บทที่ 5 อาหารเลิศรส 1/2

1255 Words
วสันต์ฤดู(ฤดูใบไม้ผลิ)เวียนมา สรรพสัตว์ที่จำศีลเริ่มออกหากิน สรรพพืชเริ่มแตกกิ่งก้านเมื่อได้รับน้ำฝนท้ายฤดูหนาว ความเขียวขจีแสดงความงอกงามของชีวิต วันนี้เซี่ยหมิงหลันรู้สึกอยากชงชาหยาดน้ำค้างจึงเดินลงมาเก็บน้ำค้าง จากดอกเหม่ยฮวาหน้าตำหนัก ขณะเดินก้ม ๆ เงย ๆ อยู่นั้นกลับรู้สึกว่าตัวเองหน้ามืด “อ๊ะ!” เสียงร้องแผ่วเบาของนางเรียกให้สองสาวใช้ที่ช่วยกันเก็บอยู่ใกล้ ๆ ถลาเข้ามาพยุงไว้ร่างของนายสาวไว้ “พระชายาเพคะ พระชายา” ซูเจียวกับเยี่ยนฟางตกใจที่อยู่ ๆ พระชายาก็เป็นลมลง เส้าเฉียนที่ได้รับหน้าที่สอดส่องความเป็นไปของตำหนักเหม่ยฮวาเห็นท่าไม่ดี จึงรีบให้คนไปตามหมอแล้วก็ไปเรียนให้ท่านอ๋องทราบ เป่ยจิ้งอ๋องวางมือจากงานตรงหน้าเสด็จมาที่ตำหนักเหม่ยฮวาทันที แต่เมื่อเห็นร่างสตรีที่คนของตัวเองบอกว่าป่วยนั้นนั่งหน้ายิ้มแย้มแช่มชื่นก็หันขวับไปที่เส้าเฉียนหมายจะถามให้รู้ความว่าเกิดเหตุอันใดกันขึ้น เส้าเฉียนเองก็สงสัยเช่นกัน เขามองดูแล้วว่าพระชายานั้นหน้ามืดเป็นลมไปจริง ๆ “ท่านอ๋อง” เซี่ยหมิงหลันเห็นเว่ยซือหลางเดินมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียดก็แปลกใจ ยามปกติเขาจะไม่เสด็จมาที่ตำหนักของนางในเวลากลางวัน แต่เมื่อฟ้ามืดนั้นเขามิไปที่ใด เอาแต่รังแกนางทุกค่ำคืน จนเซี่ยหมิงหลันต้องเอาเวลากลางวันพักผ่อน “เจ้าทำอันใดอยู่งั้นรึ” เมื่อมาแล้วเห็นนางกำลังทำบางอย่างอยู่บนโต๊ะแต่ไม่แน่ใจนักว่าอันใดบ้าง “ข้าจะชงชาหยาดน้ำค้างเหม่ยฮวากับขนมเปี๊ยใส้ถ้วยแดงห่อด้วยแป้งผสมผงชาเขียว” นางตอบไปด้วยเสียงราบเรียบ ไม่ได้หลุบตามองต่ำอย่าที่เคยเป็น “ชาหยาดน้ำค้างเหม่ยฮวา น่าสนใจดีนี่” เขานั่งลงแล้วรอคอยว่านางจะชงให้เขาหรือไม่ แต่ทว่าเซี่ยหมิงหลันรินน้ำชาแล้วก็สูดกลิ่นหอมของน้ำค้างดอกเหม่ยฮวาและก็ยกขึ้นดื่ม เป่ยจิ้งอ๋องมองตาค้าง นางกล้าเสียมารยาทกับสามีถึงเพียงนี้เชียวหรือ “เจ้า!” “ท่านอ๋องเป็นอันใดหรือเพคะ” นางแสร้งทำหน้าสงสัยแต่รับรู้ได้ถึงไอสังหารจากร่างกายใหญ่ด้านข้าง “คืนนี้เจ้าโดนดีแน่” เขาขบฟันกรอดแล้วสะบัดชายเสื้อเดินจากไป เรียกรอยยิ้มขบขันให้กับสตรีทั้งสาม “เมื่อก่อนนี้ข้าชงชาหยาดน้ำค้างให้บุรุษผู้หนึ่ง ยามนี้ก็ยังไม่เคยลืมยังคงระลึกถึงมิเสื่อมคลาย” เขาที่เรียกแต่ชื่อผิงหลัว คราวนี้นางก็ตอกกลับเขาบ้างจะเป็นไรไป หึ...คิดว่าข้าจะมีใจให้เจ้าสักเพียงเศษเสี้ยวล่ะสิ ‘ไม่มีวัน’ เสียงที่ดังพอทำให้เป่ยจิ้งอ๋องที่รั้งอยู่หน้าตำหนัก ไม่พอใจอย่างยิ่งแล้วก็พาลโกรธไปพัง ประตูอีกเช่นเคย ปัง! “ข้าจะทำให้เจ้ารักข้า หลงข้า กินข้าวไม่ได้ ร้องไห้เรียกหาแต่ข้าคนเดียว” เสียงโหวกเหวกดั่งคนแพ้แล้วพาลเรียกร้อยยิ้มให้กับเส้าเฉียนและทุกคนที่ได้ยิน ไม่คิดว่าท่านอ๋องอยากเอาชนะใจพระชายาตั้งแต่เมื่อใด แต่หากไม่รู้คิดว่าท่านอ๋องหึงบุรุษผู้นั้นที่พระชายากล่าวถึง “ท้าทายท่านอ๋องเช่นนี้ดีหรือเพคะ” ซูเจียวไม่เห็นท่านอ๋องกริ้วโกรธมานานแล้ว หลังจากคราวนั้นที่ลงหวายที่หลังของพระชายาไป แต่คนภายนอกมองดูแล้ว ลึก ๆ ท่านอ๋องก็รู้สึกผิดไม่น้อยเพียงแต่ไม่กล่าวออกมา “นอกจากพังประตูแล้ว