เวลาบ่ายโมงกว่า หลังจากที่รมิดาแยกตัวกับน้องอชิ เธอก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ข้อความในไลน์กลุ่มเพื่อนร่วมรายงาน
“เจอกันที่ไหน?”
ไม่นานข้อความตอบกลับจากเพื่อนในกลุ่มก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ
“คาเฟ่ Bliss & Beans ใกล้มหาวิทยาลัยนะ รีบมาได้แล้ว!”
รมิดาขมวดคิ้วเล็กน้อย แม้จะสงสัยว่าทำไมถึงเปลี่ยนสถานที่จากในห้องสมุดเป็นคาเฟ่ แต่เธอก็ไม่มีเวลาคิดอะไรนาน มือเรียวรีบเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า แล้วก้าวฉับ ๆ ไปยังหน้าประตูมหาวิทยาลัยอย่างรวดเร็ว
ทันทีที่เธอไปถึงหน้าประตู รมิดาก็โบกมือเรียกวินมอเตอร์ไซค์
“คาเฟ่ Bliss & Beans นะคะ รีบหน่อยค่ะ”
พี่วินรับคำก่อนจะสตาร์ทรถพร้อมพาเธอมุ่งหน้าสู่จุดหมาย รมิดานั่งซ้อนท้ายในความเงียบ แววตาเหม่อลอยเล็กน้อย ในใจก็คิดไปถึงหลานตัวเล็กของเธอที่ตอนนี้อยู่ในความดูแลของปรเมศ
“วันนี้อยู่กับปรเมศ หวังว่าจะไม่เกิดเรื่องอะไร…”
เธอพึมพำเบา ๆ กับตัวเอง ความคิดเรื่องที่เขาจะทำอะไรแปลก ๆ หรือไม่ใส่ใจน้องอชิทำให้เธออดกังวลไม่ได้
แต่ก่อนที่ความกังวลจะพุ่งไปมากกว่านั้น เสียงเครื่องยนต์ของมอเตอร์ไซค์ที่ชะลอลงทำให้รมิดาหลุดออกจากภวังค์
“ถึงแล้วครับน้อง”
รมิดาลงจากรถอย่างเร่งรีบ ยื่นเงินให้พี่วินพร้อมกล่าวขอบคุณก่อนจะหันไปมองคาเฟ่ Bliss & Beans ที่อยู่ตรงหน้า บรรยากาศอบอุ่นด้วยการตกแต่งแบบมินิมอลผสมผสานกับสไตล์วินเทจ เธอสูดลมหายใจลึก ๆ เพื่อรวบรวมสติ ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปด้านใน
เสียงกระดิ่งประตูดังกรุ๊งกริ๊งต้อนรับเธอ เพื่อนในกลุ่มที่นั่งรออยู่มุมหนึ่งโบกมือให้
“ทางนี้ ๆ ดา!”
รมิดารีบเดินไปสมทบ พลางนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเพื่อนสนิทที่ชื่อแอม
“มาช้าจริงนะ” แอมพูดพร้อมยื่นโน้ตบุ๊กที่เปิดหน้าข้อมูลหัวข้อรายงานมาให้รมิดาดู
“โทษที พอดีมีเรื่องต้องจัดการนิดหน่อย” รมิดาพูดเสียงเบาพร้อมยิ้มเจื่อน ๆ
“นี่จะไม่ว่างอีกแล้วใช่ไหมดา?” น้ำเสียงที่แฝงความเหนื่อยใจของเพื่อนร่วมกลุ่มทำให้รมิดาเม้มริมฝีปากแน่น
“ไม่ ๆ ฉันมาทำงานแน่นอน” เธอตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แม้ในใจก็ยังคงพะวงถึงน้องอชิที่อยู่กับปรเมศ
รมิดาหันกลับมาสมาธิไปที่รายงาน หวังว่าการทำงานวันนี้จะราบรื่น…แม้ว่าความคิดเกี่ยวกับปรเมศและหลานชายจะยังวนเวียนอยู่ในหัวก็ตาม
คนตัวเล็กรีบสลัดความคิดฟุ้งซ่านทิ้ง เธอไม่รอช้า รีบสอบถามเพื่อนว่าเธอจะช่วยทำอะไรได้บ้าง เพื่อจะได้รีบจัดการให้เสร็จและกลับไปหาน้องอชิให้เร็วที่สุด
“ให้ฉันทำส่วนไหนเหรอ จะได้รีบทำให้เสร็จ” คนตัวเล็กเอ่ยถามขณะหยิบโน้ตบุ๊กส่วนตัวขึ้นมาเตรียมเปิดโปรแกรม
“แกช่วยจัดสไลด์ตกแต่งการนำเสนอก็แล้วกัน ฉันกับแอมจะดูเรื่องสคริปต์และเตรียมตัวนำเสนอ ส่วนพวกเราสองคนนี้” เพื่อนอีกคนพยักพเยิดไปทางคู่หูที่กำลังง่วนอยู่กับฟิวเจอร์บอร์ด “จะทำสื่อประกอบใส่ฟิวเจอร์บอร์ดให้เสร็จ"
รมิดาพยักหน้าอย่างเข้าใจ มือเรียวเริ่มลงมือออกแบบสไลด์อย่างตั้งใจ เสียงเครื่องปริ้นต์และกรรไกรตัดกระดาษดังเคล้ากับเสียงเพลงบรรเลงในคาเฟ่ เธอจมอยู่ในงานจนเกือบลืมเวลา แต่ความอยากรู้บางอย่างทำให้เธอเงยหน้าขึ้น
“ว่าแต่ ทำไมวันนี้ถึงเปลี่ยนมาทำที่คาเฟ่ล่ะ จะไม่รบกวนเจ้าของร้านเหรอ?” เธอถามเสียงเบา เหลือบสายตาไปยังพนักงานที่กำลังชงกาแฟหลังเคาน์เตอร์
เสียงหัวเราะเบา ๆ ดังขึ้นจากเพื่อนข้าง ๆ ก่อนที่คำตอบจะตามมา
“นี่แกไม่รู้จริง ๆ เหรอ ดา? เจ้าของร้านคือเพื่อนเราเองย่ะ! แกเอาแต่เลี้ยงหลาน ไม่ได้ออกไปไหนเลย เพื่อนก็ไม่คบแบบนี้ไง ถึงไม่ทันโลก”
เสียงกรรไกรตัดกระดาษดังแทรกขึ้นพร้อมกับคำพูดที่กระแทกใจของรมิดา เพื่อนคนเดิมพูดต่อด้วยน้ำเสียงครึ่งจริงครึ่งแซว
“แกไม่ได้มาเจอพวกเราบ่อย ๆ นะ เลยไม่รู้ว่าใครเป็นใคร คาเฟ่นี้น่ะ บ้านของเพื่อนเราชัด ๆ!”
