บทที่ 1
ข้อตกลง
สมาร์ตโฟนราคาแพงแผดเสียงรบกวนการพักผ่อนของคนที่เพิ่งได้นอนตอนตีสี่ พัชรีนาฎคลำมือสะเปะสะปะหาที่มาของเสียง เมื่อคว้าได้ก็กดรับและกรอกเสียงที่คล้ายกำลังละเมอลงไป เธอไม่ได้ดูด้วยซ้ำว่าคนที่โทรเข้ามาเช้าขนาดนี้คือใคร
“ฮัลโหล”
[น้องพริกยังไม่ตื่นเหรอคะ ?]
“อือ ใครอะ” เธอถามกลับเสียงสะลึมสะลือ ขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อยเพราะเสียงตอบโต้ที่ดังเข้ามาในโสตประสาทตอนนี้เป็นเสียงผู้ชาย แต่กลับพูดลงท้ายด้วยคำว่า ‘คะ’ หากเธอก็ง่วงเกินที่จะลืมตามาดูชื่อของเจ้าของเสียงบนหน้าจอ
[พี่เอง วันนี้เรามีนัดกัน จำไม่ได้เหรอคะ]
ลงท้ายด้วยคะอีกแล้ว แล้วนัดอะไร วันนี้เธอมีนัดกับใคร...
ทว่าพอนึกทบทวนดูดี ๆ ไม่นานดวงตาคู่สวยทั้งสองข้างก็เบิกพรึ่บขึ้นมา หลังจากนึกได้ว่าวันนี้เธอมีนัดกับใคร หญิงสาวเอาโทรศัพท์ที่แนบหูออกมาดูชื่อ เป็นเขาจริง ๆ ด้วย
“พี่อรรถเหรอคะ”
[ค่ะ พี่เอง น้องพริกลืมนัดของเราเหรอ]
“ไม่ลืมค่ะไม่ลืม ตอนนี้พี่อรรถอยู่ไหนคะ” ร่างบางดีดตัวลุกขึ้นนั่ง ยกมือลูบหน้าตัวเองแรง ๆ ทีหนึ่งเพื่อปลุกให้ตื่นเต็มตา ดึงโทรศัพท์ออกมาดูเวลาอีกครั้ง ก่อนจะตาโตขึ้นอีกเมื่อเห็นว่าเลยเวลานัดมาหนึ่งชั่วโมงเต็ม ๆ แล้ว
นี่เธอหลับไม่รู้เรื่องเลยเหรอเนี่ย!
พัชรีนาฎไม่ได้ลืมนัดจริง ๆ เพียงแต่ว่าหลับลึกเกินไปหน่อย ชนิดที่ว่านาฬิกาปลุกที่ตั้งไว้หลายรอบไม่ดังเข้าโสตประสาทเลยสักรอบ
[พี่อยู่ข้างล่าง นั่งรอน้องพริกมาหนึ่งชั่วโมงแล้วค่ะ โทรหาตั้งหลายสายก็ไม่รับ] น้ำเสียงของเขาฟังดูอ่อนใจนิดหน่อย หากยังอยู่ในโทนปกติ ไม่ได้ฟังดูโกรธหรือโมโหที่ต้องนั่งรอนานถึงหนึ่งชั่วโมง แต่กระนั้นเธอก็ไม่ได้รู้สึกผิดน้อยลง
“คือ...พอดีว่าพริกหลับเพลินไปหน่อยน่ะค่ะ แหะ ๆ”
[ฟังจากเสียงพี่ก็รู้แล้วค่ะ แล้วจะยังไงดี เราจะใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวประมาณกี่นาที]
“หนึ่งชั่วโมงค่ะ พริกขอเวลาหนึ่งชั่วโมงขาดตัว ไม่เกินนี้แน่นอน” เธอบอกอย่างหนักแน่น ระหว่างนั้นก็ก้าวขาลงจากเตียง สับเท้าเร็ว ๆ เดินไปยังโซนแต่งตัว คว้าผ้าขนหนูมาพาดบ่าเตรียมจะเข้าไปอาบน้ำ “ขอโทษนะคะที่ทำให้พี่ต้องรอ พริกจะรีบให้สุดชีวิตเลยค่ะ”
[ดีค่ะ แต่ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้ พี่รอได้ วันนี้ไม่ได้รีบไปไหน ว่าแต่จะให้พี่รอที่ไหน ตอนนี้พี่อยู่ลอบบีคอนโดเราเนี่ย]
ยังไม่ทันที่สมองจะได้คิดให้ถี่ถ้วน ปากไว ๆ ก็เสนอสถานที่แรกที่ผุดขึ้นมาในหัว “พี่อรรถขึ้นมารอบนห้องพริกไหมคะ”
ขาที่กำลังจะก้าวเข้าห้องน้ำพลันชะงักกึก เมื่อนึกถึงความเหมาะสม เป็นสาวเป็นแส้แต่ชวนผู้ชายขึ้นห้องเนี่ยนะ เขาจะมองว่าเธอเป็นคนอย่างไรหรือจะมองว่าเธอกำลังอ่อยหรือเปล่า
...แต่ช่างเหอะ อีกไม่กี่สัปดาห์ก็จะหมั้นกันอยู่แล้ว คงไม่น่าเกลียดหรอก
[น้องพริกอยู่ห้องไหนครับ] ปลายสายตอบกลับมา เดาว่าเขาคงไม่คิดอะไร หรือไม่ก็เคยขึ้นห้องผู้หญิงจนชินแล้ว
พัชรีนาฎสะบัดหัวแรง ๆ ไล่ความรู้สึกที่คล้ายจะหึงออกไป ก่อนหน้านี้เธอกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย มีสิทธิ์อะไรไปหึงเขากัน แม้ตอนนี้จะมีสถานะเป็น ‘ว่าที่คู่หมั้น’ แต่ก็ไม่ควรหึงอยู่ดี เพราะมันเป็นอดีตที่ผ่านมาแล้ว
“เดี๋ยวพริกลงไปรับค่ะ มันต้องใช้คีย์การ์ดขึ้นลิฟต์” เธอบอกแล้วพาดผ้าขนหนูไว้ที่เดิม เดินไปสำรวจตัวเองหน้ากระจก รวบผมมัดเป็นมวยลวก ๆ ไว้กลางศีรษะ พอเรียบร้อยก็เดินกลับเข้าไปในห้องนอน แล้วหยิบแว่นกรองแสงซึ่งวางไว้ข้างเตียงนอนขึ้นมาใส่อำพรางใบหน้าเปลือยไร้เครื่องสำอาง จากนั้นก็ลงไปรับว่าที่คู่หมั้นสุดหล่อสุดฮอตของตนทันที
อรรถกรที่นั่งรอมาร่วมชั่วโมงยืนขึ้นเต็มความสูงร้อยแปดสิบสามเซนติเมตรพร้อมรอยยิ้มทันที เมื่อเห็นร่างบอบบางคุ้นตาของคนที่ตนนัดเอาไว้เดินออกมาจากลิฟต์และกำลังเดินเข้ามาหา ชายหนุ่มมองคนที่ยังอยู่ในชุดนอนด้วยแววตาเอ็นดู อยากจะโกรธอยู่หรอกที่อีกฝ่ายทำให้เขาต้องรอนาน ทั้งยังเสียเวลานอน
ทว่าพอเห็นใบหน้าพริ้มเพราภายใต้กรอบแว่นที่ติดจะง่วง ๆ ของคนตัวเล็กซึ่งเขาเอ็นดูเหมือนน้องสาวก็โกรธไม่ลง เพราะตั้งแต่ที่รู้จักกันมาหลายปีในฐานะน้องสาวของเพื่อนสนิท เธอก็ป้ำ ๆ เป๋อ ๆ อย่างนี้แหละ
ไม่แปลกที่จะถูกไตรวิทย์ตั้งฉายาให้ว่า ‘ยัยเอ๋อ’
“สวัสดีค่ะพี่อรรถ พริกขอโทษนะคะที่ทำให้รอนาน” เดินมาถึงเธอก็ยกมือไหว้ทักทายด้วยสีหน้าและแววตารู้สึกผิด ยิ่งทำให้อีกฝ่ายโกรธไม่ลงสักนิดเดียว
“ไม่เป็นไรค่ะ ว่าแต่เมื่อคืนไม่ได้นอนเหรอคะ ดูเพลียเชียว”
“ช่วงนี้พริกนอนไม่ค่อยหลับค่ะ เมื่อคืนกว่าจะหลับก็ตีสี่กว่า ๆ เลย”
“มีเรื่องเครียดเหรอ” ชายหนุ่มถามต่อ
“ก็เรื่องงานแหละค่ะ พริกต้องคิดคอนเทนต์ทุกวัน มันก็วน ๆ อยู่ในหัว ตีกันวุ่นวายไปหมด” พัชรีนาฎตอบความจริงเพียงแค่ครึ่งเดียว ส่วนอีกครึ่งเธอไม่แน่ใจเลยว่ามันเป็นความเครียดหรือความตื่นเต้นกันแน่ แต่ก่อนนอนเธอก็มักจะคิดถึงมันทุกคืน จินตนาการว่าชีวิตจะเป็นอย่างไรหรือจะเปลี่ยนไปแค่ไหน หากต้องหมั้นกับผู้ชายที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้า...คนที่เธอแอบปลื้มมานานแสนนาน
“ชีวิตอินฟลูฯ อะเนอะ” อรรถกรเอ่ยแซวยิ้ม ๆ เป็นยิ้มที่เต็มไปด้วยความชื่นชม เขารู้จักกับพัชรีนาฎตั้งแต่เธอยังเรียนอยู่ม. ต้น จนตอนนี้เธอโตเป็นสาวเต็มตัว ทั้งยังประสบความสำเร็จกับเส้นทางที่ตนเองเลือก เธอเก่งมาก เขายอมรับเลย
ทว่าในสายตาของเขา ถึงเธอจะเติบโตและเก่งกาจแค่ไหน เขาก็ยังมองเธอเป็นเด็กเอ๋อของพี่ชายอยู่ดี แม้ว่าเขาจะเป็นพี่ชายที่ไม่แท้ก็ตาม
“ว่าแต่พี่อรรถทานข้าวมาหรือยังคะ” พัชรีนาฎเอ่ยถามหลังเปิดประตูให้เขาเข้ามาในห้อง มือบางคว้ารีโมตมาเปิดเครื่องปรับอากาศในห้องนั่งเล่นเอาใจแขก ปกติเธอไม่ค่อยใช้งานแอร์ห้องนี้หรอก เพราะหลัก ๆ จะนอนกลิ้งในห้องนอนมากกว่า
อรรถกรส่ายหน้าพร้อมตอบด้วยรอยยิ้มตามเดิม “ปกติพี่ไม่ค่อยทานมื้อเช้า เลยยังไม่ค่อยหิวค่ะ”
หญิงสาวพยักหน้ารับรู้ พลันนึกขึ้นมาได้ว่าส่วนใหญ่ว่าที่คู่หมั้นของเธอมักจะใช้ชีวิตตอนกลางคืน ตอนเช้า ๆ เขาคงไม่ตื่น แต่ที่ตื่นมาวันนี้ก็เพราะมีนัดเดตกับเธอ และเธอกำลังทำให้เขาเสียเวลานอนไปโดยเปล่าประโยชน์
เมื่อคิดได้อย่างนั้นเธอจึงรู้ตัวว่าควรรีบไปจัดการตัวเองเสียที ก่อนที่จะเสียเวลากันไปมากกว่านี้
“งั้นพี่อรรถตามสบายเลยนะคะ พริกขอตัวไปอาบน้ำก่อน หรือถ้าหิวก็เปิดตู้เย็นได้เลย น่าจะมีอะไรให้รองท้องได้บ้าง”
“ค่ะ น้องพริกไปอาบน้ำเถอะ ไม่ต้องห่วงพี่” ชายหนุ่มบอกตามนิสัยที่เป็นคนง่าย ๆ ไม่เรื่องมาก ดวงตาคู่คมมองตามแผ่นหลังบอบบางที่หายเข้าไปในห้องนอน ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบา ๆ อย่างรู้สึกเหนื่อยใจกับเรื่องที่กำลังเผชิญ แต่ก็มั่นใจว่าตนสามารถจัดการได้แน่นอน