ตอนที่6 กินข้าวทั้งน้ำตา

1104 Words
หลังจากสายโทรศัพท์ถูกชายหนุ่มกดสายตัดไป มือเรียวที่ถือโทรศัพท์แนบหูอยู่ก็ค่อยๆ ลดลงอย่างช้าๆ ในความเงียบ คำพูดของเขาแปรเปลี่ยนเป็นเข็มเล่มหนึ่งที่ทิ่มแทงหัวใจของหญิงสาวเข้าอย่างแรง ก่อนที่หยาดน้ำตาแห่งความปวดใจจะเอ่อไหลทะลักลงมาเหมือนทำนบแตกอย่างอั้นไว้ไม่ไหวอีกต่อไป ร่างเล็กทรุดนั่งลงบนเก้าอี้อย่างหมดแรง ความผิดหวังและความน้อยเนื้อต่ำใจพุ่งเข้ามาฉีกกระชากหัวใจของเธออย่างโหดเหี้ยม ทั้งในสมองและความรู้สึกของหญิงสาวในตอนนี้กำลังสับสนอย่างไม่เข้าใจเลยว่าตัวเธอนั้นทำอะไรผิดนักหนาถึงทำให้ผู้ชายที่เคยรักเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ ทั้งที่เมื่อก่อนเขาเคยรักและเอาใส่ใจดูแลเธอเป็นอย่างที่ดียิ่งกว่าสุภาพบุรุษขี่ม้าขาว ที่ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนเห็นแล้วก็ต้องอิจฉาคู่รักของเธอกับเขา แต่ทว่าตั้งแต่ที่ชายหนุ่มรู้ว่าหญิงสาวกำลังตั้งท้องลูกของเขาแล้ว ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปราวฟ้ากับเหวในทันทีและผู้ชายที่รักเธอมากในวันนั้นได้หายไป เหมือนกับว่าเขาไม่เคยมีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้เลย ด้วยซ้ำ มาในตอนนี้กลับมีเพียงผู้ชายที่กำลังเลือดเย็นไร้หัวใจทำราวกับว่าเธอเป็นผู้หญิงที่น่ารังเกียจในสายตาของเขาไปแล้ว หรือที่ผ่านมามันเป็นแค่การสร้างภาพเพื่อหลอกเอาใจ ให้เธอหลงติดกับดักไปรักเขากันแน่… 23:00น. หลังจากน้ำตาเม็ดใสค่อยๆ ไหลออกมาจากกรอบดวงตาจนแดงก่ำในบรรยากาศที่เงียบสงัดเป็นเวลาเนิ่นนาน จนในที่สุดหยดน้ำตาก็สามารถชะล้างทุเลาความเจ็บปวดเสียใจออกไปจากหัวใจที่บอบช้ำไปได้บ้าง หญิงสาวจึงค่อยๆ ยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตาและเอื้อมมือไปหยิบช้อนขึ้นมาตักอาหารตรงหน้าที่เธออุตส่าห์ตั้งใจทำไว้รอชายหนุ่มอย่างข่มขืนใจ ยัดเข้าปากแล้วเคี้ยวอย่างช้าๆ ทั้งน้ำตา อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าอาหารจะมีหน้าตาที่น่ารับประทานขนาดไหน แต่ในความรู้สึกของเธอตอนนี้มันกลับจืดชืดไม่มีแม้กระทั่งรสชาติของความรักความใส่ใจที่เธอใส่ลงไปอีกแล้ว… มือเรียวของหญิงสาวถือช้อนไว้แน่นจนสั่น ค่อยๆ เลื่อนมาตักอาหารเข้าปากทีละคำ เธอพยายามอดทนกินให้อิ่มที่สุดเท่าที่จะกินไหว เพราะเธอยังคงคำนึงว่าตัวเองนั้นไม่ได้ตัวคนเดียวเหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว ยังมีลูกน้อยในท้องที่ยังคอยรับสารอาหารจากร่างกายของคนเป็นแม่ แต่สุดท้ายจากหลังที่หญิงสาวกินข้าวไปได้ไม่กี่คำ ก้อนสะอื้นของความเสียใจก็แล่นขึ้นมาจุกตรงลำคอในความเงียบที่เหมือนพิษร้ายกัดกร่อนหัวใจของเธอจนแหลกละเอียดจนทำให้ไม่สามารถที่จะทนฝืนกลืนอาหารลงคอได้ต่อไป และในจังหวะเดียวกันจู่ๆ เสียงโทรศัพท์ของเธอที่วางอยู่ใกล้ๆ มือก็ได้สั่นส่งเสียงดังขึ้นทำลายความเงียบงัน ทันทีที่เสียงโทรศัพท์ส่งสัญญาณดังขึ้น หญิงสาวหวังคิดว่าเป็นชายหนุ่มผู้เป็นสามีของเธอจะโทรกลับมาหา ทำให้หัวใจดวงน้อยที่ห่อเหี่ยวในทีแรกพองฟูขึ้นมาพลัน หญิงสาวจึงไม่รอช้าที่จะรีบเอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาอย่างลนลานด้วยความดีใจเพื่อจะกดรับในทันที แต่ทว่าสีหน้าของเธอกลับต้องสลดเศร้าหมองลงและผิดหวังอีกครั้ง เมื่อสายเรียกเข้าที่แสดงอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์กลับไม่เป็นตามที่เธอคาดการณ์นึกเอาไว้ แต่เป็นสายเรียกเข้าจากคุณหญิงมารดาสามีต่างหาก ‘หากลองคิดดูดีๆ แล้วเขานะเหรอจะโทรกลับมาหาเธอทั้งที่เพิ่งจะตะคอกเสียงและบอกว่ารำคาญใส่เธอไปหยกๆ’ เห็นแบบนั้นแล้วก้อนสะอื้นเริ่มแล่นขึ้นมาจุกคออีกครั้งอย่างเจ็บปวดใจ แต่เธอทำได้แค่จ้องมองหน้าจอโทรศัพท์แล้วระบายลมหายใจออกมาเบาๆ ข่มกลั้นความรู้สึกอยากร้องไห้เอาไว้ ก่อนจะกดรับสายโทรศัพท์ “ฮัลโหลค่ะคุณแม่” หญิงสาวพยายามสงบอารมณ์ความเสียใจเอาไว้แล้วปรับน้ำเสียงให้ปกติที่สุดเพื่อไม่อยากให้แม่สามีอย่างคุณหญิงต้องเป็นกังวลใจเพราะเธอ (หนูวนิดานอนแล้วยังลูก) “อะ อ๋อยังเลยค่ะคุณแม่ ดาเพิ่งกินข้าวเสร็จค่ะแต่อีกเดี๋ยวก็จะขึ้นไปนอนแล้วค่ะ” (เจ้าวายุล่ะกลับมาแล้วหรือยัง) “อะ เอ่อคือวายุ...” (อย่าบอกนะว่าจนป่านนี้แล้วเจ้าวายุยังไม่กลับบ้านอีกเหรอ!) หญิงสาวยังไม่ทันได้พูดจบปลายสายที่รู้นิสัยลูกตัวเองดีกลับตะคอกถามด้วยความตกตะลึงอย่างเหลือเชื่อ “คะ คุณแม่คะ อย่าโกรธวายุเขาเลยนะคะ หนูไม่เป็นไรค่ะ หนูอยู่ได้สบายมาก” (หน็อยเจ้าลูกคนนี้นี่! แต่งงานมีลูกมีเมียแล้วยังไปเที่ยวไม่รู้เวล่ำเวลาแบบนี้มันใช้ได้ที่ไหนกัน เมียตัวเองกำลังท้องกำลังไส้แต่กลับปล่อยให้อยู่บ้านคนเดียว หากเกิดอะไรขึ้นมาจะทำยังไง) น้ำเสียงของคุณหญิงเริ่มมีโทสะขึ้นบ้างแล้วเมื่อรู้ว่าลูกชายของเขายังคงทำตัวไม่เอาไหนเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน “คุณแม่ใจเย็นๆ ก่อนนะคะ หนูไม่เป็นอะไรจริงๆ ค่ะ เดี๋ยววายุคงใกล้จะกลับแล้วค่ะ” หญิงสาวพยายามพูดกล่อมให้คุณหญิงใจเย็นลง เพราะเธอไม่อยากให้มันเป็นเรื่องใหญ่ ถึงจะเป็นเรื่องดีสำหรับเธอที่มีแม่สามีที่เข้าใจหัวอกของผู้หญิงด้วยกัน แต่ถ้าหากให้แม่กับลูกต้องมาทะเลาะกันเพราะเธอคนเดียว เธอยอมไม่ขอเรียกร้องอะไรเสียดีกว่า (หนูวนิดาไม่ต้องพูดปลอบใจแม่เลยนะ แล้วไม่ต้องพูดแทนเจ้าวายุด้วย ยังไงแม่ก็ไม่ยอมเด็ดขาด นิสัยใช้ไม่ได้เลยมืดค่ำดึกดื่นแบบนี้ทำไมไม่อยู่ดูแลเมียตัวเอง ไม่ได้การล่ะแม่ต้องโทรไปตามเสียหน่อย!) คุณหญิงยังคงยืนกรานเสียงแข็งอย่างไม่ยอมที่จะให้ลูกชายของเขากระทำในสิ่งที่ไม่สมควรต่อไป “หนูโอเค…” ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด ยังไม่ทันให้หญิงสาวพูดจบประโยคปลายสายได้ตัดสายโทรศัพท์ทิ้งไปทันทีด้วยความโกรธ หวังจะโทรไปจัดการลูกชายตัวดีของเขาอย่างเดือดดาล
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD