หลังจากนั่งมองจนเจ้าของร่างอรชรเดินลงบันไดกระทั่งพ้นสายตา กัปตันก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ที่วางอยู่ด้านข้างดังขึ้น มือหนาจึงหยิบขึ้นดูเห็นมงคลโทรเข้ามาก็กดรับ
จากนั้นก็นั่งคุยกับมงคลที่โทรมาถาม ว่าตอนเช้าเขาจะกินอะไรจะได้ซื้อไปให้ หลังจากกัปตันตอบปฏิเสธก็วางสายทันที...
ทางด้านสลันหลังจากคิดเมนู ที่จะทำให้อีกคนได้แล้ว เธอก็รีบเตรียมวัตถุดิบจนเกือบครบ เหลือเพียงหอมแดง ที่หาเท่าไรก็หาไม่เจอ
“อยู่ไหนนะ ทำไมหาไม่เจอเลย”
หลังจากใช้ความพยายามกระทั่งหมดความสามารถ สลันจึงเดินขึ้นไปบนชั้นสองเพื่อถามเจ้าของบ้าน
เมื่อเท้าเล็กเหยียบยังพื้นชั้นสอง ก็เห็นคนตัวสูงกำลังจะเดินเข้าไปในห้องนอน เธอจึงรีบถาม
“พอดีหาหอมแดงไม่เจอค่ะ เอาไว้ตรงไหนเหรอคะ?”
ขณะกัปตันจะเดินเข้าไปในห้องนอน เพื่อสวมใส่เสื้อให้เรียบร้อย ทว่าได้ยินเสียงหวานดังขึ้นจากทางด้านหลังจึงหันไปมอง แล้วตอบเธอด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง
“อยู่ในตะกร้าที่แขวนไว้”
“อ๋อ ขอบคุณค่ะ”
พูดจบสลันก็เดินลงบันไดแล้วกลับเข้าไปในครัว ตาคู่สวยเห็นตะกร้าสานที่แขวนอยู่ จึงเดินไปหยุดยืนด้านข้าง จากนั้นก็ยกแขนทั้งสองข้างขึ้นเพื่อหยิบหอมแดงที่อยู่ในตะกร้า มาทำต้มไก่ให้อีกคนกิน
ส่วนกัปตันกลัวสลันหยิบหอมแดงในตะกร้าไม่ถึง จึงเดินตามเธอลงมาข้างล่าง พอเข้าไปในครัวที่อยู่ใต้ถุนบ้าน ตาคมกริบก็เห็นคนตัวเล็ก กำลังหยิบหอมแดงในตะกร้า
ซึ่งทุกอย่างก็ดูปกติ เหมือนจะไม่มีอะไร หากสายตาไม่สะดุดกับเสื้อผ้าฝ้ายแขนกุดตัวเล็กที่เธอสวมใส่อยู่มันร่นขึ้น จนเห็นเอวคอดกิ่วขาวเนียนที่รับกับสะโพกกลมกลึงน่าขยำ
ภาพที่ปรากฏ ทำเอาหมอธรรมหนุ่ม ผู้ไม่เคยต้องตาใคร มองตาไม่กะพริบขณะใบหน้ายังคงเรียบนิ่ง ทว่าลูกกระเดือกขยับขึ้นลงไม่ว่างเว้น ร่างกายเริ่มร้อนวูบวาบ ก่อนจะเอ่ยบอกคนตัวเล็ก
“เดี๋ยวหยิบให้” สลันสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงทุ้มดังจากด้านหลัง ก่อนจะหันไปมองพร้อมกับเอ่ยบอกกัปตัน
“ไม่เป็นไรค่ะ”
เนื่องจากเธอดึงหอมแดงได้หนึ่งหัวแล้ว พอคนตัวสูงได้ยินคำพูดดื้อรั้นของเธอ เขาก็เดินเข้าไปใกล้ แล้วบอกให้เธอรู้ตัว
“เสื้อมันร่นขึ้น จนเห็นไปถึงไหนต่อไหนแล้ว เดี๋ยวหยิบให้เอง”
พูดขณะฝ่ามือเลื่อนไปจับชายเสื้อคนตัวเล็กดึงลงให้เรียบร้อย พอสลันรับรู้เช่นนั้นใบหน้าก็เห่อแดงกับการกระทำของเขา ก่อนที่แขนเรียวเล็กจะรีบเลื่อนไปโอบกอดรอบเอวตัวเองไว้แน่น
แล้วเอ่ยบอกคนตัวสูงด้วยน้ำเสียงติดขัด...
“ขอโทษค่ะ”
“ขอโทษทำไม?”
“ก็ที่ทำตัวไม่สุภาพในบ้านค่ะ”
“ไม่ได้ผิด แต่อยากให้ระวังตัวมากกว่านี้” เพราะครั้งต่อไปเขาคงไม่เพียงแค่ยืนมองเท่านั้น
“ค่ะ”
“...” สิ้นเสียงแผ่วเบากัปตันก็มองหน้าสลันครู่หนึ่ง จากนั้นก็เลือกไม่พูดอะไร เอื้อมมือไปปลดตะกร้าหอมที่แขวนอยู่ แล้วเอ่ยถามคนตัวเล็กที่ยืนมองเขาตาปริบ ๆ
“เอากี่หัว?”
“เอ่อ...สองหัวค่ะ”
เมื่อได้ยินคำตอบ กัปตันก็ดึงหอมแดงที่อยู่ในพวงออกมาสองหัว ตามที่คนตัวเล็กบอก ขณะมือดึงหัวหอมดวงตาก็มองใบหน้าสวยไร้ที่ติของคนตัวเล็กไม่ละไปไหน จนคนถูกมองทำตัวไม่ถูก เขินอายจนใบหน้าแดงก่ำ หัวใจเต้นสั่นระรัวไม่เป็นจังหวะ จึงเลือกก้มหน้าลงกระทั่งได้ยินเสียงทุ้มรื่นหูดังขึ้น
“ได้แล้ว”
“ขอบคุณค่ะ”
มือเล็กเลื่อนไปรับหอมแดงทั้งที่ไม่เงยหน้ามองอีกคน พอกัปตันวางหอมแดงลงบนฝ่ามือ สลันก็รีบหันหลังให้เขาจากนั้นก็เดินไปทำกับข้าว
ทางด้านกัปตันมองแผ่นหลังของสลันครู่หนึ่ง ไม่นานก็หลุบมองยังมือตัวเองที่ได้สัมผัสกับความนุ่มนิ่ม ปนหยาบกร้านเล็กน้อยของคนทำงาน ก่อนจะระบายยิ้มด้วยความชอบใจ จากนั้นก็แขวนตะกร้าสานไว้ที่เดิม ยืนกอดอกมองคนตัวเล็กทำกับข้าวอย่างคล่องแคล่วด้วยนัยน์ตาชื่นชม
ส่วนสลันยืนทุบหอมแดงด้วยหัวใจเต้นสั่นระรัว เมื่อรับรู้ว่าอีกคนยืนมองอยู่ทางด้านหลัง ทำเอาประหม่าหยิบจับอะไรมือไม้ก็สั่นไปหมด กระทั่งได้ยินเสียงทุ้มดังขึ้น
“เสร็จแล้วยกกับข้าวขึ้นไปบนบ้านให้ด้วยนะ” ทำเอาเธอสะดุ้งเล็กน้อย พอตั้งสติได้ใบหน้าสวยก็หันไปทางด้านหลัง ทำให้สบตากับคนที่ยืนกอดอกมองอยู่ จึงตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงติดขัด
“...ค่ะ”
จากนั้นก็ยืนมองคนตัวสูงร่างกำยำเดินออกจากครัวกระทั่งพ้นสายตา เธอก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ มือเล็กยกขึ้นลูบอกข้างซ้ายที่วูบหวั่น ตกอยู่ในภวังค์กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครู่หนึ่ง กระทั่งได้สติ สลันก็รีบทำกับข้าว
เมื่อเห็นว่าออกจากบ้านมานานแล้ว...
หลังจากขึ้นมาบนบ้านกัปตันก็เข้าไปในห้องนอน หยิบเสื้อมาสวมใส่และเปลี่ยนกางเกงตัวใหม่ให้เรียบร้อย จากนั้นก็เดินออกไปข้างนอกด้วยเสื้อเชิ้ตสีดำ กับกางเกงสีเดียวกัน ซึ่งตัวเขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ทำไมต้องแต่งตัวเต็มยศทั้งที่ไม่ได้มีธุระกงการที่ไหน...
ก่อนจะเดินไปหยิบเสื่อมาปู แล้วนั่งรอสลันยกกับข้าวขึ้นมาให้ ซึ่งใช้เวลาไม่นานคนตัวเล็กก็ถือกับข้าวขึ้นมาบนบ้าน พอเห็นเธอเอาแต่ยืนมองไม่พูดไม่จาเขาจึงเอ่ยบอก
“เอามาวางลงบนเสื่อ”
“ค่ะ”
สลันเดินเอากับข้าวไปวางบนเสื่อด้านหน้ากัปตันด้วยความประหม่า เมื่อเขาเอาแต่นั่งมองหน้าเธอจนทำตัวไม่ถูก หลังจากวางกับข้าวเรียบร้อย สลันก็เตรียมลุกออกมาทว่า...
“ไม่กินข้าวด้วยกัน?”
“ไม่ค่ะ”
“ทำไม?”
“พอดีกินข้าวมาแล้วค่ะ”
“เหรอ”
“ค่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว...”
กัปตันเอ่ยถามขณะดวงตาจ้องมองหน้าสลันไม่ละไปไหน ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบจานข้าวที่วางอยู่ด้านหน้า พอเห็นคนตัวเล็กกำลังจะพูดขึ้น เขาจึงชิงพูดก่อน เพราะรู้ดีว่าเธอจะพูดอะไร
“ชื่อลันเหรอ?”
“สลันค่ะ”
“ที่แปลว่ารักใช่ไหม?”
“ใช่ค่ะ”
แม้สลันจะสงสัยว่ากัปตันมาจากที่ไหน เนื่องจากเขาใช้ภาษากลางสื่อสารกับเธอ ทั้งที่คนในหมู่บ้านช้างใหญ่และทับช้างใช้ภาษาถิ่นสื่อสารกัน ทว่าเธอก็ไม่กล้าถาม จึงเลือกเก็บความสงสัยไว้ในใจ
รวมถึงอยากรู้ชื่อของเขาด้วยก็ตาม...
“อายุเท่าไร?”
“ยี่สิบสี่ค่ะ”
เรียวปากเล็กเอ่ยตอบ ขณะตาคู่สวยมองอีกคนตักกับข้าวที่เธอทำเข้าปากด้วยหัวใจสั่นไหว เพราะกลัวรสชาติจะไม่ถูกปากเขา
ส่วนความรู้สึกกังวลในคราแรก ว่าเขาจะรังเกียจเธอเหมือนชาวบ้านคนอื่น ๆ ก็ผ่อนคลายลง เนื่องจากอีกคนนั้นดูเป็นกันเอง และไม่มีท่าทีรังเกียจเธอแต่อย่างใด แถมยังชวนเธอกินข้าวด้วยอีกต่างหาก ซึ่งมันทำให้เธอสบายใจ ในตอนที่อยู่กับเขา
“อยู่บ้านกับแม่สองคนเหรอ?”
“ใช่ค่ะ”
“แล้วยังไม่มีผัว?”