ข้ามิเห็นว่าคนผู้นั้นจะทำอันใด” นางชินเสียแล้ว ยามนี้นางท้องโตใกล้เวลาคลอดเข้ามาทุกที ถึงเขาจะต้องการลงโทษนางเท่าใดก็ทำอันใดไม่ได้ นอกจากทรมานนางในยามค่ำคืน “พระชายาจะส่งจดหมายไปแจ้งที่เมืองหลวงหรือไม่” “ส่งสิ เจ้าหาคนให้ข้าหน่อย อย่าให้คนในตำหนักรู้ว่าข้าส่งจดหมายไป” นางมิอยู่จนตายแน่ตำหนักเป่ยจิ้งอ๋อง อยู่ที่นี่ไม่ต่างจะยืนอยู่ปากเหว แต่ละวันก็ต้องคอยระแวดระวังว่าผู้ใดจะมาปองร้าย กระทั่งยาต่าง ๆ ที่คนในตำหนักส่งมานางล้วนให้คนเอาไปเททิ้งและดื่มยาที่ต้มเองเท่านั้น นางกลัวเหลือเกินว่าลูกของนางจะคลอดอย่างไม่ปลอดภัย “ว่าอย่างไร” “พระชายาเอายาที่ไปถวายเทรดต้นไม้ใบหญ้าหน้าตำหนักพ่ะย่ะค่ะ” เส้าเฉียนรู้ความเป็นไปของตำหนักเหม่ย ฮวารายงานไปตามความจริง แม้ว่าท่านอ๋องจะให้คนที่ไว้ใจที่สุดต้มยาก็ตาม “เมื่อไหร่นางจะไว้ใจข้าเสียที คิดว่าข้าอยากฆ่าลูกตัวเองหรืออย่างไร” ตั้งแต่คราวนั้นนางก็ไม่รับสิ่งของใดจากเขาอีก ไม่ว่าอาภรณ์ หรือเครื่องประทินโฉม ยังคงมีเพียงอาหารเท่านั้น ที่รับจากห้องครัว “กระหม่อมว่า...หยุดส่งดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” “ส่งไป ส่งไปทุกวัน” อย่างน้อยเขาก็ยังได้รู้ว่านางจะบำรุงครรภ์ให้ดี หากนางทิ้งยาของเขา เช่นนั้นนางก็ต้องต้มยาเอง แม้จะไม่อยากให้นางลำบาก แต่ก็ไม่อยากเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา ‘เป็นแบบนี้ก็ดี ข้าจะได้ไม่รู้สึกผิดอะไรกับผิงหลัว’ พอพบค่ำ ได้เวลาสำเริงสำราญของเว่ยซือหลาง บุรุษหนุ่มเดินเข้ามาอย่างเชื่องช้า ทั้งให้ทั้งสองสาวใช้ออกไปไม่ให้คำนับกันให้วุ่นวาย เขายกสองมือถูไปมาตั้งใจจะไปจัดการคนปากดีที่บอกคิดถึงบุรุษอื่นเมื่อตอนกลางวัน แต่... นางหลับไปแล้ว “หมิงหลัน...หมิงหลัน” เขาเขย่านางเบา ๆ แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงตอบรับ จนตัวเองรู้สึกหงุดหงิดใจอุตส่าห์รีบจัดการงานที่คั่งค้างให้เรียบร้อย ใยนางมิรอข้า เขาลุกขึ้นอย่างไม่พอใจหมายจะออกจากห้องบรรทมของนาง แต่ว่าใจก็ลังเล สุดท้ายก็แทรกเข้ามานอนใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน ยามรุ่งสางเสียงจุบจับราวกับเด็กทารกดูดนมมารดาปลุกให้เซี่ยหมิงหลันที่พักผ่อนเต็มที่แล้วตื่นขึ้น นางมองหาที่มา แต่ความงัวเงียทำให้นางกว่าจะตั้งสติได้ก็ผ่านไปครู่ใหญ่ ร่างที่อวบอ้วนดั่งคนท้องรู้สึกถึงความเปียกแฉะที่หน้าอก เมื่อตั้งสติดีแล้วก็รับรู้ว่าผู้ใด “ท่านอ๋อง...ท่าน!” เขาหื่นกามกระทั่งลักหลับนางงั้นเหรอทุเรศสิ้นดี “ตื่นแล้วเหรอ...ข้านอนไม่หลับตลอดคืนเพราะเจ้ารู้หรือไม่” เสียงแหบพร่าในคำคอเปล่งออกมาขณะดูดดุนปลายยอดปทุมถันอย่างมูมมาม “ทำไมข้าต้องมีสามีเป็นคนวิปริตเช่นเจ้าด้วยเว่ยซือหลาง เจ้ามิเห็นหรือว่าท้องข้าอวบอ้วนเท่าใดแล้ว ยังจะรังแกข้าได้ทุกวี่ทุกวัน” “เจ้าคือนาง นางก็คือเจ้า” คนที่ความต้องการสูงดั่งชายวัยฉกรรจ์กล่าวออกมาด้วยถ้อยคำทำร้ายจิตใจ หมิงหลันซึ้งใจจริง ๆ ต่อให้มิได้ครองคู่ท่านก็คงมิเปลี่ยนใจไปจากผิงหลัวสินะ ทั้งที่ผิงหลัวมีใจให้อู๋หลิงเซียว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD