมค่ะ” พอเห็นใบหน้าเคร่งขรึมของอีกคน เธอจึงรีบอธิบายเพิ่มด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ขณะหัวใจเต้นพลันถี่ยิบราวกับจะหลุดออกมาข้างนอก ด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่รู้ รู้เพียงพอเห็นหน้าเขา อาการแปลก ๆ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับใครมาก่อน ก็เกิดขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ “งั้นเหมาหมด เอาไปส่งที่บ้านเรือนไทยท้ายหมู่บ้านช้างใหญ่ให้หน่อย” “แต่...” บรื้น… “อะไรของเขา” ยังไม่ได้พูดอะไรเจ้าของรถกระบะ ก็ขับรถเลี้ยวเข้าไปในวัดประเสริฐ ปล่อยให้คนตัวเล็กยืนมองด้วยความสับสน เพราะไม่รู้จะเอาอย่างไรต่อดี เนื่องจากผักที่สลันเก็บมา ตั้งใจเอาไปขายให้นิดเจ้าของแผงผัก เพราะรับปากไว้แล้วว่าวันนี้จะเอาผักไปขายให้ สลันยืนคิดไม่ตก ขณะตาคู่สวยมองคนตัวสูงโปร่งกายกำยำน่าเกรงขามลงจากรถ แล้วเดินเข้าไปในกุฎิของพระทองคำ จากนั้นก็มองผักของตัวเองครู่หนึ่ง ก่อนจะเลือกปั่นจักรยานมุ่งตรงไปยังตลาดสด... ส่วนคนที่อยู่ในกุฎิ ยืนกอดอกมองความดื้อรั้นของเธอผ่านหน้าต่าง ด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ความรู้สึกเต็มไปด้วยความไม่พอใจ เมื่อเธอไม่ยอมฟังที่เขาบอก ทั้งที่ตัวเขามีแต่คนเชื่อฟังและเคารพนับถือ... ใช้เวลาสักพักสลันก็ปั่นจักรยานมาถึงตลาด ก่อนจะจับผ้าที่คล้องคออยู่ปิดบังใบหน้า จากนั้นก็เดินถือตะกร้าผักไปยังร้านเจ้นิดทันที “ป้านิดลันเอาผักมาส่งจ้ะ” “อ้าว คิดว่าไม่มาแล้ว” “พอดีรถจักรยานมีปัญหาน่ะจ้ะก็เลยมาช้า” “อ๋อ แล้ววันนี้มีผักอะไรบ้างล่ะ” นิดวางผักสดที่กำลังจับเป็นช่อลง แล้วเดินไปดูผักในตะกร้าของสลันที่เธอถืออยู่ “วันนี้มีกะเพรา ผักบุ้ งแล้วก็ต้นหอมผักชีจ้ะ” “กำใหญ่เหมือนเดิมเลยนะ” นิดพูดขณะจับผักของสลัน ที่กำใหญ่กว่าเจ้าอื่นด้วยใบหน้าพอใจ แต่เสียดายผักของสลันมีน้อย จึงทำให้เธอไม่สามารถรับเจ้าเดียวได้ เนื่องจากไม่เพียงพอที่จะนำมาขายบนแผง “ขอบคุณจ้ะ” “แล้วขายยังไงนะ” “ราคาเดิม มัดละห้าบาทจ้ะ” “ช่วงนี้อะไรก็แพงไปหมด ผักก็ขายยาก กำไรก็น้อยลงทุกวัน อีกอย่างรับของเจ้าอื่นมาขาย ก็กำละสามบาทเอง” คนตัวเล็กพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่พอได้ยินคำพูดของนิดเมื่อครู่ ก็ทำเอารอยยิ้มนั้นค่อย ๆ เลือนรางจางหายไปแล้วถามย้ำอีกครั้ง “คนอื่นมัดละสามบาทแล้วเหรอจ๊ะ” “ใช่ ถ้ายังขายแพงกว่าคนอื่น ก็คงซื้อแค่รอบนี้รอบเดียว เพราะไม่งั้นก็รับซื้อไม่ไหวเหมือนกัน” “งั้นลันขายเท่าคนอื่นก็ได้จ้ะ” แม้มันจะไม่คุ้มค่าเหนื่อย ที่ต้องปั่นจักรยานบุกป่าฝ่าดงมาขาย อีกทั้งระยะทางก็ไม่ใช่ใกล้ ๆ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากทำใจ “กำละสามบาทหมดทุกอย่างเลยใช่ไหม” “ใช่จ้ะ” หลังจากยืนตกลงกันเรียบร้อย นิดก็ยื่นแบงก์สีเขียวให้สลันจำนวนสามใบ คนตัวเล็กยกมือไหว้พร้อมกับเอื้อมมือไปรับเงิน จากนั้นก็เดินอ้อมไปยังหน้าแผงผัก เพื่อซื้ออาหารคาวหวานให้แม่ของเธอไหว้ขันผีฟ้า ในระหว่างที่สลันกำลังจะเดินพ้นร้านของนิด เธอก็เห็นเจ้นิดเอาผักบุ้งที่เธอขายให้ ไปวางแยกกับผักบุ้งกองอื่นที่มีอยู่ก่อนหน้าแล้ว จากนั้นก็หยิบป้ายราคามัดละยี่สิบห้าบาทมาวาง สลันเห็นเช่นนั้นก็ได้แต่มองนิ่ง ๆ แล้วเดินพ้นหน้าร้านไป... หลังจากซื้ออาหารคาวหวานตามที่แม่บอก เธอก็รีบเดินกลับไปยังรถจักรยาน จากนั้นก็รีบปั่นกลับบ้านทันที... ระหว่างเดินทางกลับก็ไร้กังวล เนื่องจากชาวบ้านเริ่มออกมาไร่นากันแล้ว ทำให้เธอสบายใจไม่ต้องกลัวพวกคนพาลมาทำมิดีมิร้าย คนตัวเล็กปั่นจักรยานบนถนนที่ทอดยาวไปเรื่อย ๆ กระทั่งถึงหน้าวัดประเสริฐ ตาคู่สวยก็มองเข้าไปภายในวัด ซึ่งไม่มีรถกระบะของอีกคนจอดอยู่แล้ว สลันจึงหันมาสนใจเบื้องหน้า จากนั้นก็รีบปั่นจักรยานกลับบ้าน ใช้เวลาไม่นานรถจักรยานคันเก่า ๆ ก็เลี้ยวเข้าไปภายในบ้าน ก่อนจะปั่นไปจอดยังใต้ถุน ที่มีแม่ของเธอกำลังนั่งสานไม้กวาดของผู้ใหญ่ลพที่รับจากคนในหมู่บ้านมาให้ทำ เพื่อให้เธอกับแม่มีรายได้ “ได้อาหารคาวหวานมาไหว้ขันผีฟ้าไหมลูก” “ได้มาจ้ะแม่” โสภาได้ยินเช่นนั้นก็รีบเอาลาบเลือด ที่สลันซื้อมาไปจัดใส่จาน จากนั้นก็ไปไหว้ผู้มีพระคุณต่อเธอ ที่ทำให้หายจากอาการเจ็บป่วย ส่วนสลันก็นั่งมองแม่ของเธอไหว้ขันผีฟ้าที่โต๊ะใต้ถุนบ้าน หลังจากโสภาไหว้ผีฟ้าเสร็จ ทั้งสองก็นั่งกินข้าวด้วยกันสองคนเหมือนเช่นทุกวัน เมื่ออิ่ม สลันก็เดินลงไปข้างล้างเพื่อรดน้ำผัก ขณะรดน้ำผัก สลันก็นึกถึงใบหน้าหล่อเหลา ของคนที่ทำให้เธอใจเต้นสั่นไหวทุกครั้งที่เจอ ในหัวคิดไม่ตกว่าจะเอาผักไปให้เขาดีไหม เวลาผ่านไปไม่นานร่างเล็กก็พ่นลมหายใจออกมา เดินไปหยิบตะกร้าสานมาใส่ผักนานาชนิดเพื่อเอาไปให้อีกคน เมื่อเสร็จเรียบร้อย ก็เดินไปจูงรถจักรยาน แล้วเอาตะกร้าผักห้อยหน้ารถ จากนั้นก็เอ่ยบอกแม่ของเธอที่นั่งอยู่ระเบียงบ้านด้วยเสียงหวาน “แม่เดี๋ยวหนูมานะ เอาผักไปส่งให้ชาวบ้านก่อนจ้ะ” “รีบไปรีบกลับ” “จ้ะ” ปากเล็กเอ่ยตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ก่อนจะคร่อมจักรยานแล้วปั่นออกจากบ้าน มุ่งตรงไปยังบ้านเรือนไทยที่อยู่ท้ายหมู่บ้านช้างใหญ่ทันที
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD