ตอนที่1 ของต้องห้าม!
ตอนที่1 ของต้องห้าม!
“ไอ้เพลิง มึงมีเรื่องเครียดอะไรวะ”
คำถามห่วงใยจากเพื่อนสนิท ไม่ได้ช่วยทำให้รู้สึกดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย กลับกันยิ่งเพิ่มความตึงเครียดให้เขาเพิ่มขึ้นไปอีก จนต้องยกแก้วออนเดอะร็อกในมือกรอกปากระบายความอึดอัดที่กำลังพุ่งสูง
‘กูพึ่งเจาะไข่แดงน้องสาวมึงมา’ หรือ ‘กูนอนกับน้องมึงวะ’
คำตอบที่อยู่ภายในใจเป็นหมื่นล้านคำ
เพลิงนิลไม่รู้ว่าจะหาคำตอบแบบไหนมาตอบ ถึงจะไม่โดนหมัดของเพื่อนสนิทซัดเข้าที่หน้า หรือประเคนตีนให้เขา หนักกว่านั้นมันคงเอาปืนมาเพ่งกระบาล ไม่สิถ้ามันรู้เรื่องจริงๆน่าจะเปลี่ยนเป็นยิงกระบาลเขาแทนมากกว่า
เรื่องมันพึ่งเกิดขึ้นสดๆร้อนๆเมื่อไม่นานมานี้ หากย้อนเวลากลับไปได้เพลิงนิลจะไม่ใช้ไอ้ตัวดีที่ห้อยโตงเตงอยู่ระหว่างขา คิดแทนสมองอันชาญฉลาดของเขาเลยแม้แต่นิดเดียว
แม่งเอ๊ย! เพราะความเ****นแท้ๆ ที่ทำให้เขาต้องมานั่งกุมขมับอยู่แบบนี้
ผู้หญิงมีเป็นร้อยเป็นพันให้เลือกไม่เอา เสือกลากน้องสาวเพื่อนสนิทขึ้นเตียง
รู้ไปถึงหูปุริมเมื่อไหร่ ก็รอหาหลุมเตรียมฝังกลบเขาลงไปได้เลย
เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อสองอาทิตย์ก่อน
โดยปกติเพลิงนิลและปุริม มักจะมาดื่มสังสรรค์กันที่ผับของกีรติ เพื่อนสนิทในกลุ่มที่เรียนมาด้วยกันตั้งแต่มัธยมจนเข้ามหาวิทยาลัย ที่จริงกลุ่มของพวกเขามีกันสี่คน
นอกจากทั้งสามคนที่เอ่ยมาแล้วยังมีเวธัสอีกคน รายนั้นหลังจากเรียนจบก็หายหน้าหายตาไปเพราะเรื่องธุรกิจที่บ้าน พึ่งจะกลับมาพบปะเพื่อนฝูงเมื่อไม่นานมานี้
ประเด็นมันอยู่ที่คืนวันนั้น วันที่ต้องนัดสังสรรค์กันตามปกติแต่ทว่าปุริมกับกีรติกลับเบี้ยวนัด โดยให้เหตุผลว่าติดธุระทั้งที่ความเป็นจริงคือพวกมันแค่กำลังติดหญิง เลยเทนัดเขาแบบกะทันหันทั้งคู่
เห็นสาวดีกว่าเพื่อน ประเสริฐแท้ไอ้เพื่อนเวร!
