“เบาเพื่อนเบา เดี๋ยวก็ได้หัวทิ่มก่อนออกจากคลับฉันแน่นอน” กริชเตือนด้วยความหวังดี เพราะเพื่อนของเขาไม่ได้คอแข็งเท่าที่ควร ดังนั้นถ้านาวินยังดื่มแบบนี้ กริชสามารถเดาได้ทันทีว่าจะจบยังไง
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า แค่นี้ทำอะไรฉันไม่ได้หรอก” นาวินเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้มเศร้า
“นี่ใจคอแกจะไม่บอกฉันจริงๆ เหรอ ฉันยินดีรับฟังนะเพื่อน” กริชกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
“ไม่มีอะไรหรอก แค่เครียดเรื่องงานเท่านั้น แค่แกนั่งอยู่ตรงนี้ฉันก็ขอบคุณมากแล้ว” นาวินยิ้มให้เพื่อนด้วยความรู้สึกขอบคุณดังเช่นที่ชายหนุ่มเอ่ยไปจริงๆ
“ไม่เป็นไร ถ้าแกอยากเล่าเมื่อไหร่ฉันยินดีรับฟังนะเพื่อน” กริชกล่าวอีกครั้ง ก่อนที่จะสั่งเครื่องดื่มมาให้เพื่อนสนิทอีกหลายต่อหลายแก้ว และก็เป็นดังคาดไม่นานเพื่อนสนิทของเขาก็ฟุบลงด้วยอาการมึนเมา กริชได้แต่ส่ายหน้า ไม่ว่าเขาจะถามเท่าไหร่เพื่อนสนิทก็ไม่ยอมบอกว่าเป็นอะไร และตอนนี้กริชก็มีหน้าที่ใหม่แล้ว นั่นก็คือต้องหอบหิ้วร่างของเพื่อนสนิทกลับไปส่งที่คอนโด
ด้วยความสนิทสนมที่มีมากกว่าสิบปี ทำให้กริชพาชายหนุ่มมาส่งที่คอนโดได้อย่างสบายๆ เพราะเขารู้เรื่องเกี่ยวกับนาวินเป็นอย่างดี จึงเป็นการสะดวกที่จะแบกร่างสูงของเพื่อนสนิทมาส่งที่ห้องได้อย่างปลอดภัย
เมื่อมีเสียงเปิดประตูเข้ามา ทำให้ร่างเล็กรีบออกไปดู ภาพที่เธอเห็นก็พบว่าอาหนุ่มของเธอถูกประคองขึ้นมาโดยกริชเพื่อนสนิทของเขา
“อากริชสวัสดีค่ะ” ม่านไหมรีบยกมือขึ้นไหว้เพื่อนสนิทของอาหนุ่มด้วยความคุ้นเคย
“อ้าว...ไหมก็อยู่ที่นี่เหรอ ไอ้วินไม่ยักกะเล่าให้ฟัง” กริชเอ่ยพร้อมทั้งมองใบหน้าที่เศร้าหมองของม่านไหมด้วยความสงสัย และเดาได้ไม่ยากเลยว่าหลานสาวของเพื่อนสนิทเพิ่งจะผ่านการร้องไห้อย่างหนักมา
“ไหมเพิ่งมาฝึกทำงานที่บริษัทค่ะ ว่าแต่ให้ไหมช่วยมั้ยคะ” ม่านไหมชำเลืองมองไปที่ร่างสูงของอาหนุ่มของเธอที่ยังถูกประคองโดยกริช
“เดี๋ยวอาพาตัวไอ้วินไปไว้ที่โซฟา ไหมช่วยดูแลมันต่อหน่อยแล้วกัน อาต้องกลับไปเคลียร์งานที่ร้าน” กริชกล่าวหลังจากที่วางร่างสูงของเพื่อนสนิทลงที่โซฟาตัวใหญ่
“ได้ค่ะ” ม่านไหมพยักหน้ารับทันที เธอไม่รู้ว่าทำไมนาวินถึงได้เมาขนาดนี้ แต่เธอก็ยินดีที่จะดูแลอาหนุ่มของเธอตามคำขอของกริช
“งั้นอากลับก่อนล่ะนะ” กริชกล่าวพร้อมกับเดินออกไป แล้วจัดการล็อคประตูห้องให้กับทั้งคู่