เช้าวันต่อมา
พิมพ์พลอยประคองกายที่บอบช้ำลุกขึ้นไปอาบน้ำ จากการตรากตรำศึกหนักมาทั้งคืน ในขณะที่ศรุตยังคงหลับอยู่ เธอรีบอาบน้ำและแต่งตัวออกจากห้องหอ เพื่อจะไปทำงาน เพราะเธอไม่ได้ลางานต่อไว้ และงานที่เธอทำค้างไว้ก็เยอะพอสมควร
พิมพ์พลอยทำงานอยู่ที่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ในตำแหน่งครีเอทีฟ เธอไม่ได้เตรียมใจว่าเธอจะต้องมาเจอศรุตในโหมดหื่นแบบนี้ เธอจึงไม่ได้ลางานไว้ ดังนั้นวันนี้เธอจึงรีบต้องแต่งตัวไปทำงาน
เมื่อพิมพ์พลอยก้าวขาเดิน เธอปวดร้าวไปทั้งแก่นกาย ราวกับร่างทั้งร่างถูกฉีกออกจากกัน เมื่อเธอเดินลงมาข้างล้าง เธอพบว่าคุณหญิงแม้นวาดกำลังนั่งรับประทานอาหารอยู่ที่โต๊ะอาหาร พิมพ์พลอยพนมมือไหว้คุณหญิงด้วยความเคารพ
"สวัสดีค่ะคุณหญิง"
"หวัดดีจ๊ะหนูพลอย คราวหลังไม่ต้องเรียกแม่ว่าคุณหญิง ให้เรียกว่าคุณแม่เข้าใจมั้ยจ๊ะ" คุณหญิงแม้นวาดเอ่ยด้วยน้ำเสียงเมตตา ทำให้พิมพ์พลอยรู้สึกอุ่นใจราวอยู่กับมารดาของเธอ
"ค่ะคุณแม่ เดี๋ยวพลอยขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ" พิมพ์พลอยกล่าวลาคุณหญิงแม้นวาด
"ตายจริง!! หนูพลอยจะไปทำงานได้ยังไงลูก หนูเพิ่งแต่งงานเมื่อคืน สะใภ้คุณหญิงแม้นวาดไม่ต้องทำงานยังได้เลยลูก และที่สำคัญแม่ให้เลขาจองตั๋วเครื่องบินไปฮันนีมูนที่มัลดีฟส์ให้หนูกับพ่อรุตแล้ว" คุณหญิงแม้นวาดแหวขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ
"แต่หนูยังไม่ได้ลางานไว้นะคะคุณแม่" พิมพ์พลอยเอ่ยออกมาเสียงอ่อย
"ไม่ได้ลาก็โทรไปลาสิลูก หรือถ้าเขาไม่ให้ลางานก็ลาออกเลย เดี๋ยวแม่เปิดบริษัทให้หนูเองก็ยังได้" คุณหญิงแม้นวาดเอ่ยออกมาอย่างคนเอาแต่ใจ เพราะทั้งชีวิตของเธอไม่เคยมีใครขัดใจ
"แต่...."
"ไม่ต้องแต่อะไรทั้งนั้น มานั่งทานข้าวเป็นเพื่อนแม่นี่มา เสร็จแล้วก็ค่อยกลับไปเก็บกระเป๋าเตรียมตัวไปฮันนีมูน" คุณหญิงแม้นวาดสั่งกรายๆ
พิมพ์พลอยได้แต่นั่งลงที่โต๊ะรับประทานอาหารตามคำสั่งของคุณหญิงแม้นวาด นั่นทำให้คุณหญิงแม้นวาดยิ้มอย่างพอใจ
"สาย มาตักข้าวให้คุณผู้หญิง" คุณหญิงแม้นวาดสั่งนางสายแม่บ้านของที่นี่
นางสายพยักหน้ารับ และเดินมาตักข้าวใส่จานให้พิมพ์พลอย พิมพ์พลอยได้แต่จำใจทำตามด้วยความเกรงใจ