ในแวดวงธุรกิจ ไม่มีใครไม่รู้จักชื่อของ กวิน วิรุฬห์ธนกิจ นักธุรกิจหนุ่มผู้ทรงอิทธิพล เจ้าของอาณาจักรอสังหาริมทรัพย์ระดับหมื่นล้านที่ขยายเครือข่ายครอบคลุมทั่วประเทศ
เขาคือบุรุษผู้เปี่ยมด้วยเสน่ห์ ทั้งใบหน้าหล่อเหลาคมคาย เรือนร่างสมบูรณ์แบบราวกับสรรสร้างโดยประติมากรเอก และที่เหนือกว่านั้นคือภาพลักษณ์แห่งชนชั้นสูงที่ยากจะเอื้อมถึง
กวินคือชายในอุดมคติที่สตรีน้อยใหญ่ทั่วฟ้าเมืองไทยต่างเฝ้าฝันถึง ไม่เว้นแม้แต่สตรีสูงวัยหรือแม่บ้านผู้เพียบพร้อม ต่างล้วนปรารถนาจะได้แนบกายเคียงข้างเขาทั้งนั้น
ทว่า... หัวใจของบุรุษผู้เพียบพร้อมคนนี้ กลับยังไม่เคยมีใครสามารถครอบครองได้เลยแม้เพียงผู้เดียว
เขาไม่เคยควงใครซ้ำเป็นครั้งที่สอง พฤติกรรมของเขาช่างเย็นชาเสียจนผู้คนเปรียบเปรยว่า... หญิงสาวที่เขาเชยชม เป็นเพียงกระดาษทิชชูแผ่นหนึ่ง ใช้แล้วก็ทิ้ง พอถึงเวลาก็หยิบแผ่นใหม่ขึ้นมาแทนที่
เขาเรียบง่าย ไร้อารมณ์ และเย็นชา
กระนั้น... ผู้หญิงมากมายก็ยังคงยินดีสมัครใจเข้ามาในชีวิตเขา แม้จะรู้ดีว่า สิ่งที่ได้รับอาจมีแค่ความสัมพันธ์ “ข้ามคืน” เท่านั้น
ไม่มีใครล่วงรู้ว่าเหตุใด ชายหนุ่มผู้เพียบพร้อมทั้งรูปสมบัติและทรัพย์สมบัติ จึงยังครองความโสดมานานกว่าสามสิบปี
ใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มกระตุกยิ้มเพียงน้อย แต่ในแววตากลับฉายชัดถึงความกรุ่นเกรี้ยว เขามองร่างเล็กตรงหน้า เด็กสาวผิวขาวนวลราวหยาดน้ำนม ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความฝืนกล้ำกลืนต่อข้อเสนอที่กลุ่มเพื่อนของเขาหยิบยื่นให้
กวินยกแก้วเครื่องดื่มสีอำพันขึ้นแนบริมฝีปาก ดื่มรวดเดียวจนหมด หากเป็นคนทั่วไป คงรู้สึกขมฝาดจนสะท้าน แต่ไม่ใช่กับเขา... ชายหนุ่มเติมเหล้าในแก้วอย่างใจเย็น พลางยังจับจ้องร่างเล็กตรงหน้าราวกับเหยื่อที่ไม่มีทางหนี
เขาเกลียดใบหน้าใสซื่อ เกลียดท่าทีไร้เดียงสาที่อีกฝ่ายแสดงออกมา
ในสายตาเขา เหมือนกำลังดูละครฉากหนึ่ง.. ใช้ความบริสุทธิ์เป็นฉากบังหน้าเพื่อจับเหยื่อกระเป๋าหนัก และคงตั้งใจจะขายร่างกายเพื่อแลกกับเงินตราไม่ต่างจากสินค้าในคราบคน เหมือนที่ผ่านๆมา
“ว่าไง น้องคนสวย ถ้าดื่มแก้วนี้ พี่ให้ห้าพัน” เสียงหยอกล้อแฝงความท้าทายดังขึ้นจากรอบโต๊ะ
หญิงสาวแสดงสีหน้าอึดอัด แต่ดวงตากลับเบิกกว้างขึ้นทันทีเมื่อได้ยิน ‘ผลตอบแทน’
กวินยิ้มเยาะในลำคออย่างเยือกเย็น เพราะไม่ว่าใคร... ก็ยากจะต้านทานเงินทองได้
แสงสีในผับมิได้ลดทอนความงดงามของ ณัฐณิชา ไปแม้แต่น้อย ใบหน้าหวานละมุน รูปไข่สมส่วน ดวงตากลมโตสดใส จมูกเชิดเล็ก ๆ ชูให้ริมฝีปากสีชมพูอวบอิ่มดูน่าหลงใหล
ผิวเนียนขาวใสของเธอสะท้อนแสงไฟระยิบระยับ ยิ่งเพิ่มเสน่ห์จนยากจะละสายตา ชุดพนักงานเสิร์ฟธรรมดา ๆ ไม่อาจพรากความเย้ายวนของรูปร่างงดงามโดยเฉพาะทรวงอกคู่โตที่ชูชันราวกับท้าทายให้ใครต่อใครต้องเหลียวมอง
เมื่อถูกยื่นข้อเสนอ หญิงสาวทำสีหน้าเลิกลัก มองแก้วเหล้าเล็ก ๆ ใสสะอาด ราวกับน้ำเชื่อมที่ไร้กลิ่นรุนแรง แต่กลับลอยอบอวลด้วยกลิ่นหอมละมุนแตะจมูกอย่างนุ่ม
ณัฐณิชาเม้มริมฝีปากแน่น ใจอยากถอยห่างจากโต๊ะลูกค้าวีไอพีซึ่งถือเป็นจุดศูนย์กลางของความสนใจในร้าน แต่เธอกลับถูกล้อมรอบด้วยพวกเขาอย่างแน่นหนา
มือเล็ก ๆ ของเธอสองข้างประสานกันแน่น เพื่อรวบรวมความกล้าและลดความหวาดหวั่นที่พานพบในการทำงานเพียงวันแรกนี้
ทว่า... เธอกลับต้องเผชิญกับ “การรับน้อง” จากลูกค้าพวกนี้เสียแล้ว
“ขอโทษค่ะคุณลูกค้า ดิฉันต้องไปเสิร์ฟเครื่องดื่มที่โต๊ะอื่นต่อ ช่วยเปิดทางให้หน่อยได้ไหมคะ?”
เสียงหวานเอ่ยอย่างสุภาพ พร้อมใบหน้าก้มต่ำ แฝงความอ้อนวอนขอความเห็นใจจากผู้ฟัง
“น้องคนสวย ยังไม่บอกชื่อพี่เลยนะ” ชัชวาลเอ่ยเสียงหยอกล้อ มือหนาถือวิสาสะเบา ๆ แตะแขนขาวของณัฐณิชาอย่างแผ่วเบา
หญิงสาวสะดุ้ง หลบถอยออกไปด้วยความตกใจ เธอรู้ดีว่าแท้จริงแล้วตนไม่เหมาะสมกับงานนี้เลย
ความหวาดหวั่นเริ่มกัดกร่อนใจให้สั่นคลอน
สายตาของเธอเต็มไปด้วยความหวาดกลัว น่าสงสารอย่างยิ่ง แต่หนุ่ม ๆ รอบข้างกลับหัวเราะอย่างพอใจในท่าทีเหล่านั้น
‘เล่นละครเก่ง’
นั่นคือคำที่ชายหนุ่มผู้มีใบหน้าหล่อเหลา ทรงอำนาจ กล่าวอย่างเงียบ ๆอยู่ในใจ
“ไอ้ชัช ไอ้ที อย่าไปแกล้งเขาเลย ดูสิ... เธอกลัวจนตัวสั่นแล้วนะ”
กวินวางแก้วเหล้าลงบนโต๊ะด้วยท่าทีจริงจัง พลางหันไปต่อว่าเพื่อนด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
ณัฐณิชายกหน้าขึ้นมองด้วยความโล่งใจ ราวกับได้ยินเสียงสวรรค์ช่วยปลอบประโลม ดวงตากลมโตจ้องสบกับสายตาคมดุดันของเขาอย่างช้า ๆ
“ขอโทษครับ เพื่อนผมเล่นแรงไปหน่อย”
น้ำเสียงอ่อนโยนดุจเทพบุตรผู้ประทานมา ทว่าเบื้องหลังนั้นซ่อนเร้นด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
ณัฐณิชายิ้มรับคำขอบคุณด้วยความจริงใจ
ร่างบางเตรียมจะหันหนีไป แต่ยังไม่ทันได้เคลื่อนไหวก็ถูกหนุ่มแว่นตัวสูงกักกันไว้เสียก่อน
“ไอ้ที ปล่อยน้องเขาไปเถอะ” กวินกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
เมื่อนทีสบตากับเพื่อนสนิท ก็รับรู้ได้ทันทีว่านี่ไม่ใช่คำสั่งจริงจัง
“แต่น้องเขายังไม่ทันได้ดื่มเลยนะโว้ย!” เขาแกล้งโวยวาย จ้องมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างจาบจ้วง ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
“ให้ตายสิแกนี่มัน... เอาเถอะ งั้นเธอช่วยดื่มแก้วนี้ได้ไหม แล้วก็บอกชื่อมาด้วยนะ ฉันให้สองหมื่นเลย”
กวินไม่รอช้า หยิบกระเป๋าตังค์ออกมา ควักแบงก์พันทั้งหมดในกระเป๋าวางลงบนโต๊ะข้างแก้วเหล้าสีใสอย่างไม่ลังเล
เสียงโห่ร้องแซวจากชัชวาลและนทีดังขึ้นราวกับเป็นเรื่องสนุกสนาน
ทุกคนรู้ดีว่าเพื่อนของตนถูกใจเด็กสาวคนนี้เข้าเต็มเปา สองหมื่นบาทนั้น คงเป็นค่าตัวของเธอสำหรับคืนนี้อย่างไม่ต้องสงสัย
“รีบดื่มเถอะ จะได้รีบไปทำงาน” เสียงเทพบุตรคะยั้นคะยอเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลแต่แฝงไว้ด้วยแรงกดดัน
ณัฐณิชาจ้องแก้วเหล้าอย่างลังเล ก่อนจะรวบรวมใจคว้ามาดื่มรวดเดียวจนหมดแก้ว ความแสบและความฝาดปลายลำคอทำให้ร่างเล็กไอเบา ๆ น้ำใสไหลผ่านลำคอพร้อมกับความแสบร้อน
เธอไม่ลืมคว้ากองเงินปึกเล็ก ๆ ที่วางอยู่มาด้วยทันที
แต่เมื่อเธอหันหลังจะกลับ ร่างเล็กกลับเกิดอาการเข่าอ่อน ทรุดตัวลงอย่างช่วยไม่ได้ มือเรียวรีบจับขอบโซฟาไว้ทัน ประคองตัวไม่ให้ล้ม
“ไหวไหมนั่น?”
เสียงหนึ่งในสามหนุ่มดังขึ้นมา ท่ามกลางความมึนงง ณัฐณิชาแยกไม่ออกว่าเป็นเสียงของใคร หูราวกับฟาดฟื้นในความวุ่นวาย เสียงต่าง ๆ แทรกซ้อนกันจนพร่าไปหมด
สายตาเริ่มพร่ามัวคล้ายหมอกหนาทึบ เธอกลั้นใจรวบรวมแรงก้าวเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
ร่างระหงส์ค่อย ๆ พยุงตัวเดินไปยังห้องน้ำ มือเล็กรีบเปิดน้ำเย็น แล้วกวักสายน้ำชโลมใบหน้าลวกๆ
มืออีกข้างจับขอบอ่างอย่างมั่นคง สายตาพร่ามัวจับจ้องใบหน้าตัวเองในกระจก ใบหน้าขาวใสกลับแดงเรื่ออย่างน่าแปลกใจ จมูกโด่งเชิดยิ่งเด่นชัดขึ้นด้วยสีแดงนั้น ดวงตาเลื่อนลอยราวกับคนเมา
และนั่นแหละ... คนในกระจกคือหญิงสาวที่เพิ่งลิ้มลองรสเหล้าแก้วแรกในชีวิต
“ไหวหรือเปล่า...” เสียงทุ้มต่ำ ดังขึ้นจากด้านหลัง
ณัฐณิชาตาเบิกกว้าง หัวใจสะท้านวาบเมื่อเห็นเงาสะท้อนในกระจก เขา...ชายหนุ่มที่ช่วยเธอหันขวับกลับไปโดยไม่ทันยั้งคิด
แรงเหวี่ยงจากการเคลื่อนไหวเร็วเกินไป ทำให้ความมึนงงที่เพิ่งบรรเทาลงพุ่งขึ้นเป็นระลอกใหญ่
โลกหมุนคว้างในพริบตาพาเธอหลุดพ้นจากวงล้อมแห่งความอึดอัด เธอรู้ทันทีว่าร่างกายกำลังจะทรุด ตากลมสวยค่อย ๆ ปิดลงช้า ๆ ยอมจำนนต่อสัญชาตญาณ
รอเพียงแค่...แรงกระแทกจากการล้มที่กำลังจะเกิดขึ้นในวินาทีถัดไป
“อ๊ะ...”
เสียงหลุดออกจากริมฝีปากอย่างแผ่วเบา เมื่อตากลมโตค่อย ๆ ลืมขึ้น
ภาพแรกที่ปรากฏคือแผงอกกำยำของชายหนุ่ม มือหนารวบเอวเธอไว้แน่น กระชับราวกับจะไม่ยอมให้หลุดไปไหน
“ขะ...ขอบคุณค่ะ”
ณัฐณิชาได้สติในชั่ววูบ เธอพยายามผลักอกแกร่งนั้นออกเบา ๆ
ชายหนุ่มกระตุกยิ้มมุมปาก ดวงตาคมเต็มไปด้วยแววเย้ยหยันที่ปิดไม่มิด
“หึ...”
เสียงหัวเราะในลำคอดังเบาแต่กรีดลึก เขาเริ่มเบื่อหน่ายกับละครบทนี้เต็มที
สายตาหวาดหวั่น กับท่าทีเงอะงะที่เพิ่งแกล้งเซล้มตรงหน้าเขา ทุกอย่างช่างถูกจัดวางอย่างบรรจง
การอ่อยเชิญชวนที่แนบเนียนถึงเพียงนี้...มันน่าขันเสียจนแทบหลุดหัวเราะออกมา
“คะ... คุณช่วยถอยออกไปได้ไหมคะ?”
มือเล็ก ๆ กับแรงอันน้อยนิดพยายามผลักร่างของเขาออกห่าง หากแต่ชายหนุ่มไม่สนใจแรงมดของตัวเล็กนั้น เสียงหวานกับริมฝีปากอวบอิ่มที่ขยับเอื้อนเอ่ยราวกับยั่วยวน ยิ่งทำให้เขาหยุดไม่ได้
คนตัวสูงก้มลงประกบปากเล็ก ๆ นั้น ริมฝีปากหนาบดขยี้ลงบนกลีบปากบาง เขาเลียชิมไปทั่ว ก่อนจะสอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากของคนที่อ่อนระทวย
กลิ่นวอดก้าชั้นดียังติดตรึงอยู่ทั่วปาก... ไม่มีการตอบสนองกลับมา ชายหนุ่มจึงถอนปากออก มองร่างเล็กที่คอพับไปแล้ว
“หึ...”
แทนที่จะตกใจ เขากลับกระตุกยิ้ม
ในเมือเธออยากเล่นบทสาวน้อยไร้ประสบการณ์ เขาก็จะจัดให้ตามนั้นก็แล้วกัน