เช้าต่อมา ข้าวฟ่างตื่นขึ้นมาด้วยสภาพที่อิดโรย เมื่อคืนใต้ฝุ่นไม่ยอมหยุดเสียที เธอนึกไปถึงเรื่องเมื่อคืนก็แทบอยากจะเอาหน้าไปไว้ที่อื่น เธอมองร่างตัวเองใต้ผ้าห่มก่อนจะหันไปมอง คนตัวสูงที่นอนหลับอยู่ ไม่รอช้าข้าวฟ่างรีบลุกขึ้นไปห้องน้ำทันที ทว่าเรี่ยวแรงกลับหายไปจนหมด จนร่างทรุดลงกับพื้น เธอเจ็บ เจ็บตรงนั้น เมื่อคืนใต้ฝุ่นไม่เบามือกับเธอเลย
ข้าวฟ่างกัดริมฝีปากแน่น พยายามพยุงตัวเองขึ้น แต่ขาเจ้ากรรมกลับไร้เรี่ยวแรงจนต้องทรุดลงอีกครั้ง ความปวดร้าวที่กึ่งกลางกายทำให้เธอน้ำตาคลอ ราวกับว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อคืนมันเป็นเพียงฝันร้าย
เธอกำผ้าห่มที่พันกายแน่น พยายามลากตัวเองไปพิงขอบเตียงเพื่อจะลุกขึ้นอีกครั้ง ทว่าเสียงขยับตัวของใครบางคนทำให้เธอชะงัก ใต้ฝุ่นพลิกตัวนอนตะแคง ดวงตาคมปรือขึ้นมามองเธอด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก
“จะไปไหนแต่เช้า?” เสียงทุ้มยังคงเจือความงัวเงีย
ข้าวฟ่างเม้มปากแน่น ไม่ตอบ รีบหลบตาแล้วพยายามจะยันตัวขึ้นอีกครั้ง
“เจ็บ?” ใต้ฝุ่นถามขึ้นมาเมื่อเห็นอาการของเธอ
ข้าวฟ่างกำมือแน่น ไม่อยากตอบ ไม่อยากให้เขารู้ว่าเธอเจ็บแค่ไหน
“ให้ช่วยไหม?” เขาพูดพลางขยับตัวลุกขึ้นจากเตียง
“ไม่ต้องค่ะ!” เธอตอบกลับทันที แต่เสียงของเธอกลับเบาหวิวราวกับขัดกับคำพูดที่พยายามจะยืนยัน
ใต้ฝุ่นหัวเราะในลำคอ ก่อนจะโน้มตัวลงมาหาเธอ ใช้แขนทั้งสองข้างกักเธอไว้ระหว่างเตียงกับร่างของเขา “แน่ใจเหรอ? ดูสภาพเธอสิ เดินไหวจริง ๆ เหรอ?”
ข้าวฟ่างเม้มปากแน่น หน้าแดงก่ำ ทั้งจากความอายและความโมโห “พี่ใต้…”
“เอาเถอะ” เขายักไหล่ ก่อนจะช้อนร่างเล็กขึ้นอย่างง่ายดาย ข้าวฟ่างตกใจ รีบจับแขนเขาแน่น
“พี่จะทำอะไร?! ปล่อยนะคะ!”
“ก็ช่วยพาไปอาบน้ำไง” ใต้ฝุ่นกระซิบข้างหูเธอ พร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “หรืออยากให้ฉันช่วยอาบให้ด้วย?”
