พระอาทิตย์ส่องแสงนวลสีเหลืองทอง ที่ลอยขึ้นจากเส้นขอบฟ้าในขณะนี้ ยังขึ้นช้ากว่าหญิงสาวที่ตื่นขึ้นมา ตั้งแต่พระจันทร์ยังไม่ทำหน้าที่ให้ความมืดมิดของรัตติกาลไม่หมดด้วยซ้ำ เนื่องจากหญิงสาวต้องรีบจัดการหน้าที่ของตัวเองให้เรียบร้อยก่อนเจ้าของบ้านจะตื่นขึ้นมา
ร่างบางอยู่ในชุดเสื้อยืดตัวโคร่งตัวใหญ่ของแดเนียล ยาวลงมาจนเกือบถึงเข่าโดยที่ภายใต้เสื้อยืดนั้นปราศจากชุดชั้นในอย่างที่แดเนียลพูดเอาไว้ตั้งแต่เมื่อวาน
ไม่ใช่เธอทำตามที่ชายหนุ่มต้องการ แต่เพราะเธอซักชุดชั้นในตากเอาไว้ เพื่อสำหรับใส่กลับห้องต่างหาก กำลังอยู่กับหน้าเตาเพื่อเตรียมอาหารให้ชายหนุ่ม
เวลาผ่านพ้นไปเกือบแปดนาฬิกาหนูนาก็ทำงานบ้านเกือบเสร็จทั้งหมดเหลือเพียงผ้าที่เธอซักเสร็จเรียบร้อยยังไม่ได้ตากเท่านั้น
ร่างบางหมุนตัวไปมาอยู่ในห้องครัวเพื่อจัดเตรียมอาหารให้แดเนียล ที่ไม่รู้ว่าป่านนี้ชายหนุ่มจะรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาแล้วหรือยัง
เมื่อจัดการตั้งโต๊ะอาหารเสร็จเรียบร้อย หนูนาจึงเดินออกจากห้องครัวขึ้นไปยังชั้นบนเพื่อปลุกเจ้าของบ้านให้ตื่นขึ้นมารับประทานอาหารเช้าด้วยกัน
หนูนาเคาะประตูห้องนอนของชายหนุ่มไปสองสามครั้งเพื่อเป็นการขออนุญาตเจ้าของห้อง ทว่าภายในกลับไม่มีสียงตอบรับใดๆ กลับมา หญิงสาวจึงลองเคาะประตูห้องไปอีกครั้งพร้อมทั้งร้องเรียกออกไป
“คุณแดน คุณตื่นหรือยังคะ นาทำอาหารไว้ให้ตั้งโต๊ะเสร็จเรียบร้อยแล้วนะคะ” เอ่ยบอกออกไปก็ไม่ลืมจะเอาหูแนบลงไปกับประตูห้อง เพื่อฟังว่าด้านในมีเสียงอะไรตอบกลับมาหรือไม่
และในจังหวะที่หนูนากับลังเอาหูแนบกับประตูห้องนอนอยู่นั้น ประตูที่ปิดสนิทเหมือนจะไม่เปิดออกก็พลันเปิดออกเสียอย่างนั้น
“ว้าย!” คนแอบฟังถึงกับร้องออกมาด้วยความตกใจเมื่อตัวเองเสียหลักเซถลาเข้าไปในห้องจนเกือบจะล้มหน้าคมำลงกับพื้น ยังดีที่มีวงแขนของเจ้าของห้องคว้าเอวไว้ได้ทัน ถึงกระนั้นทั้งคู่ก็ยังพากันเซถอยหลังไปสองสามก้าวกว่าทั้งคู่จะตั้งหลักได้
ส่วนหนูนาเมื่อตั้งหลักได้ก็พยายามขืนตัวออกจากวงแขนแกร่งทว่าแดเนียลกลับไม่ยอมปล่อยยังคงโอบกอดร่างบางเอาไว้แนบกายจนหนูนาต้องยกมือขึ้นมายันแผงอกแกร่งนั้นไว้เอ่ยขอโทษออกไป
“ขอโทษค่ะ พอดีนามาเรียกคุณแดนลงไปทานข้าว แต่ไม่คิดว่าคุณแดนจะเปิดประตูออกมา ก็เลยเสียหลักเข้าไป ขอโทษนะคะ” แดเนียลฟังคำพูดที่พยายามจะอธิบายของคนในอ้อมกอดก็อมยิ้มออกมา ไหนจะหน้าตาเหลอหลา ที่แสดงออกถึงความตกใจและกลัวเขาจะเอาผิดนั้นอีก ทำให้แดเนียลนึกเอ็นดูขึ้นมา หนูนาเวลาปกติกับหนูนาเวลาที่อยู่บนเตียงนอนช่างเป็นคนละคนกันอย่างสิ้นเชิง
เพราะหนูนาในเวลาปกตินั้นช่างเปานสาวไร้เดียงสาที่ตื่นกลัวแลพไม่มั่นใจในตัวเองเอาเสียเลยออกเป็นคนหัวอ่อนสียด้วยซ้ำ ทว่าหนูนาเวลาที่อยู่สงครามพิศวาสกับเป็นหญิงสาวที่เร่าร้อนรุนแรงไม่มียคราบเด็กสาวไร้เดียงสาเลยแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำบางครั้งเป็นผู้นำในเกมพิศวาสเสียด้วยซ้ำ
“ฉันยังไม่ได้ว่าอะไรเธอสักคำ” และคำพูดของแดเนียลก็ทำให้หนูนาถึงกับใจชื้นส่งยิ้มให้ชายหนุ่มอย่างโล่งอก ที่ชายหนุ่มไม่ได้ต่อว่าเธอที่โผล่พรวดพลาดเข้ามาในห้องนอนของเขามิหนำซ้ำยังทำให้เขาเกือบล้มลงไปนั่งที่พื้นด้วยซ้ำ
“ค่ะ”
“หนูนา” เสียงทุ้มที่เอ่ยเรียกออกมาทำให้คนถูกเรียกเงยหน้าขึ้นไปมอง และยังไม่ทันที่เธอจะได้เอ่ยอะไรออกไป ริมฝีปากหยักก็ประกบลงมาปิดเอาไว้เสียแล้ว
แดเนียลชมเม้เรียวปากอิ่มอย่างอ่อนโยนทั้งริมฝีปากบนและล่างอย่างหยอกเย้า ก่อนลิ้นสากจะสอดแทรกเข้าไปในโพรงปากชื้นที่มีรสชาติหวานถูกใจอย่างอ้อยอิ่ง กวาดชิมความหวานที่ซุกซ่อนอยู่ในโพรงปากนั้นอย่างใจเย็นละเมียดละไลชิมรสชาติอยู่อย่างนั้น
เช่นเดียวกับขนมหวานก็ตอบสนองจุมพิตรสหวานนั้นอย่างเต็มอกเต็มใจ แขนเรียวยกขึ้นคล้องลำคอแกร่งเอาไว้ลูบไล้ท้ายทอยของชายหนุ่มแผ่วเบาๆ โดยที่ริมฝีปากของคนทั้งคู่ยังประกบกันดังเดิม เพื่อมอบจุมพิตหวานให้แก่กันและกัน
แดเนียลไม่สามารถปฏิเสธได้เลย ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ทำให้เขามีความสุขจากเมื่อก่อน แม้จะไม่ได้มากมายแต่ก็รู้สึกดีจนไม่อยากให้ความรู้สึกนี้จางหายไป
อยากให้ความสุขนี้ดำเนินต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด และเขาก็ยอมรับว่าเขาถูกอกถูกใจหนูนาตัวเล็กนี้ จนบางครั้งก็เกิดความคิดว่าอยากเก็บเธอเอาไว้เพียงคนเดียว ไม่อยากให้ผู้ชายคนไหนมองเธอเสียด้วยซ้ำ
ส่วนหนูนาก็เช่นเดียวกัน เมื่อความสัมพันธ์ของเธอกับเขาเดินทางมาไกลจนเกินคำว่าเลขากับเจ้านาย และเธอก็คือผู้หญิงที่อ่อนไหวง่าย อีกอย่างเขาก็คือผู้ชายคนแรกของเธอ
แน่นอนว่าเธอย่อมรู้สึกดีกับเขาอย่างแน่นอน ไหนจะรูปร่างหน้าตาของเขาอีกที่ดึงดูดให้เธอหลงไหล ไหนจะรสสวาทที่เขาปรนเปรอให้เธออีก ทำให้เธอพูดออกมาได้อย่างเต็มปาก ว่าเธอหลงไฟราคะที่เขามอบให้เธอ จนแทบจะฝืนความรู้สึกของตัวเองเอาไว้ไม่อยู่
แม้จะพร่ำบอกตัวเองว่าความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นไม่นานก็จะต้องจบ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังแอบหวังอยู่ในใจลึกๆ ให้เขารู้สึกอะไรกับเธอบ้างไม่มากก็น้อย
“อื้อ” เสียงหวานร้องประท้วงออกมา ท่ามกลางจุมพิตที่เริ่มเร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆ ตามแรงอารมร์และความปรารถนาซึ่งกันและกัน ทว่าหนูนนาก็ต้องรีบดึงสติที่หลุดลอยเคลิบเคลิ้มให้หวนกลับมาเพราะกลัวจะเลยเถิดไปไกลจนเธอและเขาจะไม่ได้ทานอาหารเช้าด้วยกัน
แม้จะยังไม่อยากถอนริมฝีปากออกแต่เมื่ออีกคนร้องประท้วงแดเนียลจึงจำใจต้องยอมผละริมฝีปากออกแต่โดยดี แต่ชายหนุ่มยังคงคลอเคลียริมฝีปากอยู่กับใบหน้าของหญิงสาวไม่ห่าง สูดดมความหอมจากกายสาวอย่างหลงไหล ลูบไล้ฝ่ามือตรมแผ่นหลังบางลงมายังบั้นท้ายงอนงาม และบีบขยำลงไปอย่างมันเขี้ยว เรียกเสียงร้องครางจากหญิงสาวออกมาเบาๆ
“อืม...ละ ลงไปทานข้าวเถอะค่ะ เดี๋ยวจะเย็นซะก่อน” คนถูกชวนไปทานอาหารประคองใบหน้าของหญิงสาวเอาไว้ เกลี่ยแก้มเนียนใสเบาๆ สบสายตาใสซื่อของหญิงสาวที่มองมา ริมฝีปากหยักเผยรอยยิ้มกรุ้มกริ่มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์
“ฉันยังไม่หิว อยากกินอย่างอื่นมากกว่า” หนูนารู้ได้ทันทีว่าอย่างอื่นที่ว่านั้นหมายถึงอะไรเพราะไม่ใช่แค่คำพูดเพราะแดเนียลได้กดบั้นท้ายของเธอเข้าหาความใหญ่โตกลางกายของเขาที่เริ่มแข็งขึงขึ้นมา ทำให้หนูนารู้สึกร้อบวูบวาบขึ้นมาความร้อนไหลมารวมกันที่ใบหน้าจนคิดว่าใบหน้าของตัวเองนั้นคงขึ้นสีระเรื่อเป็นแน่
“แต่นาว่าไปทานข้าวก่อนดีกว่าค่ะ” แดเนียลยิ้มกว้างออกมากขึ้นกว่าเดิม เมื่อเด็กของตนนั้นยังยืนยันคำพูดเดิมที่จะทานอาหาร และเขาก็คงไม่ใจร้ายใจดำถึงขนาดจับเธอกินก่อนอาหารเป็นแน่ ไปกินข้าวก่อนก็ดีเหมือนกันแล้วหลังจากนั้นค่อยจับเธอกินยาวๆ
“งั้นก็ไป” หนูนายิ้มหวานออกมา พร้อมกับความรู้สึกโล่งอกเมื่อแดเนีลยอมทานอาหารและไม่จับเธอกินก่อนอาหาร
ร่างบางรีบหมุนตัวออกจากวงแขนแกร่ง และเดินนำชายหนุ่มออกไปจากห้องนอนทันที และรอยยิ้มหวานนั้น ก็ทำให้แดเนียลถึงกับหัวใจกระตุกวูบขึ้นม ามองตามร่างบางที่เดินออกจากห้องไปด้วยรอยยิ้ม เช่นเดียวกันก่อนจะรีบเดินตามหนูนาออกไป
เมื่อมาถึงโต๊ะอาหาร แดเนียลก็นั่งประจำที่ของตัวเอง ส่วนหนูนาก็จัดการตักข้าวต้มที่ตัวเองลงมือทำใส่ในชามให้ชายหนุ่ม พร้อมกันนั้นก็เดินไปกดน้ำร้อนลงในถ้วยกาแฟที่เตรียมเอาไว้ พร้อมทั้งขนมปังปิ้งมาให้ชายหนุ่ม
“วันนี้นาทำข้าวต้มหมูนะคะ เพราะในตู้เย็นมีแต่หมู” แดเนียลพยักหน้ารับ ยื่นมือไปหยิบแก้วกาแฟที่ส่งกลิ่นหอมกรุ่นขึ้นมาจิบ
“วันนี้มานั่งข้างฉันนี่มา” เอ่ยบอกคนที่กำลังจะเดินไปนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับตัวเอง ห
นูนาจึงเปลี่ยนทิศทางเดินมายังเก้าอี้ที่ว่างข้างแดเนียล โดยไม่ลืมจะหยิบชามข้าวต้มและแก้วน้ำของตัวเองติดมือมาด้วย โดยเลือกที่จะเก็บความสงสัยเอาไว้ไม่เอ่ยถามออกไปว่ าทำไมแดเนียลถึงให้เธอย้ายมานั่งข้างกันทั้งที่ก่อนหน้านั้นต่างคนก็ต่างนั่งที่ของตัวเองทั้งนั้น
และในจังหวะที่หนูนากำลังจะนั่งลงเก้าอี้ แดเนียลก็ดึงเก้าอี้ของหญิงสาวเข้ามาใกล้จนชิดกับของตัวเอง นั่นยิ่งทำให้หนูนาไม่เข้าใจหนักมากกว่าเดิม คิ้วเรียวเผลอขมวดเข้าหากันอย่างลืมตัว มองหน้าชายหนุ่มด้วยความสงสัย
“นั่งลงสิ” เอ่ยบอกออกไปพร้อมทั้งยกมือขึ้นมาพาดบนพนักของเก้าอี้ และแน่นอนว่าหนูนาไม่มีทางปฏิเสธได้ จึงนั่งลงตามที่ชายหนุ่มบอก และเมื่อหญิงสาวนั่งลงแดเนียลก็เลื่อนมือที่พาดอยู่บนพนักของเก้าอี้ลงโอบเอวคอดของหญิงสาวเอาไว้พร้อมกับลูบไล้เอวคอดนั้นไปมาเบาๆ
“หนูนาป้อนข้าวฉันหน่อยสิ” น้ำเสียงทุ้มติดไปทางออดอ้อนของแดเนียล ทำให้หนูนาถึงกับหันขวับมองเจ้าของคำพูดนั้นทันที ริมฝีปากอิ่มเผลอเม้มเข้าหากันเมื่อเห็นสายตาเว้าวอนที่มองมา ยิ่งทำให้จังหวะหัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นจากเดิม
“แต่คุณแดนก็มีมือนี่คะ” อ้อมแอ้มยอกย้อนกลับไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ และนั่นจึงทำให้แดเนียลยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดีที่ถูกหนูนายอกย้อนเข้าให้
“มือฉันไม่ว่าง กำลังกอดเธออยู่ ส่วนอีกข้างก็ขี้เกียจจับช้อน เห็นไหมว่ามือฉันไม่ว่างแล้ว นะหนูนา ป้อนฉันหน่อย” น้ำเสียงออดอ้อนขนาดนี้มีหรือที่หนูนาจะทัดทานไหว หัวใจอ่อนยวบลงในทันใด พยักหน้ารับตอบกลับไป ยื่นมือมาตักข้าวต้มในชามของชายหนุ่มและนำไปจ่อที่ปาก
ส่วนคนขี้อ้อนก็อ้าปากรับแต่โดยดี รู้สึกว่าข้าวต้มวันนี้รสชาติดีกว่าทุกครั้งที่ทาน ส่วนมือที่โอบเอวคอดก็เริ่มไม่อยู่นิ่ง เริ่มสำรวจร่างงามข้างกายลูบไล้สีข้างไปเรื่อย
ส่วนมืออีกข้างก็สอดเข้าไปในชายเสื้อยืดที่หญิงสาวสวมใส่ วางฝ่ามือหนาลงบนหน้าท้องของหญิงสาว ทำให้หนูนาถึงกับร้อนวูบวาบขึ้นมาบริเวณหน้าท้องเหมือนมีมวลสารกำลังบิดตัวเป็นเกลียวอยู่ด้านใน
“คุณแดนคะ” เอ่ยเรียกชายหนุ่มออกไป เมื่อคนที่บอกว่ามือไม่ว่าง เริ่มจะใช้มือรุ่มร่ามกับร่างกายของเธอเสียแล้วในตอนนี้
“มีอะไร เรียกฉันทำไม” ไม่ใช่แค่พูดแต่มือหนายังลูบไล้สูงขึ้นมายังทรวงอกอวบที่ปราศจากชุดชั้นในนั้น ใช้นิ้วสะกิดยอดอกของหญิงสาวเบาๆ จนร่างามสั่นสะท้านรีบคว้ามือของของชายหนุ่มเอาไว้
“คุณแดนเอามือ อะ ออกไป...อื้อ...ได้ไหมคะ” หนูนาเอ่ยออกมาติดๆ ขัดๆ เมื่อมือหนาเขี่ยยอดอกของเธอเร็วขึ้นจากเดิมจนเธอเสียววูบวาบขนลุกเกรียวไปทั้งตัว ส่วนคนถูกขอร้องให้เอามือออกกลับยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาใบหน้าคมขยับเข้ามาใกล้เอ่ยกระซิบออกมา
“ได้สิ แต่ต้องมีข้อแม้นะ” หนูนาหันกลับไปถามในทันที
“อะไรคะ” คนเจ้าเล่ห์ยิ้มออกมาอีกครั้ง เอ่ยกระซิบชิดใบหู
“เธอต้องให้ฉันกินนมเธอก่อน”