รถกระบะคันเก่าขับมาเรื่อยๆ จนกระทั่งเข้าเขตจังหวัดสระบุรี ชายหนุ่มก็เหลือบเห็นว่ามีรถคันหนึ่งขับตามเขามาสักพักใหญ่ๆ ด้วยสัญชาตญาณของบอดี้การ์ด ชายหนุ่มจึงลองขับแซงและเบี่ยงซ้ายเบี่ยงขวาเพื่อทดสอบสมมุติฐาน และก็จริงดังที่ชายหนุ่มคิด เมื่อรถคันนั้นเร่งคันเร่งขับตามเขามา
ชายหนุ่มจึงเหยียบคันเร่ง แม้ว่ารถจะเก่า แต่เครื่องยนต์ก็ยังดีอยู่ มันทำให้เขาสามารถทิ้งระยะจากรถคันนั้นได้พอตัว ก่อนที่เขาจะตัดสินใจเลี้ยวเข้าไปในซอยหนึ่งซึ่งมันสามารถทะลุไปได้หลายทาง เมื่อเห็นดังนั้นรถคันนั้นก็รีบหักตามเขาเข้ามาในซอยทันที หญิงสาวนั่งมองสิ่งที่ชายหนุ่มกำลังทำอยู่ด้วยความหวาดหวั่น
“นี่เราจะรอดใช่มั้ยคะ” หญิงสาวถามเสียงสั่น
“หมอบลง แล้วจากนี้ผมจะปกป้องคุณเอง” อติรุจสั่งเสียงเข้ม ก่อนที่เขาจะหยิบปืนออกมาจากลิ้นชัก และยิงไปที่ยางรถของรถที่ตามอยู่เพื่อหยุดพวกมัน
เมื่อชายหนุ่มยิงใส่พวกมัน พวกมันก็ยิงสวนออกมาทันที หญิงสาวได้ยินเสียงปืนกระหน่ำเข้าใส่รถของเธอ ดานิกาได้แต่หวีดร้องด้วยความหวาดกลัว อติรุจยังคงประคองรถได้เป็นอย่างดี ในขณะที่พวกมันก็ไล่ตามมาอย่างไม่ลดละ จนกระทั่งชายหนุ่มสามารถยิงยางหน้าสองข้างของรถพวกมันได้ ทำให้มันไล่ตามทั้งคู่ไม่ทัน แล้วก็เสียหลักลงข้างทาง ส่วนรถสับปะรังเคคันนี้ก็พรุนไปด้วยรูกระสุน แต่ยังสามารถขับเคลื่อนได้เป็นอย่างดี
“เราปลอดภัยแล้วคุณ” อติรุจน์กล่าวเมื่อเขามองไปที่กระจกหลังแล้วพบว่ารถของพวกมันไถลลงที่ข้างทางเรียบร้อยแล้ว ในขณะที่เขาได้รับบาดเจ็บจากกระสุนที่ทะลุเข้ามาก่อนที่จะแฉลบเข้าที่หัวไหล่ของชายหนุ่ม
“คุณเป็นยังไงบ้าง” พอตั้งสติได้ หญิงสาวเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง ความรู้สึกเหยียดหยันที่มีให้ชายหนุ่มเมื่อสักครู่หายไปทันที
“ผมไม่เป็นไรหรอก แค่นี้มันไกลหัวใจเยอะ” ชายหนุ่มใช้มือกุมที่หัวไหล่เพื่อห้ามเลือด ในขณะที่มืออีกข้างทำหน้าที่บังคับพวงมาลัยรถยนต์อย่างมั่นคง
“ไหนมาให้ฉันดูหน่อย” หญิงสาวพยายามจะชะโงกหน้าดู แต่ชายหนุ่มก็บ่ายเบี่ยง เขายังขับรถต่อไปแม้ว่าจะรู้สึกเจ็บปวดอย่างมากก็ตาม
“คุณนั่งเฉยๆ ไปเถอะ ผมขับรถลำบาก” อติรุจกล่าวเสียงเข้ม