คำบอกเล่าของผืนป่านทำให้วิวาห์ผงะไปอย่างไม่ได้ตั้งตัว มันเป็นคำพูดที่ทำให้เธอจดจำใครบางคนได้อย่างไม่อยากจดจำเลยสักนิด
“!...”
“น้องสาวคนนี้ฉันเอ็นดูเธอเหมือนน้องตัวเอง ฉันสงสารที่เธอต้องรับเลือดทุกเดือนแล้วก็กินยาทุกเดือน” ผืนป่าพูดขึ้นอย่างเหนื่อยใจและเห็นใจคนที่เขากำลังพูดถึงอยู่ “แต่ไม่รู้ทำไมโชคชะตาเล่นตลกกับเธอจนไม่สามารถหาคนที่เนื้อเยื่อตรงกันสักที”
“น้องสาวเพื่อนคนนี้ ชื่ออะไรหรอคะ” วิวาห์สงบสติอารมณ์ของตัวเองก่อนจะถามเขาออกไปอย่างไม่คาดหวังว่าโลกจะกลมและแคบอย่างที่เธอคิด
แต่ก็น่าขำที่เรื่องของคนๆนั้นเหมือนเป็นแผลใจของเธอจนทำให้อดนึกถึงและไม่อยากให้ความบังเอิญเกิดขึ้น
“เม็ดฝนน่ะ” ผืนป่าตอบ “ทำไมหรอ”
พร้อมกับถามวิวาห์อย่างสงสัย สงสัยในสิ่งที่เขาก็มีคำตอบอยู่แล้วเหมือนกัน
“เปล่าค่ะ” วิวาห์รู้สึกสบายใจขึ้นมาไม่น้อยที่ไม่ต้องได้ยินชื่อของใครอีกคนพร้อมกับปฏิเสธคำถามของผืนป่าออกไป
“ทุกคนพยายามควานหาคนที่เต็มใจบริจาคมาตรวจเนื้อเยื่อ แต่ไม่ง่ายเลยจริงๆที่จะหาคนที่ตรงกันเจอ” น้ำเสียงราบเรียบของผืนดังขึ้นแต่ก็ทำให้คนฟังรับรู้ได้ว่าเขาเห็นใจอีกฝ่ายมาก
“แล้วเพื่อนคุณป่าละคะ เป็นยังไงบ้าง” เพราะส่วนมากพี่น้องที่เป็นโรคทาลัสซีเมียก็จะเป็นด้วยกัน แต่เธอไม่เห็นเขาพูดถึงเพื่อนเขาเลย
“เพื่อนฉันหายแล้ว ตอนที่ทุกคนพยายามตรวจหาคนที่มีเนื้อเยื่อตรงกันก็เป็นโชคดีของมันที่มีคนตรงกันพอดีทำให้สามารถรับการปลูกถ่ายไขกระดูกได้และหายขาด” เขาพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มมุมปากแต่แววตาที่เต็มไปด้วยความเอ็นดูและเศร้าใจปรากฎอย่างชัดเจน “เพราะแบบนั้นเลยยิ่งทำให้น้องสาวมันน่าสงสาร เพราะเธอบอบบางมาก”
“.....” วิวาห์ไม่รู้ว่าเธอต้องพูดอะไรเพราะเธอก็ไม่ได้มีความสามารถที่จะช่วยเหลือใครได้
“เธอ ลองไปตรวจดูหน่อยไหม” แล้วผืนป่าก็หันมาถามวิวาห์ขึ้นอย่างที่ขอความช่วยเหลือ
“วาห์หรอคะ” วิวาห์ถามขึ้นด้วยความรู้สึกบางอย่างที่มันจุกในอกแปลกๆ
ไม่ใช่เพราะคำขอของเขา แต่มันคงเป็นเรื่องราวที่เธอเคยเจอมาจนทำให้เธอรู้สึกไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้เลย
“อืม แม้ว่ามันจะไม่มีความเป็นไปได้ แต่ก็ดีกว่าไม่ได้ลอง” ผืนป่าพูดขึ้นอย่างเผื่อใจไว้แล้วว่าไม่มีทางที่วิวาห์จะใช่แต่เขาก็แค่อยากลองเท่านั้น
“นั่นสิคะ มันคงไม่มีทางเป็นไปได้” เพราะเปอร์เซ็นที่คนเราจะมีเซลล์เนื้อเยื่อตรงกันโดยไม่ใช่พี่น้องมีเพียง 1 ใน 10,000 คนเท่านั้น ซึ่งเธอก็เคยตรงกับคนๆหนึ่งไปแล้ว มันจะเป็นไปได้หรอที่จะมาบังเอิญตรงกับผู้ช่วยอีกรายได้ง่ายๆ ขนาดนี้