“แค่ก แค่ก”
สิ้นประโยคคำถามที่หลุดจากปากอีกคน ทำเอาสลันถึงกับสำลักน้ำลายที่กำลังจะกลืน เพราะเธอไม่คิดว่าเขาจะถามตรงขนาดนี้ ในขณะคนตัวเล็กกำลังตั้งสติกับคำถามที่ได้ยิน อีกคนกลับนั่งมองนิ่ง ๆ คล้ายกับไม่ได้รู้สึกอะไรในคำพูดของตัวเอง เธอจึงตอบกลับไป
“ไม่มีค่ะ”
“เหรอ เห็นทำกับข้าวอร่อย หน้าตาก็...สวย คิดว่ามีคนมาจีบเยอะหรือจับจองแล้ว”
กัปตันพูดด้วยท่าทีปกติคล้ายกับไม่ได้คิดอะไร ทว่ามุมปากกลับยกยิ้มด้วยความชอบใจในคำตอบที่ได้ยิน เพราะสำหรับเขา
ตราบใดที่ยังมีกลิ่นธูปควันเทียน ศีลข้อสามจะรักษาไว้ไม่ให้ขาด...
“สงสัยทำกับข้าวตั้งแต่เด็กก็เลยคุ้นมือค่ะ ส่วนเรื่องคนมาจีบ...คงไม่มีใครกล้าหรอกค่ะ”
“แล้วถ้ามีคนกล้าจีบล่ะ?”
“เอ่อ...ยังไม่รู้ค่ะ เพราะตอนนี้ยังไม่มีใครจีบค่ะ”
กัปตันนั่งมองสลันไม่ละไปไหน ทำเอาคนที่ถูกมองทำตัวไม่ถูก มือเล็กบีบประสานกันแน่น ความรู้สึกภายในใจประหม่าจนยากจะควบคุม จึงหอบลมหายใจเข้าปอด แล้วเตรียมพูดขอตัวกลับบ้านออกไป
ทว่า...
“มีเบอร์โทรศัพท์ไหม?”
“เอ่อ...ไม่มีโทรศัพท์ค่ะ”
“งั้นรอก่อน”
กัปตันดันตัวลุกขึ้นจากเสื่อ เดินไปหยิบโทรศัพท์ปุ่มกดหน้าโทรทัศน์ ที่เอาไว้รับสายในคราผู้รักษาติดต่อมา จัดการถอดซิมออกแล้วใส่ซิมของเขา ที่มีเพียงพ่อกับแม่โทรเข้ามาใส่ไปแทน กดบันทึกเบอร์ตัวเองลงในเครื่องที่จะให้เธอ จากนั้นก็เดินกลับไปหาเจ้าของใบหน้าสวย ที่นั่งมองตาปริบ ๆ แล้วยื่นให้
“พกติดตัวไว้”
“ให้ทำไมเหรอคะ?”
สลันถามด้วยใบหน้าสงสัย แต่ทว่าก็เอื้อมมือไปรับ เพราะอีกคนส่งสีหน้าคล้ายคาดคั้นให้เธอรับโทรศัพท์
“ทุกเช้าก่อนเข้ามาส่งผัก ต้องโทรมาบอกก่อน”
“ทุกเช้าเลยเหรอคะ”
“ใช่”
“ต้องโทรกี่โมงคะ”
“ตื่นตอนไหนก็โทรมา”
“อ๋อ ค่ะ” แม้จะไม่เข้าใจในการกระทำของเขา แต่เธอก็ตกปากรับคำออกไปอย่างว่าง่าย กัปตันได้ยินเช่นนั้นก็พึงพอใจมาก
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ลันขอตัวกลับก่อนนะคะ”
“ถ้าบอกว่ายังไม่ให้กลับได้ไหมล่ะ”
“อะไรนะคะ?”
“เปล่า”
กัปตันพูดลอย ๆ ทำให้สลันนั้นไม่ได้ยิน แม้จะนั่งอยู่ไม่ไกลก็ตาม ส่วนสลันเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ดันตัวลุกขึ้นจากพื้น แล้วเดินลงไปข้างล่างทันที
เมื่อสลันเดินออกไปแล้ว กัปตันก็ช้อนตาขึ้นมองเธอไม่ละสายตาไปไหน กระทั่งสลันปั่นจักรยานออกจากบ้านจนพ้นสายตา เขาก็หลุดยิ้มพร้อมกับส่ายหน้าเบา ๆ
จากนั้นก็เดินไปหยิบโทรศัพท์ตัวเอง จัดการใส่ซิมแล้วเปิดเครื่องให้เรียบร้อย...