“พี่ใต้!!! ไม่ค่ะ ปล่อยลงเดี๋ยวนี้”
ข้าวฟ่างปฏิเสธเสียงแข็ง ฝืนร่างกายที่อ่อนล้า ผลักเขาให้วางตัวเธอ ก่อนจะวิ่งพรวดเข้าไปในห้องน้ำแล้วรีบล็อกประตูแน่นหนา หัวใจเต้นรัวราวกับกลองศึก ไม่ใช่เพราะเหนื่อยจากการวิ่ง แต่เพราะกลัวว่าใต้ฝุ่นจะตามเข้ามาและฉวยโอกาสกับเธออีก
เมื่อแน่ใจว่าอยู่ลำพัง เธอพิงหลังกับประตูห้องน้ำ ค่อย ๆ ทรุดตัวลงนั่งกับพื้นอย่างหมดแรง ลมหายใจหนักหน่วงก่อนจะค่อย ๆ เงยหน้ามองเงาสะท้อนของตัวเองผ่านกระจกตรงหน้า
รอยแดงจ้ำ ๆ ประดับอยู่เต็มลำคอและลาดไหล่ ลากยาวลงมาจนถึงเนินอก ทุกจุดล้วนเป็นหลักฐานที่ใต้ฝุ่นทิ้งไว้จากค่ำคืนอันโหดร้าย
น้ำตาที่กลั้นไว้ไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ เธอรู้สึกทั้งอับอาย ทั้งโกรธ ทั้งผิดหวังในตัวเอง
“แค่ครั้งเดียว… แค่ครั้งเดียวเท่านั้น…” ข้าวฟ่างพึมพำเสียงสั่น เธอจะไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกเด็ดขาด
เธอยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาลวก ๆ สูดหายใจเข้าลึก พยายามเรียกสติกลับคืนมา ก่อนจะเดินไปเปิดน้ำใส่อ่าง ตั้งใจจะชำระล้างทุกอย่างที่ติดอยู่บนร่างกาย แม้เธอจะรู้ดีว่าต่อให้ถูแรงแค่ไหน รอยพวกนี้ก็ไม่มีวันจางลงทันที
แต่สิ่งที่เธอกลัวที่สุดไม่ใช่ร่องรอยบนร่างกาย…
มันคือร่องรอยในใจ ที่ใต้ฝุ่นฝากไว้โดยที่เธอไม่เต็มใจต่างหาก…ข้าวฟ่างเดินออกจากห้องน้ำด้วยสภาพที่อิดโรย สวมเสื้อคลุมตัวใหญ่ที่หยิบมาคลุมกายไว้แน่น แม้จะเช็ดตัวจนแห้งแล้ว แต่ความรู้สึกหนาวเหน็บกลับยังคงอยู่
ใต้ฝุ่นนั่งไขว่ห้างอยู่บนเตียง มองเธอด้วยสายตาเรียบนิ่งแต่แฝงแววบางอย่างที่อ่านไม่ออก พอเห็นเธอออกมา เขาก็เรียกทันที
“มานี่”
ข้าวฟ่างกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเฝื่อน ก่อนจะค่อย ๆ เดินไปหยุดตรงหน้าเขา สองมือกำชายเสื้อคลุมแน่นจนข้อนิ้วซีด
“ฟังให้ดี ห้ามบอกเรื่องนี้กับลมเหนือ” น้ำเสียงของใต้ฝุ่นเข้มขึ้น ดวงตาคมกริบจ้องเธอเขม็งราวกับจะสั่งให้เธอจดจำคำสั่งนี้ไว้ให้ขึ้นใจ
ข้าวฟ่างเม้มปากแน่นก่อนพยักหน้า “ฉันไม่คิดจะบอกใครอยู่แล้ว” เธอตอบเสียงแผ่ว ความเจ็บปวดเมื่อคืนยังคงฝังอยู่ในใจ ไม่จำเป็นต้องมีใครมาซ้ำเติมอีก
ใต้ฝุ่นหัวเราะในลำคอ ก่อนจะโน้มตัวเข้าใกล้ กระซิบถ้อยคำที่บีบหัวใจเธอจนแทบแหลกคามือ
“นี่เป็นครั้งแรกของเธอสินะ อย่าได้คิดว่าฉันจะรับผิดชอบอะไรทั้งนั้น”
ข้าวฟ่างเผลอกำมือตัวเองแน่น หัวใจหล่นวูบกับคำพูดของเขา แต่ยังคงกัดฟันพยักหน้า เธอไม่ได้คาดหวังอะไรจากเขาอยู่แล้ว… ตั้งแต่แรก
ใต้ฝุ่นเอนตัวพิงพนักเตียงอย่างสบาย ๆ “แค่ได้มา ฉันก็เบื่อแล้ว”
คำพูดของเขาเหมือนมีดที่กรีดลึกลงไปในใจข้าวฟ่าง แต่น่าแปลกที่เธอกลับไม่ร้องไห้อีก อาจเป็นเพราะน้ำตาของเธอหมดไปตั้งแต่เมื่อคืน
เธอพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ สูดหายใจเข้าลึก ตั้งใจจะหันหลังเดินออกไปจากที่นี่ แต่ยังไม่ทันก้าวพ้น ใต้ฝุ่นก็พูดขึ้นมาอีก
“แต่เงินสองแสนน่ะ คิดดูแล้วมันเยอะไปหน่อย” เขายกยิ้มมุมปาก “งั้นเธอคงต้องมาชดใช้หนี้… ครั้งละหมื่น”
ข้าวฟ่างชะงัก ฝีเท้าหยุดนิ่ง หัวใจเต้นแรงด้วยความตกใจ เธอหันกลับมามองเขาด้วยสายตาตื่นตระหนก
“อะ… อะไรนะ?”
ใต้ฝุ่นลุกขึ้นจากเตียง เดินเข้ามาหาเธอช้า ๆ ก่อนจะใช้นิ้วเชยคางเธอขึ้นมาให้สบตา “หนี้สองแสน แลกกับค่าตัวครั้งเดียวมันไม่คุ้ม” น้ำเสียงของเขาฟังดูเอื่อยเฉื่อย แต่เต็มไปด้วยแรงกดดัน “เธอต้องชดใช้… ทีละหมื่น จนกว่าจะครบ”
ข้าวฟ่างตัวแข็งทื่อ ริมฝีปากสั่นระริก ความหมายของคำพูดเขาชัดเจนจนไม่ต้องตีความ
เธอกำลังติดอยู่ในเงื้อมมือของปีศาจ… และไม่รู้ว่าจะหลุดพ้นไปได้อย่างไรข้าวฟ่างเม้มริมฝีปากแน่น หัวใจบีบรัดจนเจ็บ แต่สุดท้ายก็ทำได้เพียงก้มหน้ายอมรับชะตากรรม
“…ก็ได้ค่ะ”
เสียงของเธอเบาหวิวแทบจะกลืนหายไปในอากาศ แต่ใต้ฝุ่นได้ยินชัดเจน เขายกยิ้มมุมปากอย่างพอใจ
ข้าวฟ่างรีบหันหลัง เดินไปหยิบกระเป๋าที่วางอยู่มุมห้อง เธอเปิดดูเช็คเงินสดสองแสนที่ใต้ฝุ่นเตรียมไว้ให้ ก่อนจะกำมันแน่น นี่คือสิ่งที่เธอต้องแลกมา และเธอจะใช้มันให้คุ้มค่า
“ฉันขอตัวนะคะ” เธอกล่าวเสียงเรียบ พยายามไม่มองหน้าเขา ก่อนจะรีบก้าวออกจากห้องให้เร็วที่สุด
ใต้ฝุ่นไม่ได้รั้งเธอไว้ แค่พ่นลมหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย มองแผ่นหลังเล็กที่เดินจากไปด้วยสายตายากจะอ่านออก
ข้าวฟ่างเดินออกจากโรงแรมด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อคืนต้องถูกเก็บเป็นความลับ ห้ามให้ใครรู้ โดยเฉพาะลมเหนือ หากลมเหนือรู้ว่าเธอแลกตัวเองกับเงินเพื่อจ่ายค่าเทอมเพื่อนสนิทคนนั้นคงไม่มีวันให้อภัยเธอ
ข้าวฟ่างสูดหายใจลึก พยายามสลัดความคิดฟุ้งซ่านออกไป ก่อนจะตรงไปยังมหาวิทยาลัย
วันนี้เธอต้องชำระค่าเทอมให้เรียบร้อย ส่วนเรื่องเมื่อคืน…เธอจะฝังมันให้ลึกที่สุด เท่าที่จะทำได้