“ถ้าเธอไม่สะดวกก็ไม่เป็นไร” ผืนป่าไม่ได้บังคับเธอ เขาพูดขึ้นอย่างหนักใจก่อนจะลุกเดินเข้าห้องนอนไป
“.....” วิวาห์มองร่างสูงที่ดูเหนื่อยมากต่างกับเมื่อกลางวันอย่างสิ้นเชิง คนที่ไม่ได้โทษเธอแต่ไม่รู้ทำไมเธอกลับรู้สึกเหมือนเขากำลังไม่พอใจที่เธอปฏิเสธคำขอนี้ของเขา
หรือว่าเธอคิดมากไป
วิวาห์คิดว่าตัวเองไม่ได้คิดมากไปเองแล้วหลังจากผืนป่าเงียบผิดปกติ เงียบชนิดที่ว่าแม้แต่เรื่องงานถ้าไม่มีอะไรที่เขาจะสั่งเขาก็ตอบรับแค่คำว่าอืมเพียงสั้นๆ แล้วไม่พูดอะไร
ที่ผิดแปลกไปกว่านั้นคือนี่ก็สามวันแล้วที่เขาไม่กัดกินเธอ คนที่เขาสามารถกินได้ทุกวันและวันละหลายมื้อได้อย่างไม่รู้จักอิ่ม แต่ตอนนี้สามารถมองข้ามและไม่กินได้อย่างไม่น่าเชื่อ เขาไม่ได้จะโทษหรือโกรธเธอเพราะเรื่องนี้หรอกใช่ไหม
“พี่ป่า” วิวาห์ตัดสินใจจะคุยกับเขาให้รู้เรื่อง เมื่อกลับถึงห้องก็เรียกเขาขึ้น
“อืม” ผืนป่าตอบรับสั้นๆโดยไม่ได้หันมองและเดินไปทิ้งตัวนั่งโซฟาเปิดทีวีอย่างไม่ใส่ใจเธอ
“พี่ไม่ได้กำลังโกรธวาห์อยู่ใช่ไหม” แม้ว่ามันจะดูชัดแล้วแต่เธอก็อยากถามเขา
“เรื่องอะไร” เขาถามกลับโดยไม่มองหน้าเธอ มือกดเลื่อนหาช่องทีวีไม่หยุด
“ตั้งแต่วันนั้นที่เราคุยกันเรื่องน้องของเพื่อนพี่ พี่ก็ทำตัวเมินวาห์เหมือนไม่พอใจ” เธอไม่ปิดบังความคิดและสิ่งที่เขาทำ
“ทำไมคิดงั้นล่ะ” เขาย้อนถามนิ่งๆยังคงไม่มองหน้าเธอ
“แล้วมันใช่หรือเปล่าคะ” เธอเดินไปนั่งข้างเขาแย่งรีโมทปิดทีวีแล้วถามเขาขึ้น
“ใช่” แล้วครั้งนี้เขาก็หันกลับมามองหน้าเธอนิ่งก่อนจะตอบรับสั้นๆ
“วาห์ผิดงั้นหรอ” วิวาห์ถามออกมาอย่างไม่เข้าใจว่าเธอผิดตรงไหนจนทำให้เขายอมหมางเมินกับเธอเพราะเรื่องที่เธอก็ไม่ได้ทำอะไรผิด
“เธอรู้ไหมว่าคนป่วยเป็นทาลัสซีเมียเขาต้องรับเลือดและยาตลอดชีวิต ทางเดียวที่เขาจะหายได้คือการปลูกถ่ายไขกระดูก” ผืนป่าพูดออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “เธอรู้ไหมว่าการรับเลือดแต่ละครั้งมันไม่ได้มีแค่คนสองคน บางคนไปแล้วเลือดไม่เพียงพอก็ต้องรอวันต่อไปจนกว่าจะได้รับมัน”
แต่แววตาดูแข็งกระด้างขึ้นกว่าปกติ
“.....” วิวาห์ไม่ได้ตอบ แต่ที่ไม่ตอบไม่ใช่เพราะเธอไม่รู้ ในอดีตเมื่อหลายปีก่อนเธอเคยหาข้อมูลเรื่องพวกนี้มาแล้ว เธอรู้หลายอย่างเลยล่ะ
“การที่คนเป็นทาลัสซีเมียหายได้หนึ่งคนมันสามารถช่วยอีกหลายชีวิตได้เพราะมันลดการใช้เลือดไปได้” เขาบอกเล่าถึงความยากลำบากคนป่วย “และที่ฉันเป็นแบบนี้ไม่ได้โกรธ แต่ผิดหวังมากกว่า”
และบอกให้เธอเข้าใจว่าเขาแค่ผิดหวังในตัวเธอเท่านั้น
“แล้ววาห์ทำอะไรคะ” เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องผิดหวังในตัวเธอแบบนี้
“ก็เพราะไม่คิดจะทำอะไรเลยไงล่ะ มันถึงน่าผิดหวัง”
“.....” วิวาห์เงียบมองหน้าเขาอย่างไม่รู้จะพูดอะไร เพราะเธอแค่ไม่ได้ไปตรวจแต่ไม่ได้มีเนื้อเยื่อที่ตรงแล้วไม่ยอมบริจาคสักหน่อยถึงจะน่าผิดหวัง
“ฉันแค่ไม่คิดว่าเธอไม่แม้แต่จะคิดช่วยเหลือคนอื่นแบบนี้” ผืนป่าบอกให้เธอเข้าใจความผิดหวังในตัวออกมาว่าเพราะอะไร “ฉันไม่ได้หวังว่าเธอจะตรงจนบริจาคได้ แต่ฉันก็หวังว่าเธอจะแสดงออกถึงความอยากลองอยากช่วยเผื่อจะโชคดีเข้ากันก็แค่นั้น”
เขาแค่คาดหวังว่าเธอจะเสนอตัวช่วยเหลือบ้างเพียงเล็กน้อยก็ยังดี
“ค่ะ งั้นวันหยุดนี้วาห์จะไปตรวจให้” สุดท้ายวิวาห์ก็ตอบรับออกมา
ไม่ใช่ว่าเธอไม่มีความคิดอยากช่วยเหลือคน เพราะไม่อย่างนั้นเธอจะมีความรู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไง เพราะเธอเคยคิดจะช่วยเหลือคนๆหนึ่งมาแล้วและศึกษาทุกอย่างมาอย่างดีแล้วต่างหากล่ะ
“ถ้าไม่เต็มใจก็ไม่ต้องไปหรอก” ผืนป่าเห็นเธอตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่ดูแข็งกระด้างจึงปฏิเสธน้ำใจนี้ของเธอ
“วาห์ไม่ได้ไม่เต็มใจที่จะช่วย แต่วาห์แค่รู้สึกผิดหวังเหมือนกันที่วาห์ยังไม่ได้ทำอะไรผิดพี่ป่าก็ทำเหมือนวาห์ผิด” วิวาห์บอกความผิดหวังในตัวเขาขึ้นบ้าง “ยอมโทษวาห์ทั้งที่วาห์ไม่ได้ทำอะไรเพียงเพราะอีกคนเป็นคนที่พี่เอ็นดู แต่ลืมไปว่าวาห์ก็เป็นคนของพี่เหมือนกัน”
วิวาห์พูดจบก็ลุกเดินเข้าห้องนอนและตรงไปขังตัวเองไว้ในห้องน้ำอย่างต้องการสงบสติอารมณ์ตัวเอง
สิ่งที่เกิดขึ้นในมุมมองของเธอ เธอรู้ว่าอีกคนเป็นน้องสาวเพื่อนสนิทเขา เขาบอกว่าเอ็นดูเหมือนน้องสาวตัวเอง แต่ในมุมมองของเธอสำหรับเราแล้วผู้หญิงคนนั้นก็เหมือนคนอื่น แต่เขากลับยอมผิดใจกับเธอเพราะเรื่องของคนอื่น ห่วงใยคนอื่นจนไม่พอใจการอยู่เฉยๆของเธอแทน
มันเหมือนกับว่าเธอไม่ได้สำคัญกับเขาพอเมื่อเทียบกับน้องสาวของเพื่อนเขา
“เปิดประตูหน่อยฉันจะเอาของไปอาบน้ำห้องอื่น” แล้วไม่นานเสียงของผืนป่าก็ดังขึ้นหน้าห้องน้ำ
“.....” วิวาห์พ่นลมหายใจออกมาอย่างหนักกับสิ่งที่เกิดขึ้น
เธอนึกว่าเขาจะเข้าใจความรู้สึกของเธอแล้วขอโทษเธอสักคำ แต่เขาก็ไม่ได้สนใจอะไรและยังจะเอาของออกไปอาบน้ำห้องอื่น แบบนี้ไม่ได้กำลังจะหมายถึงว่าเขากำลังจะนอนห้องอื่นด้วยอย่างนั้นหรอ
ช่างเถอะ นี่มันห้องของเขา ถ้าเขาจะต้องถึงขั้นไปนอนห้องอื่นงั้นเธอกลับไปนอนคอนโดเธอเองดีกว่า
วิวาห์คิดได้แบบนั้นก็ปรับอารมณ์และสีหน้าของตัวเองก่อนจะเดินไปเปิดประตูห้องน้ำเพื่อกลับคอนโดของเธอที่ไม่ได้ไปนอนมานาหลายเดือนตั้งแต่มีสัมพันธ์กับเขา
เพียงแต่ว่า