“คุณท่านอยู่ในที่ที่ปลอดภัยไม่ต้องห่วง ส่วนคุณเลิกถามผมแล้วตามมาเงียบๆ” ชายหนุ่มออกคำสั่งหญิงสาวอีกครั้ง ซึ่งเธอก็ทำตามอย่างไม่เต็มใจนัก
หญิงสาวเดินตามชายหนุ่มมาเรื่อยๆ จนมาถึงลานจอดรถ แต่เมื่อเธอเห็นสภาพรถที่เขานำมารับเธอ หญิงสาวก็ต้องโวยวายออกมาด้วยความไม่ชอบใจ
“นี่อะไรกัน คุณเอารถสับปะรังเคแบบนี้มารับฉันได้ไง” ดานิกาคนเดิมกลับมาอีกครั้งหลังจากที่สงบปากสงบคำไปสักพัก แต่พอเห็นสภาพรถที่เธอต้องโดยสารเท่านั้นแหล่ะ ความอดทนอดกลั้นที่มีมาเมื่อครู่นั้นได้หายไปทันที
“คุณจะใช้รถหรูเพื่อให้ตกเป็นเป้าสายตาทำไม ที่เราทำอยู่คือหนีตายนะไม่ใช่ไปเที่ยวพักผ่อนต่างจังหวัด” ความระอาเริ่มปรากฏแก่ชายหนุ่มอีกครั้ง เขาต้องท่องคำว่าอดทนมากกว่าห้าครั้ง หลังจากที่เจอหน้าเธอไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง
“ก็ถ้าไม่หรูก็ให้มันสภาพดีกว่านี้ไม่ได้หรือไง นี่อะไรดูจากสภาพแล้วยังไม่รู้ว่าจะขับได้หรือเปล่าเลย” หญิงสาวแสดงสีหน้ายี้อย่างสุดๆ เพราะเกิดมาในชีวิตเธอไม่เคยตกต่ำถึงขนาดต้องนั่งรถเก่าขนาดนี้เลย
“คุณอย่าเรื่องมาก ตอนนี้พวกเรามีทางเลือกไม่มาก คุณอยากมีชีวิตต่อมาใช้ชีวิตหรูหราตามสไตล์คุณหนูอย่างคุณมั้ยล่ะ หรือว่าอยากถูกพวกมันลอบยิงทิ้งกลางทาง” อติรุจเลิกสนใจคนตรงหน้า เขารีบขนสำภาระขึ้นรถที่หญิงสาวเรียกว่ารถสับปะรังเค ก่อนที่คนของนายกรศัตรูตัวฉกาจของคุณดนุพงษ์จะได้กลิ่น แล้วเขาจะไม่สามารถปกป้องดานิกาตามที่เขาได้รับปากผู้เป็นนายเอาไว้ได้
“โอเค ฉันยอมนั่งรถนี่ก็ได้ แต่ถ้าเรื่องคลี่คลายเมื่อไหร่ คุณต้องเอารถที่ดีกว่านี้มารับฉันกลับบ้านเข้าใจมั้ย” หญิงสาวสั่งออกไปเพื่อต้องการเอาชนะ เธอไม่ต้องการให้ลูกน้องของบิดาเห็นว่าเธอยอมเขาไปทุกเรื่อง
“ให้รอดจากเรื่องนี้ไปให้ได้ก่อนเถอะ” ชายหนุ่มกล่าวออกมาทำให้หญิงสาวตาลุกวาวด้วยความตกใจ
“ทำไมเหรอ เรื่องมันน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ” หญิงสาวกล่าวหลังจากที่เธอเข้ามานั่งในรถกระบะตอนเดียวรุ่นเก่าอายุราวยี่สิบปีเรียบร้อยแล้ว