เพลิงนิลไม่คิดจะขับรถกลับให้เสียเที่ยว ใช้ความเป็นเพื่อนสนิทเจ้าของร้านเปิดบิลเหล้าที่แพงที่สุด แล้วลงชื่อป๋าสายเปย์อย่างกีรติ โทษฐานที่มันกล้าเบี้ยวนัดเขา ส่วนปุริมรายนั้นเขี้ยวง่ายค่อยจัดการทีหลัง
“ปล่อย…”
กำลังดื่มอยู่เพลินๆก็มีคนคุ้นตากำลังถูกผู้ชายสองคนฉุดกระชากลากถู ทีแรกเขาตั้งใจจะปล่อยผ่านแต่ทว่าพอมองดีๆ คนที่กำลังถูกลากไปคือน้องสาวเพื่อนสนิท ที่ดูท่าจะเมาเละกำลังขัดขืนด้วยแรงอันน้อยนิด
เห็นดังนั้นเพลิงนิลจึงต้องออกโรง เรียกการ์ดของร้านมาจัดการและลากน้องสาวตัวแสบของปุริมให้กลับมานั่งที่โต๊ะกับเขา
“ทำไมเมาขนาดนี้ปิ่น ไอ้ปืนมันรู้หรือเปล่าว่ามากินเหล้า”
เขาเอ็ดน้องสาวเพื่อนที่นอนพิงพนักโซฟา เป็นสาวเป็นแส้ใครสั่งใครสอนให้ดื่มจนเมาไม่มีสติ ถ้าเป็นน้องสาวเขานะ จะฟาดให้ก้นลาย
“ปิ่น กลับบ้าน” เขาเขย่าตัวปาลีเรียกสติ
รายนั้นนอกจากจะไม่ฟังแล้วยังปัดมือเขาออก พยุงตัวขึ้นมานั่งแล้วยกแก้วเหล้าเข้มๆที่เขาพึ่งผสมให้ตัวเอง เข้าปาก
“แค่กๆ”
สม
รู้ว่าตัวเองคออ่อนแต่อยากลองของแรง ไม่สำลักจนคอแดงก็ให้มันรู้ไป
“เปื้อนหมดแล้ว”
ด้วยความสังเวช ที่ต้องมาเห็นคุณหนูไฮโซอยู่ในสภาพเหมือนผู้หญิงขี้เมา เพลิงนิลจึงหยิบทิชชูมาช่วยเช็ด น้องสาวเพื่อนตัวดีใส่เสื้อยืดสีขาวมาพอมันโดนน้ำก็เปียก เห็นไปถึงชั้นในสีดำที่อยู่ด้านใน
เขาไม่ได้ตั้งใจดูหรอกแต่เผอิญเป็นคนตาดี ทรวดทรงก็ใช่ว่าจะใหญ่อะไรมากมาย มีแค่พอประดับไว้ให้รู้ว่าเป็นผู้หญิง
เห็นแบบนี้แล้วก็ถอนหายใจอย่างระอา หากเมื่อครู่ไม่ใช่เขาเจอเข้าเสียก่อน ป่านนี้ปาลีจะป่นปี้แค่ไหน ถึงจะไม่ค่อยชอบหน้าเพราะน้องสาวเพื่อนมีนิสัยเอาแต่ใจ แต่เขาก็ไม่ใช่คนใจร้ายไส้ระกำพอที่จะซ้ำเติม ถ้ามันเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นมาจริงๆ
ปกติเพลิงนิลไม่ยุ่งเรื่องปาลี แต่ทว่าเรื่องนี้คงต้องเล่าให้ปุริมรับทราบ หากเกิดเหตุการณ์แบบนี้ในครั้งต่อไป เรียกเทวดาลงมาทั้งสวรรค์ก็คงช่วยไม่ได้ เพราะทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับการกระทำของปาลีเอง
“พี่เพลิง”
น้ำเย็นๆที่จับกรอกปากเมื่อครู่คงพอที่จะช่วยให้ปาลีมีสติ หญิงสาวเรียกชื่อเขาเสียงแผ่ว ต่างจากปาลีตัวร้ายที่แสนเอาแต่ใจ
“ยังดีที่จำชื่อพี่ได้ เมื่อกี้เกือบโดนฉุดแล้วรู้ตัวหรือเปล่า ทำไมมาดื่มคนเดียวแถมยังเมาหนักขนาดนี้”
อดไม่ได้ที่จะต่อว่าความประมาทเลินเล่อของน้องสาวเพื่อน
“ฮึก ฮึก”
พูดไปประโยคเดียวก็ร้องไห้ จากที่ตั้งใจจะให้โอวาทอีกหลายคำ กลายเป็นว่าเพลิงนิลต้องมานั่งปลอบคนที่เอาแต่นั่งร้องไห้สะอึกสะอื้น
“พี่เวย์เขา ฮึก พี่เวย์เขาเกลียดปิ่น”
เพลิงนิลถอนหายใจหนักเป็นครั้งที่สอง พอจะรู้สาเหตุที่ทำให้ปาลีมานั่งดื่มเหล้าย้อมใจอยู่คนเดียว เขารู้ว่าปาลีแอบชอบเวธัส เธอพยายามรบเร้าขอช่องทางติดต่อจากเขาอยู่หลายครั้ง น้องสาวของปุริมคิดไม่ซื่อกับเพื่อนสนิทพี่ชาย ตัวเขาเองก็รับรู้มาตลอด
และที่กำลังร้องไห้โฮอยู่ตอนนี้คงโดนเวธัสใช้ไม้แข็งตอบกลับมา โทษฐานที่ไปยุ่งกับคนรักของมัน
เสียงสะอื้นเจ็บปวดของปาลีดูน่าสงสารจนเพลิงนิลผลักไสไม่ลง เขาเอนหัวน้องสาวเพื่อนลงมาซบที่ไหล่ หยิบทิชชูช่วยเช็ดน้ำตา เรื่องของความรักมีคนสมหวังมันก็ต้องมีคนผิดหวัง เขาเองก็เคยผ่านมา
“เลิกร้อง ไม่อายพี่หรือไงมาร้องไห้เป็นเด็กๆไปได้”
คนที่ซบตรงไหล่ส่ายหน้า หยิบทิชชูมาเช็ดน้ำตาของตัวเอง
“ปิ่นผิดตรงไหน ฮึก” ปาลีคร่ำครวญ
“ไม่มีใครผิดหรอก มันมีแต่เรารักเขาและเขารักเราหรือเปล่า แค่นั้น”
“พี่เพลิง…”
ปาลีเงยหน้าขึ้นมองเขา ดวงตากลมยังมีก้อนน้ำตาคลอเบ้า
“อยากดื่มไหม” เห็นปาลีเงียบไปเพลิงนิลก็เป็นฝ่ายเอ่ยถาม
คนตัวเล็กพยักหน้า เพลิงนิลจึงเรียกพนักงานให้เอาค็อกเทลมาเสิร์ฟแทน เพราะถ้าปาลีกินเหล้าแบบเดียวกับเขาคงเมายาวไปถึงพรุ่งนี้
เพลิงนิลนั่งดื่มกับปาลีอยู่สักพัก คนข้างกายดื่มไปร้องไห้ไป เขาปล่อยให้คนอกหักคร่ำครวญเสียให้พอ ส่วนตัวเขาก็ดื่มไปฟังไป ช่วงไหนปาลีเงียบเขาก็ฟังเพลง ช่วงไหนปาลีพล่ามเขาก็เออออไปตามเจ้าหล่อน
“พี่เพลิง”
เสียงเรียกที่ทำให้เจ้าของร่างสูงเกือบร้อยเก้าสิบต้องหันมามอง ไม่รู้ดื่มกันไปนานแค่ไหน จากที่ปาลีนั่งเบียดอยู่ข้างๆถึงได้เข้ามาแนบชิดอยู่ในอ้อมแขน
“ถ้าปิ่นแก้ผ้าต่อหน้าพี่ พี่จะเอาปิ่นไหม”
เพลิงนิลไม่รู้เลยว่าปาลีตกตะกอนความคิดพวกนี้ออกมาถามเขาได้ยังไง เขาเป็นเพื่อนพี่ชายเธอและยังเป็นเพื่อนของผู้ชายที่เธอแอบรักอีกด้วย
ดวงตาที่จ้องมองมาสั่นระริก ไม่รู้ว่าเวธัสจัดการถึงขั้นไหน เธอถึงได้ตกอยู่ในสภาพแบบนี้
“พี่ก็เอาปิ่นไม่ลงสินะ หึปิ่นคงเป็นตัวน่ารังเกียจสำหรับพวกพี่”
ไปกันใหญ่แล้ว
ถ้าไม่ติดว่าปาลีเป็นน้องสาวเพื่อน ป่านนี้เขาคงจับเธอมาจูบสนองความอยากไปนานแล้ว ไม่ปล่อยให้มานั่งตัดพ้อเสียเวลาอยู่แบบนี้หรอก
“ปิ่นเมาแล้วก็อย่าพูดจาเลอะเทอะ ไปกลับพี่จะไปส่ง”
“ไม่เป็นไร ถ้าพี่ไม่เอาปิ่น ปิ่นก็จะไปถามคนอื่น ว่ามีใครอยากได้ปิ่นบ้าง”
เอาแต่ใจฉิบหาย!
ถึงได้บอกไงว่าเขาไม่อยากยุ่ง
ปาลีเปรียบเสมือนไข่ในหินของบ้านดิลกพร ด้วยพื้นฐานครอบครัวที่มั่งคั่งร่ำรวย เธอยังเกิดมาเป็นลูกสาวคนสุดท้องของบ้าน การเลี้ยงดูแบบพะเน้าพะนอเอาใจตั้งแต่เล็กจนโตทำให้ปาลีกลายเป็นคนเอาแต่ใจอย่างร้ายกาจ
“ปิ่นอย่ารั้น พี่จะเรียกไอ้ปืนมารับ”
“ไม่เอา พี่เพลิงจะไปไหนก็ไป รังเกียจกันนัก ปิ่นก็จะไปหาคนอื่น”
เพลิงนิลจิ๊ปากหงุดหงิด ไม่สั่งสอนสักทีคงไม่หลาบจำ!
เขาลากปาลีออกจากคลับ เพลิงนิลถือคติดื่มแล้วไม่ขับ จึงเรียกรถแท็กซี่แล้วยัดน้องสาวเพื่อนเข้าไปในรถก่อนจะตามเธอเข้าไปด้านในห้องโดยสาร พร้อมกับบอกคนขับให้พาไปยังโรงแรมที่ใกล้ที่สุด
ในเมื่อปุริมสั่งสอนน้องสาวตัวเองได้ไม่ดี เพื่อนสนิทอย่างเขานี่แหละ จะช่วยอบรมสั่งสอนเด็กนิสัยเสียคนนี้แทน
“ถอดเสื้อผ้าออก”