- บ้านหลังใหญ่ -
“เมย์ไม่แต่ง!”
เสียงของเมย์ดังก้องในห้องโถงใหญ่ ดวงตาเต็มไปด้วยความดื้อดึงและสับสน เธอหันไปมองแม่ที่ยืนหน้าเจื่อนอยู่ข้าง ๆ แล้วมองเลยไปถึงผู้ชายอีกคนที่นั่งนิ่งราวกับไม่มีความรู้สึกใด ๆ
เขา…กองทัพ ลูกชายเจ้าของบ้าน
“เรื่องนี้ตัดสินไปแล้ว” เสียงเข้มของพ่อกองทัพตัดบทอย่างเด็ดขาด “อีกไม่กี่วันจะจัดพิธีเรียบง่ายในบ้าน ไม่ต้องมีใครรู้”
“ทำไมต้องเป็นเมย์ คุณท่านลองหาผู้หญิงคนอื่นให้เขาแต่งไม่ได้หรอคะ เมย์ว่าเมย์ไม่เหมาะหรอกค่ะ”
“เหมาะสมหรือไม่เหมาะสม ฉันจะเป็นคนตัดสินใจเอง”
หลังสิ้นสุดคำพูดเด็ดขาดของคุณท่าน พ่อของกองทัพก็ลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องรับแขก ทิ้งไว้เพียงความเงียบงันและแรงกดดันที่ยังไม่จางหาย
เมย์หันขวับไปมองกองทัพทันที
“นายไม่ได้อยากแต่งอยู่แล้ว ทำไมไม่พูดกับคุณท่านตรง ๆ ไปละ?”
กองทัพเงยหน้ามองเธอเล็กน้อย ดวงตานิ่งเฉยเหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไร ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น
“คิดว่าพ่อจะฟังเหรอ?”
คำตอบสั้น ๆ แต่ชัดเจนของเขาทำเอาเมย์เงียบไปชั่วขณะ
เมย์เม้มปากแน่น ความรู้สึกอึดอัดตีตื้นขึ้นมาอีกครั้ง เธอไม่เข้าใจเลยว่าทำไมชีวิตเธอถึงต้องมาพัวพันกับคนที่ไม่แม้แต่จะหันมามองเธอตรง ๆ แบบนี้ด้วยซ้ำ
“แต่ง ๆ ไป… ครบสัญญาหนึ่งปีก็หย่า”
คำพูดของกองทัพฟังดูง่ายราวกับเรื่องที่พูดมันไม่ใช่ชีวิตจริง ไม่ใช่ชีวิตของคนสองคนที่ถูกจับโยนให้ผูกพันกันด้วยคำว่า ‘แต่งงาน’
“สัญญา? สัญญาอะไร?” เมย์ถามเสียงแข็ง ใจเริ่มร้อนวูบวาบอย่างหงุดหงิด
กองทัพหันมามองเธอตรง ๆ เป็นครั้งแรก ดวงตาคู่นั้นยังคงเรียบเฉยแต่เต็มไปด้วยความแน่วแน่
“หนึ่งปี พอครบแล้ว ฉันจะเป็นคนไปขอหย่าเอง” เขาพูดจบเขาลุกขึ้นเตรียมตัวเดินออกไปแต่เขาก็หันมาอีก
“นอกจากคนในบ้านหลังนี้… ห้ามให้ใครรู้อีกเด็ดขาด”
เขาพูดชัดถ้อยชัดคำ ดวงตาเรียบนิ่งไร้อารมณ์เช่นเคย
“ในมหาลัย ถ้าเจอกันก็ไม่ต้องทัก คิดซะว่าเราไม่รู้จักกัน… ฉันไม่ชอบความวุ่นวาย”
…และนั่นอาจจะเป็นประโยคที่ยาวที่สุดเท่าที่เขาเคยพูดกับเธอก็ว่าได้
เมย์เลิกคิ้ว เหลือบตามองเขาอย่างสมเพชปนประชด
“ว้าว… พูดกับฉันสามประโยคติดแบบนี้ ไม่เหนื่อยตายเหรอ?”
กองทัพหันมามองเธอแค่เสี้ยววินาที ก่อนจะละสายตากลับไปเหมือนเดิมโดยไม่ตอบอะไรอีก
เงียบ… เงียบจนน่าหมั่นไส้
“โอเค… ได้เลยคุณสามีในนาม ฉันก็ไม่ชอบความวุ่นวายเหมือนกัน เพราะงั้นอยู่ห่าง ๆ อย่างสงบสุขเถอะ หวังว่าเราจะไม่ต้องพูดกันอีกจนกว่าจะครบปี”
เขายังคงนิ่ง ไม่แม้แต่จะพยักหน้าให้ด้วยซ้ำ
และนั่นแหละ… จุดเริ่มต้นของ “ความสัมพันธ์ลับ ๆ” ระหว่าง เด็กสาวแมนๆ กับ คุณชายเย็นชา ที่ไม่มีใครรู้ว่าจะลงเอยยังไง.
“แม่… ทำไมคุณท่านถึงต้องเลือกเมย์ด้วยอ่ะ ผู้หญิงบนโลกนี้ก็มีตั้งเยอะตั้งแยะ”
ฉันหันไปหันมองแม่ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถามและความคับข้องใจ
“คุณท่านเขาเอ็นดูเราน่ะลูก เขาเห็นเมย์มาตั้งแต่เด็ก ๆ”
แม่พูดเสียงอ่อน สีหน้าเต็มไปด้วยความลำบากใจ
“แล้วไงอะ… คุณท่านเอ็นดูหนู แต่ลูกชายเขาไม่เอ็นดูหนูด้วยนี่นา”
น้ำเสียงประชดประชันปนเจ็บปวดหลุดออกมาอย่างห้ามไม่ได้
แม่ถอนหายใจยาว ก่อนจะเอื้อมมือมากุมมือฉันเบา ๆ
“เห้อ… แล้วจะให้แม่ทำยังไงล่ะลูก แม่เองก็ปฏิเสธคุณท่านเขาไม่ได้หรอก เขามีบุญคุณกับแม่… แล้วก็กับลูกมากแค่ไหน เมย์ก็รู้อยู่เต็มอก”
ฉันเม้มปากแน่น พยายามกลืนก้อนสะอื้นที่ตีตื้นขึ้นมาอย่างเงียบ ๆ
เพราะสุดท้าย… ต่อให้ไม่อยากแต่งแค่ไหน ก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธอะไรอยู่ดี.
เหมือนถูกลากให้เข้าไปอยู่ในบทละครที่ไม่ได้อยากเล่นตั้งแต่แรก.
นี่…
ก็คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด
เรื่องราวที่ไม่มีใครคาดคิด
เมื่อเด็กสาวธรรมดา ลูกแม่บ้านธรรมดา ๆ อย่างฉัน
ต้องกลายมาเป็น “ภรรยา (ลับ ๆ) ” ของลูกเจ้าของบ้าน ผู้ชายที่แทบจะไม่เคยคุยกับฉันตรง ๆ มาก่อนเลยด้วยซ้ำ
แต่งงานในนาม แต่ห้ามให้ใครรู้
เจอกันในมหาลัยก็ต้องทำเป็นไม่รู้จัก
อยู่ด้วยกันก็แค่ทำตามหน้าที่… เพื่อรอเวลาหย่า
แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่า…
‘ความวุ่นวาย’ มันเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้นเอง
ฉันชื่อเมย์…
ลูกสาวของแม่กิ๊ฟ แม่บ้านที่ทำงานให้กับครอบครัวใหญ่ตระกูลหนึ่งมานานหลายปี
แม่บอกว่าโชคดีที่ได้ทำงานกับบ้านนี้ เพราะพวกเขาใจดี มีเมตตา ไม่ดูถูกคนใช้
และฉัน… ก็เติบโตมากับคำว่า “เป็นหนี้บุญคุณ” ตั้งแต่ยังไม่รู้ความ
เป็นหนี้บุญคุณยังไงน่ะเหรอ…
ก็เพราะเมื่อก่อน แม่ของฉันเคยทำงานเป็นผู้ช่วยพยาบาล แถมยังเป็นเพื่อนร่วมงานกับแม่ของพี่กองทัพอีกด้วย
จนกระทั่งวันหนึ่ง… แม่ถูกใส่ร้ายว่าจ่ายยาคนไข้เกินขนาด เรื่องมันบานปลายจนถึงขั้นโดนไล่ออกจากงาน ไม่มีที่ไป ไม่มีงานทำอยู่นานเกือบปี
และในตอนที่ทุกอย่างดูมืดมนที่สุด
แม่ของพี่กองทัพก็ยื่นมือเข้ามา เธอเสนอให้แม่ของฉันมาทำงานเป็นแม่บ้านที่บ้านของพวกเขา
ไม่ใช่แค่ทำความสะอาด แต่ให้ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้าน ดูแลทุกคนราวกับเป็นคนในครอบครัว
ไม่นาน… แม่ของพี่กองทัพก็จากไปเพราะโรคร้าย แต่ก่อนที่เธอจะจากไป ก็ได้ทำข้อตกลงไว้กับแม่ของฉัน
ว่าเมื่อฉันและเขาโตขึ้น ฉันกับเขา… จะต้องแต่งงานกัน และฉันเอง… ก็เพิ่งจะมารู้เรื่องนี้ ตอนที่มันสายเกินจะปฏิเสธอะไรได้แล้ว
แถมคุณท่าน พ่อของพี่กองทัพ ก็เห็นดีเห็นงามกับเรื่องนี้อย่างไม่มีข้อโต้แย้ง
คงจะมีแค่พี่จอมทัพเท่านั้น… ที่พยายามพูดคุยแทนฉัน คอยช่วยเจรจาเรื่องนี้กับคุณท่าน
แต่สุดท้าย… ก็ไม่เป็นผลอยู่ดี
“พี่คุยกับพ่อให้แล้วนะเมย์”
เสียงของพี่จอมทัพนุ่มและจริงใจเหมือนทุกครั้ง
“แต่เมย์เองก็คงรู้… ว่ายังไงก็ปฏิเสธพ่อพี่ไม่ได้หรอก ใช่ไหม”
ฉันเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา พลางพยักหน้าเบา ๆ
“…ค่ะ พี่จอมทัพ”
“แต่งไปตามที่พ่อพี่บอกเถอะ” เขาวางมือลงบนบ่าฉันเบา ๆ
“พี่ก็เห็นเรามาตั้งแต่เด็ก เปลี่ยนสถานะจากน้องสาวเป็นน้องสะใภ้… คงไม่แปลกอะไรหรอกนะ”
ฉันฝืนยิ้มตอบกลับ แต่ในใจกลับรู้สึกว่างเปล่า…
“ส่วนไอกองทัพ… พอเราแต่งไปแล้ว เดี๋ยวเมย์จะเข้าใจเอง… ว่าทำไมมันถึงไม่ปฏิเสธพ่อ”
น้ำเสียงของพี่จอมทัพเจือด้วยความรู้บางอย่างที่ฉันจับต้นชนปลายไม่ถูก
เขามองฉันนิ่ง ๆ เหมือนจะพูดอะไรอีก… แต่ก็เลือกเงียบ
ปล่อยให้คำพูดนั้นลอยค้างอยู่กลางอากาศ และทิ้งความสงสัยเอาไว้ในใจฉันเต็มไปหมด
“เมย์จะไปเข้าใจอะไรได้… ป่านนี้น้องชายของพี่จอง คงไปนั่งพิมพ์สัญญาเรื่องหย่าไว้รอแล้วมั้งคะ”
ฉันพูดประชด ปลายเสียงแอบสั่นนิด ๆ อย่างไม่ตั้งใจ
แต่คนฟังกลับยิ้มมุมปากราวกับรู้อะไรบางอย่างมากกว่าที่ฉันรู้
“หึ… มันไม่หย่ากับเรา ง่าย ๆ หรอก”
พี่จอมทัพพูดพลางยกยิ้มบาง ๆ อย่างรู้ทัน
“ไม่เชื่อก็ลองดูสิ… พี่ว่าพี่ค่อนข้างรู้จักน้องชายตัวเองอยู่นะ”