4

1454 Words
มาเรียสเหยียดยิ้มออกมาอย่างเชื่องช้า ขณะที่เอนหลังพิงพนักเบาะหนังราคาแพงที่อยู่ในห้องทำงานของเขา ระหว่างนั้นหูกลับได้ยินเพื่อนสนิทร้องโวยวายเรื่องถูกบังคับให้ไปดูตัวอีกเป็นครั้งที่เท่าไรแล้วเขาก็ไม่คิดสนใจจะจดจำ ราฟาเอลที่คงติดต่อคู่หูที่สนิทที่สุดอย่างอเล็กซิสไม่ได้ รวมถึงเลอานโดรด้วยถึงได้มาจบท้ายที่เขา แน่นอนว่าไคลน์ที่กำลังไปง้อเมียของมันที่เมืองไทยอยู่ในระหว่างนี้จึงไม่ได้ถูกราฟาเอลรบกวน กรรมพวกนั้นเลยตกมาอยู่ที่เขาที่ควรจะได้จัดการงานอย่างสงบสุขในช่วงวันหยุดนี้... “ฉันจะต้องหาทางหนีให้ได้ แกพอจะมีที่กบดานให้ฉันหรือเปล่าแมท ไม่อย่างนั้นฉันต้องถูกแม่ลากคอกลับมาแต่งงานอย่างแน่นอน!” “ฉันไม่ท้าทายอำนาจตระกูลมอนเตรามาโน ไม่อย่างนั้นธุรกิจของฉันที่อิตาลีจะลำบาก” มาเรียสปฏิเสธอย่างหนักแน่น แม้ในความเป็นจริงจะไม่เป็นอย่างนั้นก็ตาม แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นความจริงเพราะมีธุรกิจหลายตัวที่มาเฟียกลุ่มเลสซีของเขาร่วมมือกับมาเฟียกลุ่มมอนเตโรของตระกูลมอนเตรามาโนในอิตาลี บางครั้งการมีเจ้าถิ่นหนุนหลังก็สะดวกสบายกว่าเป็นอย่างยิ่ง นั่นทำให้เขาไม่อยากขัดใจบิดามารดาผู้ทรงอำนาจของเพื่อนสนิท “ไอ้เวร!” ราฟาเอลสบถด่าเขาออกมาอย่างฉุนเฉียว ดูท่าว่าหมอนี่ถ้าเขาตกลงก็คงเอาจริงอย่างแน่นอน คาดว่าสถานการณ์ด้านชีวิตโสดของเพลย์บอยชื่อดังอย่างราฟาเอลจะเข้าขั้นวิกฤติแล้วจริงๆ “แมท แกอย่าใจดำกับเพื่อนฝูงสิวะ รู้ไหมว่ามีแต่แกคนเดียวนะที่จะช่วยฉันได้” “แต่ฉันไม่คิดอย่างนั้นนะ” มาเรียสตอบปฏิเสธหน้าตาเฉยและไม่มีความเห็นใจแม้แต่น้อย อันที่จริงเขาก็คงจะยื่นมือช่วยเหลืออยู่หรอก เซฟเฮาส์ที่เกาะ เคย์แมนที่เขาซื้อเอาไว้ลับๆ ก็พอจะให้หมอนี่ยืมได้อยู่ ถ้าซินญอร์และ ซินญอร่ามอนเตรามาโนจะไม่โทร.มาหาเขาด้วยตัวเองเพื่อขอร้องไม่ให้เขาช่วยเหลือราฟาเอลในเรื่องนี้ ดูท่าไม่เพียงแค่เขา แต่คนอื่นๆ น่าจะได้รับคำขอร้องแบบเดียวกัน อเล็กซิสกับเลอานโดรเลยตัดปัญหาด้วยการหายตัวไปเสียเลยเพื่อไม่ให้ใจอ่อนผิดคำพูดกับบิดามารดาของราฟาเอล ส่วนไคลน์นั้นไม่มีใครกล้าไปกวนหมอนั่นในช่วงนี้ เพราะตัวมันเองก็ยังเอาตัวไม่รอดเลย...เวลานี้จึงรอดตัวไป มาเรียส ราฟาเอล เลอานโดร อเล็กซิสและไคลน์ พวกเขาทั้งห้าพบกันที่ไฮสคูลแห่งหนึ่งที่อังกฤษ จากเด็กเวรเหลือขอทั้งห้าคนแต่มาจากตระกูลดังและมีทรัพย์สมบัติมหาศาล ย่อมไม่มีใครกล้าเรียกพวกเขาว่าเด็กเปรตต่อหน้า อิทธิพลของตระกูลก็ทำให้พวกเขาทั้งหยิ่งผยอง ยโสโอหังและร้ายกาจ จนได้ชื่อว่าเป็นพวกโหดเหี้ยม เย็นชา และไร้หัวใจ ความร้ายกาจของพวกเขาทำให้ใครไม่รู้ริเริ่มเรียกพวกเขาว่าเป็นกลุ่ม ‘ห้าปีศาจ’ ที่โด่งดัง แม้โตขึ้นพฤติกรรมร้ายกาจของพวกเขาจะจางหาย เพียงแต่ว่ามันเปลี่ยนรูปแบบใหม่ต่างหาก ไคลน์ได้ชื่อว่าเป็นพ่อมดการเงินผู้โหดเหี้ยม คนที่ทำได้แม้กระทั่งทำให้บริษัทของแม่ตนเองล้มละลายได้เพื่อการแก้แค้น แน่นอนว่าส่วนหนึ่งได้มาเรียสยื่นมือเข้าช่วยเหลือด้วยก็ตามที ส่วนเขา มาเรียส วาคอนซีเลส เบื้องหน้าเขาคือนักธุรกิจธรรมดาๆ คนหนึ่ง เจ้าของกลุ่มเลสซี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ เมื่อเทียบกันแล้วชื่อเสียงของเขาในสังคมไม่ได้โดดเด่นเพราะเขาต้องการอย่างนั้น แต่เบื้องหลังของเขาคือ ‘ฮาเดส’ หัวหน้ากลุ่มมาเฟียเลสซีที่เป็นอันดับหนึ่งในอเมริกาและลาตินอเมริกา ตลอดจนอิทธิพลของเขาที่แทรกซึมอยู่ในยุโรปด้วยพันธมิตรทั้งสี่กลุ่มซึ่งก็คือเหล่าเพื่อนสนิทของเขานั่นเอง ตั้งแต่ยังเล็กมาเรียสถูกตามฆ่ามาไม่ต่ำกว่าสิบครั้งต่อปี เขาเป็นเด็กคนเดียวที่มีบอดี้การ์ดเยอะที่สุดทั้งๆ ที่เทียบกันแล้วาคอนซีเลสไม่ได้ชื่อเสียงโด่งดังอะไรมากมายนัก แต่คนที่ตามฆ่าเขาส่วนใหญ่มักเป็นมาเฟียกลุ่มคู่อริมากกว่า แน่นอนว่าทุกวันนี้ก็ยังเป็นอยู่อย่างนั้นและสถิติก็เพิ่มมากขึ้นเมื่อเขากลายเป็นหัวหน้ากลุ่มเลสซีแทนบิดาที่ตายไปเพราะถูกลอบฆ่า ซึ่งหลังจากนั้นเขาก็ได้แก้แค้นคืนและล้างบางมาเฟียกลุ่มนั้นออกไปจากสาระบบของโลกมืดไปตลอดกาล... “นี่แกอย่าบอกนะว่าพ่อกับแม่โทร.หาแกเพื่อไม่ให้แกช่วยเหลือฉัน” คำถามนั้นของราฟาเอลแทบจะกลายเป็นเสียงคำรามอยู่รอมร่อ ทว่าหมอนี่ก็ยังพอมีความฉลาดอยู่บ้างเพราะจับได้ถึงคำใบ้ที่เขาส่งไปให้ “อืม...” มาเรียสตอบรับตามตรงไม่ปิดบัง “ฉันถึงไม่สามารถช่วยเหลือแกได้ รวมถึงอเล็กซ์กับเลโอก็ช่วยแกไม่ได้ด้วย” ราฟาเอลสบถยาวเหยียดอย่างไม่ชอบใจ หมอนี่ดูเหมือนจะหัวเสียมากพอดูซึ่งผิดปกติไปจากราฟาเอล เทพบุตรอารมณ์ดีของสาวๆ เหลือเกิน แล้วหลังจากนั้นหมอนั่นก็วางสายไปโดยไม่มีแม้แต่คำล่ำลา ขณะที่มาเรียสได้แต่ส่ายหน้าไปมาช้าๆ ก่อนจะวางโทรศัพท์ลงแล้วก็ลุกขึ้นยืน จากนั้นจึงเดินไปยังกระจกหน้าต่างบานกว้างที่เปิดม่านทิ้งเอาไว้ อากาศข้างนอกในยามนี้เย็นจัดและหิมะกำลังตกหนักส่งผลให้คฤหาสน์วาคอนซีเลสในยามนี้ยิ่งคล้ายกับจะโดดเดี่ยวและเงียบเหงามากยิ่งขึ้น และทำให้มาเรียสเกลียดช่วงเวลาเหล่านี้มากขึ้น ทว่าเขาไม่มีที่ไหนให้ไปนอกจากที่นี่... สำหรับมาเรียส...