10. ถอยทัพ

1677 Words
องค์ชายซีกวนเดินทางออกจากเมืองหลวง พร้อมกับกองทัพของตนที่เดินทางตามเขตชายแดนเข้ามา เพื่อไม่ให้ชาวบ้านตกใจ " ได้ยินว่าตอนนี้ท่านแม่ทัพสามารถยึดเมืองชินซางได้คืนแล้วนะพะยะค่ะ ทั้งที่ก่อนนี้ได้ยินว่าเสียเปรียบมากอยู่ " จินหยางองครักษ์คนสนิทขององค์ชายเอ่ยขึ้น " นั้นสิพะยะค่ะ ไม่คิดว่าท่านแม่ทัพฟานอวี้จะเฉลียวฉลาดถึงเพียงนี้ " แม่ทัพลู่เอ่ยออกมาเช่นกัน " เพราะเช่นนี้สินะ เจ้าถึงเชื่อมั่นสามีเจ้าถึงเพียงนี้ " องค์ชายซีกวนเอ่ยขึ้นมาเบาๆ จนกระทั่งกองทัพ 150,000 นายของแคว้นซางกวูเดินทางมาถึงค่ายของแม่ทัพฟานอวี้ " ท่านแม่ทัพ ทัพของแคว้นซางกวูเดินทางมาถึงแล้วพะยะค่ะ ตอนนี้องค์ชายซีกวนและแม่ทัพลู่ กำลังเดินทางมาพะยะค่ะ" " อืม จัดหาที่พักให้กับองค์ชายอย่างเหมาะสมด้วย เอาเสบียงอาหารออกมาต้อนรับทหารที่มาช่วยรบครั้งนี้ด้วย " " ขอรับท่านแม่ทัพ " ก่อนหน้านี้กองทัพของแคว้นชินลาเสียเปรียบมาก แต่เพราะได้แผนที่ที่ฮ่องเต้ให้ไว้ อีกทั้งกลยุทธ์ของตนจึงสามารถทำให้สามารถยึดเมืองกลับคืนมาได้ อีกฝั่งทางแคว้นซางไห่ " หึ ข้าไม่อยากจะเชื่อจริงๆว่าแม่ทัพฟานผู้นี้จะใช้กลยุทธ์เช่นนี้มาตีเมืองกลับไปได้เพียง 3 วัน ข้าประมาทเกินไป " แม่ทัพใหญ่ของแคว้นซางไห่เอ่ยออกมาอย่างเกรี้ยวกราด " นั้นสิข้าเองก็ไม่คิดว่าทหารไม่ถึงแสนของแคว้นชินลาจะสามารถเอาชนะทหารเกือบสามแสนของเราได้ อีกทั้งตอนนี้ยังมีกองทัพของแคว้นซางกวูเข้ามาเป็นกองหนุนอีก คงจะเป็นเรื่องยากที่เราจะเอาชนะได้ " สองแม่ทัพเอ่ยออกมาอย่างเจ็บใจ แต่ศึกครั้งนี้ก็ไม่อาจจะถอยได้อีกแล้ว จึงจะต้องสู้ให้ถึงที่สุด ในค่ายของแคว้นชินลา องค์ชายซีกวนเดินทางมาถึงค่าย และกำลังพูดคุยกันกับแม่ทัพฟานอวี้อยู่ " อย่างนี้ทัพที่ยกมาช่วยท่านแม่ทัพ ก็คงจะเดินทางมาเสียเปล่าแล้วล่ะ" "องค์ชายอย่าได้กล่าวเช่นนั้นเลย หม่อมฉันเพียงแค่โชคดีเท่านั้นเองจึงสามารถเอาเมืองกลับคืนมาได้ " " อย่าถ่อมตนไปเลยท่านแม่ทัพ หากเป็นผู้อื่นก็คงจะไม่โชคดีอย่างที่ท่านว่าหรอก " แม่ทัพลู่เอ่ยกับคนที่อายุน้อยกว่ามาก หลังจากยึดเมืองได้แล้ว สงครามก็ยิ่งเริ่มทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น แม้สายฝนจะตกลงมาไม่หยุด แต้บนพื้นที่ของสงครามกับมีเสียงฟาดฟันกันไม่หยุด ทั้งสายฝนทั้งเลือดปะปนกันเต็มพื้นดิน ทหารต่างก็บาดเจ็บล้มตายกันทั้งสองฝั่ง การสู้รบเนิ่นนานผ่านไปนับเดือน " เผล้ง " เสียงข้าวของแตกกระจายลงเต็มพื้นเพราะความโมโหของแม่ทัพแคว้นซางไห่ ที่กำลังเสียเปรียบเป็นอย่างมากในตอนนี้ " หึ แม่ทัพจงท่านทำเช่นนี้ได้อย่างไรกัน จู่ๆก็ถอนกองหนุนกลับแคว้นตนเช่นนี้ได้อย่างไร " แม่ทัพแคว้นซางไห่โกรธที่แคว้นตู่เหลียงยกทัพกลับแคว้นไปเมื่อเช้าตรู่ ทำให้ทหารเหลือน้อยเต็มที