คำพูดนั้นทำให้รมิดานิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ
“อืม ก็จริงอย่างที่แกพูดแหละ ทุกวันนี้ฉันแทบจะไม่มีเพื่อนเลย…”
คำพูดของเธอแผ่วเบาจนแทบจะกลืนหายไปกับเสียงเครื่องปั่นกาแฟในร้าน รมิดาก้มหน้าลงไปสนใจงานต่อพยายามผลักไสความรู้สึกโดดเดี่ยวที่แล่นเข้ามาในใจออกไป
เพื่อนข้าง ๆ หันมามองเธอแวบหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มลง
“แกไม่ได้ไม่มีเพื่อนหรอกดา เราอยู่ตรงนี้ไง อย่าคิดมากน่า รีบทำให้เสร็จแล้วค่อยไปเลี้ยงหลานตัวแสบของแกต่อสิ”
คำพูดปลอบโยนเรียบง่ายนั้นทำให้รมิดาเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนด้วยรอยยิ้มบาง ๆ
“ขอบใจนะพวกแก”
หลังจากนั้นเสียงพูดคุยสลับเสียงหัวเราะเล็ก ๆ ก็ดังขึ้นอีกครั้ง บรรยากาศเริ่มผ่อนคลาย รมิดาพยายามทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด แม้ในใจจะยังคิดถึงน้องอชิอยู่ทุกขณะ…
รมิดามองนาฬิกาข้อมือที่บอกเวลา 6 โมงเย็นพอดี ลมหายใจของเธอโล่งขึ้นเมื่อรายงานสำหรับการนำเสนอในวันพรุ่งนี้เสร็จสิ้นในที่สุด เพื่อน ๆ ในกลุ่มต่างถอนหายใจกันเฮือกใหญ่ ก่อนจะเริ่มเก็บข้าวของ
“ดา จะไปกินข้าวด้วยกันไหม?” เสียงของเพื่อนคนหนึ่งถามขึ้นพร้อมรอยยิ้ม
รมิดาส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะตอบอย่างสุภาพ “ขอบใจนะ แต่วันนี้ฉันต้องรีบกลับ น้องอชิรออยู่ พวกแกไปทานให้อร่อยเถอะ”
เพื่อน ๆ ต่างพยักหน้าอย่างเข้าใจ แต่เพื่อนอีกคนที่มีรถยนต์ถามขึ้น “งั้นให้ฉันไปส่งไหม? นี่จะค่ำแล้วนะ ดา แกกลับคนเดียวมันอันตรายอยู่”
รมิดารู้ดีว่าเพื่อนเป็นห่วง เธอก็ติดรถเพื่อนกลับบ้านมาหลายครั้ง แต่วันนี้เธออยากรีบกลับไปเจอน้องอชิให้เร็วที่สุด
“ไม่เป็นไรหรอก ขอบใจมากนะ” รมิดายิ้ม “มันยังไม่ค่ำมาก ยังพอมีรถเมล์อยู่ พวกแกทานข้าวให้อร่อยเถอะ”
เพื่อนมองเธอด้วยความเป็นห่วงเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้า “โอเค ๆ แกก็กลับบ้านดี ๆ ถึงแล้วบอกด้วยล่ะ”
“ได้เลย ขอบใจนะ” รมิดายิ้มรับ ก่อนจะรวบกระเป๋าสะพายและเดินออกจากคาเฟ่
เมื่อออกมาจากคาเฟ่ ลมยามเย็นที่เริ่มเย็นลงเรื่อย ๆ ทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย เธอเดินไปตามฟุตปาธที่ทอดยาว ใช้เวลาไม่กี่นาทีก็มาถึงป้ายรถเมล์
ป้ายรถเมล์แห่งนี้เงียบสงบ มีเพียงนักศึกษาสองสามคนที่ยืนรออยู่ รมิดานั่งลงบนม้านั่งและหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดดูข้อความ เมศส่งรูปน้องอชิกำลังนั่งกินข้าวเย็นพร้อมข้อความสั้น ๆ
“อชิทานข้าวแล้ว เล่นเสร็จจะพาไปอาบน้ำ รอป้าดามาเล่านิทานให้ฟัง”
รมิดายิ้มบาง ๆ ความกังวลในใจหายไปบ้าง น้องอชิอยู่ในความดูแลของเมศอย่างเรียบร้อย
ระหว่างนั้นลมเย็นโชยมาอีกครั้ง พร้อมกับเสียงฝีเท้าของใครบางคนที่เดินเข้ามาใกล้ รมิดาเงยหน้าขึ้นและต้องประหลาดใจเมื่อเห็นว่าคนที่เดินเข้ามาคือคนที่เธอไม่รู้จัก แต่อยู่ในชุดนักศึกษามหาวิทยาลัยเดียวกันกับเธอ......