ที่นี่จึงเรียกได้ว่าเป็นบ้าน สถานที่ที่เขาอาศัยอยู่กับมารดาตั้งแต่เกิดจนกระทั่งอายุแปดขวบ มารดาถูกมาเฟียกลุ่มคู่อริบุกเข้ามาทรมานและฆ่าจนตาย วันนั้นเขารอดตายมาได้ก็เพราะเธอเอาตัวเขาไปซ่อนไว้และปกป้องจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต บิดาของเขาไม่สามารถมาช่วยชีวิตภรรยาของตนเองไว้ได้ทัน ทว่าบางทีมาร์คัสอาจจะไม่รู้สึกอะไรอยู่แล้วกับการตายของภรรยาของเขา เพราะมาร์คัสไม่เคยรักเธอ... หลังจากมารดาเสียชีวิตไป มาเรียสก็อยู่กับพี่เลี้ยงสาวชาวไทยซึ่งเป็นคนสนิทของมารดาก่อนจะถูกส่งไปโรงเรียนประจำที่สวิสเซอร์แลนด์และย้ายไปอยู่อังกฤษ เธอดูแลเขา ดูแลบ้านหลังนี้และทำให้เขารู้สึกว่าตนเองยังพอมีที่ให้กลับมาอยู่ แม้ว่าเขาจะเกลียดช่วงเวลาว่างอย่างนี้จับใจก็ตาม มาเรียสมองหิมะที่กำลังโปรยปรายอย่างเงียบงัน ก่อนจะขมวดคิ้วแน่นเมื่อเห็นร่างเล็กๆ ของคนที่ไม่เจอมานานหลายปีกระทั่งเขาได้รับการไหว้วานจากจิตติมาที่ขอร้องให้พาเธอกลับมาด้วย หญิงสาวกำลังเดินตรงไปยังเบื้องหลังคฤหาสน์ สถานที่นั้นถ้าจำไม่ผิดนั่นเป็นกรงกระต่ายที่หญิงสาวได้ขอร้องเขาที่จะเลี้ยงพวกมันเอาไว้ตั้งแต่ตอนเธอยังเด็ก แต่ในยามที่ย้ายไปทำงานที่นิวยอร์ก เธอกลับไม่ยอมเอาพวกมันติดตัวไปด้วย มาเรียสมองคนที่อยู่ในชุดเสื้อกันหนาวขนฟูฟ่องและเต็มไปด้วยปุยหิมะแล้วอดที่จะเหยียดยิ้มออกมาไม่ได้ สงสัยเธอไปเยี่ยมพวกเดียวกัน ยามเมื่อคิดถึงเธอ มาเรียสรู้สึกว่าตนเองค่อนข้างผ่อนคลาย เด็กสาวหน้าตื่นที่มักทำท่าตื่นตระหนกราวกับกระต่ายนั้นทำให้เขานึกเอ็นดูได้อยู่เสมอ เธอเป็นหลานสาวของจิตติมาที่ย้ายมาอยู่อเมริกาได้สิบกว่าปีแล้ว เขาเห็นเธอตั้งแต่เธอยังเล็กๆ และค่อนข้างเห็นใจเธอเมื่อครั้งหนึ่งเธอถูกลูกหลงของการปะทะกันจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดหากไม่ใช่เขาตัดสินใจช่วยชีวิตเธอเอาไว้ ทว่านั่นเป็นเพราะเขาทำให้เธอตกที่นั่งลำบากต่างหาก แม้ว่านั่นจะเป็นการกระทำที่ออกจะบ้าบิ่นสำหรับคนที่ไม่เคยคิดจะยื่นมือช่วยเหลือใครอย่างเขาก็ตามที และตั้งแต่วันนั้นเขาก็จดจำชื่อเธอได้ เจลกา…
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD