บทที่ 6 ไม่อยากพบผู้ใด 2/2

1306 Words
“ท่านกั๋วกงมาแต่เช้ามีเรื่องอันใด” จวิ้นอ๋องชักรู้สึกไม่ค่อยชอบใจนักที่ไฉ่กั๋วกงมาทุกวันเช่นนี้ เหมือนจับตาดูความเคลื่อนไหวของจวนของเขามากเกินไป แต่ยามนี้จะพูดอันใดได้เพราะว่ามีป้ายคำสั่งของเสด็จปู่ ผู้ใดจะกล้าขัดคำสั่งกันเล่า “นำบ่าวหญิงมาด้วยสองคน แต่ว่าเป่ยเป่ยบอกว่าเป็นญาติของนาง ข้าน้อยคิดว่ามันชอบกลนัก” พ่อบ้านหลี่เป็นพ่อบ้านมานานย่อมคาดเดาสิ่งใดไม่ผิดนัก การที่สาวจากด้านนอกมาอยู่ที่จวนมิเท่ากับมาสอดส่องเรื่องในจวนหรือ “ข้าจะไปดูเอง เจ้าให้คนยกชามารับรองแก่ท่านกั๋วกง ห้ามเสียมารยาท” เช้าตรู่เช่นนี้ ขณะที่เขายังไม่ได้ไปเยี่ยมเยียนนาง แต่บุรุษอื่นกลับมาเยี่ยมเมียของตัวเองแล้ว นี่ไม่ใช่สิ่งปกตินัก หากแต่ท่านกั๋วกงช่างเคร่งครัดต่อคำสั่งของเสด็จปู่ยิ่ง เมื่อเดินมาถึงเรือนของภรรยาตัวเอง กลับเห็นว่านางพูดคุยกับท่านกั๋วกงอย่างเป็นกันเอง ราวกับรู้จักกันมานานแรมเดือนอย่างนั้น นั่นยิ่งทำให้ในใจของเขาเริ่มคลางแคลงระแวงสงสัยในความสัมพันธ์ของทั้งคู่ ทั้งเมื่อวานนางยังขอหนังสือหย่าจากเขาอีกด้วย “คารวะท่านกั๋วกง ไม่ทราบว่ามาแต่เช้ามีสิ่งใดหรือไม่” จวิ้นอ๋องถามเสียงอันดังขัดจังหวะการสนทนาของทั้งคู่ “มิมีอันใด เพียงแต่ทำตามรับสั่งฝ่าบาทให้มาดูอาการและความเป็นอยู่ของพระชายาจวิ้นอ๋องตามปกติ หากมีสิ่งใดขาดตก จะได้รายงานฝ่าบาทได้โดยตรง” กั๋วกงพูดด้วยถ้อยคำธรรมดายิ่งนัก แต่คนฟังรู้สึกคลับคล้ายกับข่มขู่อยู่ในที เขาหาใช่บุรุษที่ทำร้ายสตรีราวกับคนวิปริต เสด็จปู่เข้าพระทัยผิดกันไปใหญ่แล้ว “ข้าย่อมดูแลนางดี” “เช่นนี้ข้าก็วางใจแล้ว” กั๋วกงโค้งรับคำจากจวิ้นอ๋อง แต่จวิ้นอ๋องกลับมองไปยังสตรีที่มองไม่เห็นผู้นั้น นางไม่พูดอันใดหรือทักทายเขาสักครึ่งคำ ทั้งยังเงียบราวกับไม่พอใจอยู่ “ได้ยินว่าเจ้ารับสาวใช้มาใหม่ หากคนไม่พอเหตุใดไม่บอกข้า ต้องให้รบกวนท่านกั๋วกงด้วยเรื่องใด” เขาพูดด้วยน้ำเสียงอาทรอย่างยิ่ง แต่เรียกรอยยิ้มเย็นชาจากใบหน้าของนาง นั่นทำให้เขารู้สึกไม่พอใจ “จวิ๋นอ๋องเพียงเข้าใจผิดกระมัง เมื่อวานข้ามาเยี่ยมประจวบเหมาะกับที่เป่ยเป่ยจะออกไปรับพวกนางพอดี ข้าจึงอาสาไม่อยากให้พระชายาอยู่เพียงผู้เดียว ประเดี๋ยวเป็นอะไรไป” “ใช่แล้วเพคะ เสี่ยวซีกับเสี่ยวเป้ย เป็นญาติบ่าวเอง ยามนี้ครอบครัวแตกแยก จึงขอพึ่งบารมีพระชายาเพคะ” เป่ยเป่ยรีบสมทบอีกคำ เพื่อให้คำพูดของท่านกั๋วกงมีน้ำหนักมากขึ้น “อ่อ...เป็นเช่นนี้ ต่อไปอย่าได้รบกวนกั๋วกง พ่อบ้าน หลี่ก็มีเจ้าเพียงบอกกล่าวเขาเท่านั้น” จวิ้นอ๋องตำหนิเป่ยเป่ย เพื่อให้รู้ว่านางทำไม่ถูกต้อง แต่ก็มีสียงหนึ่งเอ่ยขึ้นมาปกป้องนาง “เป็นข้าที่ไม่ได้ตรึกตรองให้ดีเอง ท่านก็อย่าโทษนางเลย” เว่ยเหยาที่เงียบอยู่นานเอ่ยออกมา จากที่หงจื่อไม่คิดว่าจะได้ยินนางพูดกับเขาเสียแล้ว แต่เมื่อแตะต้องสาวใช้นางกลับยืนมือทันที “เจ้าพักผ่อนให้ดีก็พอ” นางยิ้มให้เขาเพียงนิดก่อนจะเอ่ยขึ้นบางอย่างราวกับว่านางมองเห็นอย่างนั้น “คงไม่ได้พักแล้วกระมัง ไหนท่านสัญญากับข้าไม่ให้ผู้ใดรบกวน เหตุใดพาคนมาเสียเยอะแยะเล่า” ใช่นางได้ยินเสียงฝีเท้า น้ำหนักการเดินเบาน่าจะเป็นสตรี หากให้เดาคงเป็นตระกูลซ่งที่รังเกียจนางนั่นเอง จวิ้นอ๋องแปลกใจ วันนี้เดิมก็ไม่มีใครเข้ามารบกวนอยู่แล้ว เพียงแต่กั๋วกงเท่านั้นที่เข้ามาตามคำสั่ง แต่เมื่อหันไปมองยังประตูที่ไกลลิบ ๆ นั่นทำให้รู้ว่าเสด็จแม่และฮูหยิน ซ่งทั้งน้องสาวของนางก็มาด้วย “ข้าจะไปจัดการเองเจ้าอย่าได้กังวล” “มาแล้วก็แล้วไปเถอะ ท่านอย่าเสียมารยาทเลย มีท่านกั๋วกงอยู่ พวกนางคงรู้มารยาท” พวกนาง? นั่นยิ่งสร้างความแปลกใจให้เขายิ่งไปใหญ่ จนต้องเอามือโบกไปมาที่ตรงหน้านาง เพื่อให้แน่ใจว่านางตาบอดจริงหรือ เป่ยเป่ยหน้าซีด คิดว่าท่านอ๋องคงอยากรู้ว่านายหญิงรู้ได้อย่างไรกระมัง ประเดี๋ยวอยู่ด้วยกันคงต้องกระซิบแล้ว “ถวายพระพรเสด็จแม่” จวิ้นอ๋องลุกขึ้นนำทำความเคารพ แล้วกั๋วกงเองก็ตามด้วยและเว่ยเหยาเองก็ทำตามเช่นกัน จนซูหนิงต้องรีบห้าม “มากพิธีอะไรกัน เจ้าไม่สบายอยู่ ลุกขึ้นเถอะ” ไท่จื่อเฟยต้องการมาดูว่านางเป็นเช่นไรบ้างคิดหาทางแก้ไขเผื่ออนาคตลูกชายนางขึ้นเป็นองค์รัชทายาท หากให้นางเป็นชายาชาวเมืองคงได้หัวเราะเยาะเอา “ไม่คิดว่าจะพบกั๋วกงที่นี่ด้วย” “ทูลไท่จื่อเฟย ข้าน้อยเพียงแต่ทำตามรับสั่งขอฝ่าบาทเท่านั้น” ไฉ่กั๋วกงกล่าวอย่างนอบน้อมทั้งสังเกตสตรีทั้งสาม “วันนี้ข้าพาแม่เจ้ากับน้องสาวเจ้ามาเยี่ยม นางไปร้องห่มร้องไห้บอกว่าเป็นห่วงเจ้า ข้าจึงฝืนขัดคำสั่ง หวังว่าเจ้าจะไม่ถือโทษแม่นะหงจื่อ” จวิ้นอ๋องก็ถอนหายใจ เสด็จพ่อห้ามเสด็จแม่ไม่ได้หรอกหรือ ทำอย่างนี้ไม่เท่ากับเอาบัลลังก์มังกรไปเสี่ยงหรอกหรือ “เสด็จแม่...เรื่องนี้ลูกเรียนเสด็จพ่อแล้ว หวังว่าท่านแม่จะเข้าใจ” จวิ้นอ๋องไม่พอใจและกล่าวตำหนิต่อหน้ากั๋วกงสร้างความไม่พอใจให้กับไท่จื่อเฟย เว่ยเหยาไม่ได้ออกความเห็น ฟังอยู่เงียบ ๆ ดูสิว่าน้องสาวหน้าด้านกับแม่เลี้ยงหน้าไม่อายของนางจะกล่าวเช่นไร “อย่าโทษไท่จื่อเฟยเลยเพคะท่านจวิ้นอ๋อง เป็นข้ากับลูกสาวที่ดื้อดึงเอง” ฮูหยินซ่งแก้สถานการณ์ “วันก่อนข้าได้ยินว่าฝ่าฝืนคำสั่ง องค์รัชทายาทให้ลากตัวไปประหารมิใช่หรือ...วันนี้ท่านกล้าแล้วหรือ” กั๋วกงกล่าวเสริม ยามนี้คนป่วยต้องได้รับการพักผ่อน มีคนมาวุ่นวายมากมายเช่นนี้จะสงบใจได้อย่างไร “เจ้า!” ฮูหยินซ่งรู้สึกตงิดไม่พอใจในคำพูดท่านกั๋วกง “เจ้าเสียมารยาทกับผู้แทนฝ่าบาทได้รึ” จวิ้นอ๋องขึ้นเสียง แต่เขานั้นต้องการปกป้องไม่ให้มีโทษหนักกว่านี้เท่านั้น นั่นทำให้ไท่จื่อเฟยดึงหน้าตึง “เช่นนั้น ไว้รอเจ้าอนุญาตแม่จะมาเยี่ยมใหม่ก็แล้วกัน” เขามองไปยังลูกสะใภ้ที่ทำให้ต้องเสียหน้า ทั้งที่มีคนอื่นอยู่ ทั้งเจ็บใจคิดอยากปลดนางเสียเดี๋ยวนี้ด้วยซ้ำ “ลูกทูลลาเสด็จแม่” ไท่จื่อเฟยสะบัดหน้าออกไป แม้ต้องขุ่นเคืองกันภายในครอบครัวก็ต้องยอม ยามนี้นางล้วนเป็นคนสำคัญ ความพอใจไม่พอใจของนางกำหนดอนาคตทั้งหมด “ท่านกั๋วกง วันนี้ข้าเหนื่อยแล้ว ขอตัวพักก่อน ไว้วันพรุ่งนี้ค่อยพบกัน” เว่ยเหยายกมือให้สาวใช้พยุงเข้านอน นางไม่ต้องการพูดคุยกับจวิ้นอ๋องเรื่องใดอีกนอกจากเรื่องหย่าขาดกัน จวิ้นอ๋องเห็นนางหนีเข้าไปในห้องก็ไม่พอใจ ทีกับกั๋วกงใบหน้ายิ้มแย้ม ทีกับเขาชอบหนีหน้า แต่เขาไม่ยอมแพ้แค่นี้แน่
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD