เฟยเปิดประตูรถแทบจะพร้อมกับลมหายใจที่สะดุด สีหน้าเธอซีด มือเล็กเย็นเฉียบ ร่างกายสั่นเทิ้มภายใต้เสื้อโค้ตสีดำตัวยาวที่ใส่ไม่ตรงไซซ์ เธอกอดอกแน่น พยายามไม่มองกระจกในรถแต่ก็ยังเห็นเงาตัวเองสะท้อนกลับมาอยู่ดี
ใบหน้าที่แดงจัดไม่ใช่เพราะความอาย แต่เพราะไข้ที่เริ่มก่อตัวจากร่างกายที่ถูกเขา ‘กิน’ ทั้งคืนแบบไม่ให้พัก ไม่แม้แต่จะได้หายใจให้เต็มปอด ร่างกายอ่อนแรงจนแม้แต่การพูดก็รู้สึกเหนื่อย ริมฝีปากบวมระเรื่อเหมือนเพิ่งถูกบดขยี้ รอยแดงบนลำคอชัดเจน หน้าอกที่ซ่อนอยู่ใต้โค้ตบวมตึงเป็นปื้นแดง แค่ขยับก็แสบร้อน
ไม่ต้องมองก็รู้ว่า...ทุกตารางนิ้วในร่างกายนี้ ถูกเขา "ตีตรา" อย่างตั้งใจ
Lunaria Residences
เฟยฝืนร่างกายขับรถมาจนถึงคอนโดของตัวเองในสภาพที่แทบไม่รู้ด้วยซ้ำว่าขับมาได้ยังไง แสงแดดส่องลงกระจกหน้ารถจนแสบตา แต่ยังไม่เท่าความปั่นป่วนในหัวใจเธอ
เสียงประตูฝั่งคนขับเปิดแทบจะทันทีที่จอดรถ
“เฟย!!!”
เสียงตะโกนลั่นดังขึ้นทันที ผู้หญิงตัวเล็ก หน้าเข้ม ผมสั้นประบ่าฟาดลมแรง เสื้อยืดสีดำกับกางเกงยีนส์ขาดๆ แบบพร้อมชนทุกคนบนถนน เธอคือ แพรพลอย ผู้จัดการดารา & เพื่อนสนิทที่เฟยเยว่วางใจที่สุด (หรืออย่างน้อย “เฟยเยว่ตัวจริง” เคยวางใจ)
“แกหายหัวไปทั้งคืน! ไม่รับโทรศัพท์! แม้แต่ไอจีไอ้คนที่แท็กมาก็ไม่ได้ลบ! แล้วนี่มัน...!!!”
แพรพลอยเปิดประตูฝั่งคนขับด้วยมือเดียว ส่วนอีกมือกำลังจะหยิบมือถือเพื่อฟาด แต่พอเห็นสภาพของเพื่อนสนิทเต็มตา...
ใบหน้าซีดจัด ผมยุ่งเหยิง ร่างกายสั่นระริก สวมโค้ตตัวโคร่งซึ่งเป็นของใครก็ไม่รู้ ริมฝีปากบวม รอยคอช้ำ
“...เวรเอ๊ย” เสียงสบถของแพรพลอยดังเบา แต่แฝงไปด้วยความตกใจแบบห่วงสุดขีด
“เฟย...เกิดอะไรขึ้น!?” น้ำเสียงเธอเปลี่ยนไปทันทีจากโหมดผู้จัดการสายฟาดเป็นเพื่อนรักสายแม่ไก่
ใบหน้าหวานมองเพื่อนด้วยสายตาเบลอๆ พยายามจะพูด แต่แค่เปิดปากก็แสบไปทั้งร่าง เปลือกตาเริ่มร้อนผ่าวก่อนที่ทุกอย่างจะค่อยๆ มืดลง
ตุบ...!
ร่างบางทรุดลงในอ้อมแขนแพรพลอยที่พุ่งเข้ามารับแทบไม่ทัน
แพรพลอยพาร่างเพื่อนสนิทที่หมดสติขึ้นลิฟต์มายังห้องบนชั้น 38 ของ Lunaria Residences ในอ้อมแขน เฟยเยว่ดูเบากว่าที่เคย ทั้งๆ ที่เธอจำได้ว่าเพื่อนคนนี้เป็นผู้หญิงที่แกร่ง พูดจาเสียงดัง ฟาดทุกคนบนกองถ่ายไม่เคยไว้หน้าใคร
ทว่าตอนนี้...ใบหน้าหวานซีดเซียว ดวงตาหลับสนิทเหมือนไม่รับรู้อะไร เธอวางร่างของเพื่อนสนิทลงบนเตียงอย่างเบามือ ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมถึงไหล่
“แกจะเป็นอะไรไปไม่ได้เลยนะเฟย...อย่าเพิ่งทำให้ฉันใจเสียมากไปกว่านี้”
เธอนั่งมองใบหน้าที่คุ้นเคยของเพื่อนสนิทอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนลุกขึ้นและปิดประตูห้องเบาๆ เดินออกจากห้องนอนโดยไม่พูดอะไรสักคำ สีหน้าเรียบตึง
ทันทีที่ประตูรถปิดลง...โหมด ‘แพรพลอย ผู้จัดการมือโปร’ เปิดใช้งาน เธอคว้าโทรศัพท์ขึ้นมากดเร็วเหมือนปืนกลยิงชุด น้ำเสียงเปลี่ยนจากอารมณ์เศร้าเป็นเข้มจัดแบบมืออาชีพในเวลาไม่ถึง 0.3 วินาที
“ฮัลโหล หนิง? ยกเลิกงานทั้งหมดของเฟยเยว่อาทิตย์นี้ให้หมด บอกต้นสังกัดไปว่าเธอไม่สบายหนัก อาเจียนเป็นเลือดก็ว่าไป!”
“แล้วฟิตติ้งพรุ่งนี้ก็แคนเซิล! บอกทีมงานว่าคุณหมอสั่งแอดมิท! เข้าไอซียูไปเลย! ใครโทรมาถาม บอกว่าญาติไม่ให้เยี่ยม!”
เธอหยุดหายใจชั่วครู่ ขบกรามแน่น ก่อนพูดต่ออย่างเฉียบขาด “ห้ามให้ใครเห็นหน้าเธอเด็ดขาด ถ้าใครปล่อยข่าว ฉันจะลากคนปล่อยลงนรกด้วยมือฉันเอง”
เที่ยงของอีกวัน
แสงแดดลอดผ่านผ้าม่านในห้องนอนใหญ่ทาบลงบนเตียงหรูอย่างเงียบงัน ร่างบอบบางใต้ผ้าห่มผืนหนาค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างเชื่องช้าในหัวหนักนิดหน่อย แต่ไม่ได้ถึงขั้นไข้ขึ้นแล้ว ความรู้สึกเหมือนผ่านเหตุการณ์โกลาหลทั้งชีวิตในเวลาแค่วันเดียว...ยังคงค้างอยู่ในอก
เธอลุกจากเตียง เดินเซๆเข้าห้องน้ำ เปิดไฟและเมื่อสายตากระทบเข้ากับเงาในกระจก
ใบหน้าหวานซีดเซียวหยุดนิ่ง ร่างกายเปลือยเปล่าทั้งหมดปรากฏในกระจกบานใหญ่ รอยแดงช้ำยังอยู่ทุกจุด ลำคอมีรอยดูดเป็นปื้นใหญ่ หน้าอกแดงจนเหมือนโดนบีบอย่างไม่ปรานี สะโพกก็มีรอยนิ้วมือจางๆชัดเจนราวกับเขาตั้งใจทิ้งไว้เป็นหลักฐาน
คนตัวเล็กยืนนิ่งอยู่แบบนั้นนานหลายนาที ก่อนจะเอื้อมมือแตะเบาๆที่รอยบนตัว
‘ฉันไม่ได้ฝัน...’
น้ำจากฝักบัวไหลลงช้าๆ เธออาบน้ำอย่างเบามือ พยายามหลีกเลี่ยงร่องรอยพวกนั้นแม้จะไม่รู้ว่าร่างกายนี้เคยผ่านอะไรมา
แต่เธอรู้แน่ชัดอย่างหนึ่ง เมื่อคืนเธอสมยอมเขาเอง
หลังจากอาบน้ำเสร็จ เฟยเลือกใส่เสื้อยืดสีเทา กางเกงขายาวหลวมๆที่หาได้จากลิ้นชักในห้อง พยายามเลือกชุดที่ปิดรอยได้มากที่สุด
แม้จะรู้ว่าร่างนี้คือของ "เฟยเยว่" แต่ความรู้สึกอับอายกลับเป็นของเธออย่างแท้จริง
'ถ้ารู้ว่าไม่ใช่ฝัน...ฉันคงขัดขืนเขาไปแล้ว!'
ร่างบางเดินออกจากห้องนอน กลิ่นอะไรบางอย่างลอยมากระทบปลายจมูก กลิ่นหอมอ่อนๆของขิง
ในห้องครัวเปิดโล่งตรงโซฟาแพรพลอยกำลังยืนต้มข้าวต้มอยู่หน้าเตา ผมสั้นฟูๆ ถูกรวบลวกๆไว้ด้านหลัง เสื้อยืดยับเล็กน้อย ตาแดงๆราวกับไม่ได้นอน
เฟยเยว่ยืนเงียบอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่ง...ก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่ว
“…แพร”
แพรพลอยสะดุ้งเล็กน้อยก่อนหันกลับมา พอเห็นคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอเบิกตากว้าง
“ตื่นแล้วเหรอยะ! แกเล่นสลบไปทั้งวันเมื่อคืน ฉันจะโทรเรียกรถพยาบาลแล้วนะ!” สีหน้าโล่งใจผสมห่วงใยของแพรพลอยชัดเจนสุดๆจนเฟยรู้สึกอุ่นในอก
กลิ่นข้าวต้มหมูร้อนๆคลุ้งไปทั่วบรรยากาศ มันเป็นกลิ่นที่ไม่หรูหราไม่ซับซ้อน แต่กลับทำให้หัวใจเฟยรู้สึกเหมือนกลับบ้าน
คนตัวเล็กนั่งอยู่ที่เก้าอี้ตรงข้ามแพรพลอย สองมือโอบถ้วยข้าวต้มไว้แน่น ไม่ได้พูดอะไรสักคำแม้แต่จะเงยหน้ามองก็ยังต้องใช้แรงใจ
แพรพลอยไม่ซักถาม มีเพียงคำพูดเรียบๆ ขณะตักข้าวต้มใส่ปากตัวเอง
“ฉันยกเลิกงานแกหมดแล้วทั้งสัปดาห์”
เฟยเงยหน้าขึ้นนิดหน่อยเหมือนจะพูดอะไร แต่แพรก็พูดต่อก่อน “แถมบอกต้นสังกัดว่าแกอาเจียนเป็นเลือด แล้วก็เข้าไอซียูไปเรียบร้อย”
ดวงตากลมมองเพื่อนสนิท ค่อยๆหยิบช้อนตักข้าวต้มคำเล็กเข้าปาก ถึงจะร้อน…แต่ก็อร่อยกว่าทุกอย่างที่เธอเคยกินมาในร่างนี้
“พักให้เต็มที่ก่อนนะ ถ้ายังไม่พร้อมจะเล่า...ก็ยังไม่ต้องเล่า”
ร่างบางกะพริบตาถี่ๆกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลอีก มันอาจจะดูเหมือนแค่คำพูดธรรมดา แต่สำหรับคนที่กำลังพังทลายอยู่ข้างใน มันคือกำแพงสุดท้ายที่ยังพยุงเธออยู่
เธอพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะตักข้าวต้มคำที่สองขึ้นมา กินไปพร้อมกับความเงียบอบอุ่น ที่ไม่เคยมีค่ามากเท่านี้มาก่อนในชีวิต