และเมื่อเห็นว่ากองหนุนหนีหายเหล่าทหารก็ยิ่งเสียขวัญเข้าไปอีก " เป็นเช่นนี้เราคงต้องพ่ายศึกในไม่ช้าแน่ขอรับท่านแม่ทัพ เราจะทำเช่นไรดีขอรับ ฝั่งนั้นก็ดูท่าจะบุกเข้ามาทุกเมื่อ หากเป็นเช่นนี้เราก็มีแต่จะเสียเปรียบนะขอรับ " " หึ นี้ศึกครั้งนี้ข้าต้องพ่ายแพ้จริงๆสินะ สั่งทหารถอยทัพ " " ขอรับท่านแม่ทัพ " ภายในค่ายของแคว้นชินลา เมื่อรับรู้ถึงข่าวการถอยทัพของแคว้นซางไห่ เหล่าทหารต่างก็โห่ร้องยินดีกับชัยชนะครั้งนี้ ฟานอวี้เองก็ไม่ต่างจากเหล่าทหาร ร่วมถึงองค์ชายซีกวนเช่นกัน ฟานอวี้ต่างเดินเยี่ยมเหล่าทหารที่บาดเจ็บของแคว้นตนร่วมถึงแคว้นซางกวูด้วย " ได้ยินเหล่าทหารบอกว่ายาที่ท่านหมอทาให้นั้น ทำให้บาดแผลแห้งเร็วจนเหล่าทหารที่บาดเจ็บก่อนหน้านี้หายดีจนสามารถร่วมรบต่อได้อีก ชั่งเป็นยาที่ดีจริงๆ " จางเหยาเอ่ยบอกออกไป แม่ทัพลู่เดินเข้ามาก่อนที่จะเอ่ยบอก " หมอที่ปรุงยาก็ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกท่านแม่ทัพ ก็คือหลานชายของท่านราชครูนั้นแหละ ท่านหมอเป็นหมอสมุนไพรที่เก่งมาก ข้าได้ยินว่าท่านหมอจื่อยวนเองก็เป็นสหายเก่าของท่านไม่ใช่หรือท่านแม่ทัพ " ฟานอวี้อดที่จะแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมทั้งแม่ทัพและองค์ชาย ถึงรู้จักสนิทสนมกับครอบครัวของฮูหยินตนนัก อีกทั้งตนก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจื่อยวนคือหลานชายของราชครู เพราะการพบเจอกันนั้นคือตอนทำศึก เมื่อครั้งนานมาแล้ว แม้จะได้พบกันบ้างบางครั้ง แต่ก็ไม่เคยเอ่ยถามถึงเรื่องส่วนตัวของอีกคนเลย " ชั่งเป็นโชคดีของแคว้นชินลาจริงๆ ที่มีหมอเก่งๆถึงเพียงนี้ และไม่คิดว่าจะเป็นคนของสกุลหลานเช่นเดียวกับฮูหยินอีก " หานชิงเอ่ยขึ้น " คงไม่ได้โชคดีที่มีหมอเก่งอย่างเดียวหรอก แต่แคว้นชินลา ไหนเลยจะโชคดีเท่าท่านแม่ทัพของเจ้ากัน " เอ่ยจบองค์ชายก็เดินออกไปจากกระโจมทิ้งให้อีกหลายคนสงสัยอยู่เช่นนั้น ร่วมถึงฟานอวี้ที่ดูสงสัยในคำพูดนี้มากกว่าใคร " องค์ชายเอ่ยเช่นนี้หมายความว่าเช่นไรกัน ท่านอาพอจะรู้หรือไม่ " แม่ทัพลู่ยิ้มออกมาก่อนที่จะเอ่ยขึ้น " หากท่านไม่ปิดหูปิดตาตนเอง กลับไปท่านก็จะรู้เองนั้นแหละ ข้าขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะ " ฟานอวี้ก็ยังคงไม่ได้คำตอบจากคนที่ตนเอ่ยถาม จนต่างก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน เมื่อมีเวลาที่ไม่ต้องทำศึกฟานอวี้ก็อดคิดถึงผิวขาวของอีกคนไม่ได้ พลันรอยยิ้มก็ผุดขึ้นบนใบหน้า " หวังว่าเจ้าจะไม่ได้หายไปไหนนะฝูหรง " ​​​​ฟานอวี้ที่แช่น้ำอยู่อีกสัพพักก็ลุกใส่เสื้อผ้าพร้อมกับเข้านอน หลังจากที่ทัพของแคว้นซ่างไห่ถอยทัพไป เมืองชินซางก็เริ่มกลับมาอยู่ในสภาพเดิมอีกครั้ง ชาวเมืองที่อพยพหนีไป ก็ย้ายกลับมายังเมืองชินซางอีกครั้ง ทหารที่ยังแข็งแรงต่างก็ช่วยกันซ่อมแซ่มบ้านเรือนให้กลับมาอยู่ในสภาพเดิม " ข้าเห็นทีจะต้องยกทัพกลับแล้ว เจ้าจะยังอยู่ที่นี่ต่อเช่นนั้นหรือ " " พะยะค่ะ รอให้เจ้าเมืองคนใหม่มารับตำแหน่ง หม่อมฉันจึงจะกลับเมืองหลวงพะยะค่ะ " " อืม ถ้าเช่นนั้นข้าก็จะเดินทางกลับก่อน ยังไงก็อย่าอยู่ที่นี่นานนักล่ะ เดี๋ยวฮูหยินของท่านหนีไปจะหาว่าข้าไมบอกท่านนะ " " หนีเช่นนั้นหรือ นางจะหนีไปไหนกันนางเป็นฮูหยินของหม่อมฉัน นางไม่มีทางหนีไปไหนได้หรอกพะยะค่ะ " " อย่ามั่นใจในสิ่งที่เจ้ายังไม่รู้ทั้งหมด ข้าไปล่ะ " ฟานอวี้แปลกกับคำพูดทิ้งท้ายขององค์ชายอีกครั้ง " เหตุใดองค์ชายจึงมักเอ่ยถอยคำเช่นนี้ ให้ต้องสงสัยนักขอรับท่านแม่ทัพ " " แล้วทำไมเจ้าถึงไม่เอ่ยถามล่ะ " ฟานอวี้ตอบคนสนิทของตนออกไป จนจางเหยานั้นอดหัวเราะไม่ได้ " นั้นสิทำไมเจ้าถึงไม่ถามเสียตั้งแต่ตอนนั้น " " เจ้าเองก็อยากรู้เหมือนกับข้านั้นแหละจางเหยา " สองสหายถกเถียงกันไปมาจนฟานอวี้ต้องเดินหนีออกไปด้านนอก " เหตุใดถึงมีคนที่รู้จักเจ้าดีถึงเพียงนี้ ทั้งที่ก็อยู่ต่างแคว้นกันแท้ๆ ตกลงเจ้าเป็นใครกันแน่ " หลังจากนั้นฟานอวี้ก็สั่งให้จางเหยาเดินทางกลับเมืองหลวงก่อน " ข้าต้องการรู้ว่าฮูหยินของข้าก่อนนี้นางอยู่ที่ใด คนที่นางอยู่กินด้วยคือใคร ไปสืบมาให้ข้า ข้ากลับเมืองหลวงข้าจะต้องได้รู้ทุกอย่างเข้าใจหรือไม่จางเหยา " " ขอรับท่านแม่ทัพ " จางเหยาเดินทางกลับเมืองหลวงทันที ฟานอวี้ยังคงรอเจ้าเมืองคนใหม่มารับหน้าที่ดูแลเมือง ในวังหลวงตอนนี้องค์ชายเดินทางมาเข้าเฝ้าฮ่องเต้อีกครั้งเพื่อจะทูลลากลับแคว้นของตน " ฝ่าบาทเห็นที่หม่อมฉันคงจะต้องเดินทางกลับแล้วพะยะค่ะ ขอฝ่าบาทรักษาพระวรกายให้ดี หากมีเวลาหม่อมฉันจะมาเข้าเฝ้าใหม่พะยะค่ะ " " อืม ขอบใจเจ้ามาก หากไม่ได้ทัพของเจ้าช่วย ป่านนี้ศึกครั้งนี้คงจะยังไม่ยุติเป็นแน่ " " หม่อมฉันไม่ได้ทำอะไรมากมายเลยพะยะค่ะ ท่านแม่ทัพของฝ่าบาทเก่งกาจมากอยู่แล้ว " " ถ้าไม่ได้กองทัพของแคว้นซางกวูช่วยหนุนอีกแรง แคว้นชินลาก็คงจะลำบากเช่นกัน พวกเราเหล่าขุนนางขอขอบคุณแคว้นซางกวูพะยะค่ะ " เหล่าขุนนางที่อยู่ในท้องพระโรงต่างก็ขอบคุณองค์ชายและแคว้นซางกวูที่ได้ช่วยเหลือครั้งนี้ " ข้ายินดี ถึงอย่างไรแคว้นนี้ก็เป็นบ้านเกิดของเสด็จแม่ อย่างไรเสียเราก็เป็นเมืองพี่เมืองน้อง อย่าได้เกรงใจ " ซีกวนเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้ม มหาเสนามององค์ชายซีกวนด้วยรอยยิ้ม แต่ภายใต้ใบหน้าที่ยิ้มอยู่นั้น กลับมีแผนร้ายที่แอบแฝงอยู่ ภายในจวนของมหาเสนา " เจ้าจัดเตรียมมือสังหารเรียบร้อยแล้วใช่หรือไม่ อย่าให้พลาดได้ ทั้งสองทาง " " ขอรับนายท่าน "
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD