วัณณ์ฎา5

2739 Words
ทางด้านปืนหลังจากนั่งกินข้าวที่แคร่ไม้หน้าบ้านอิ่ม ก็เตรียมยกสำรับไปเก็บในครัว ทว่าเป็นจังหวะที่ปันน้องสาวเพียงคนเดียวกำลังจะไปอาบน้ำ จึงรีบเอ่ยเรียกพร้อมกับบอก “ปันเอากับข้าวไปเก็บในครัวให้อ้ายแหน่” (ปันเอากับข้าวไปเก็บให้พี่หน่อย) “แล้วเป็นหยังอ้ายปืนคือบ่ยกไปเก็บเอง” (แล้วทำไมพี่ปืนไม่เอาไปเก็บเอง) “เมื่อย” “หนูกะเมื่อยคือกัน” (หนูก็เมื่อยเหมือนกัน) “ใช้ให้มันง่าย ๆ แหน่ สำนึกตอนอ้ายเฮ็ดนาส่งอีหล่าเรียนจนจบมหาลัยแหน่คั่นมีเกียรติบัตร อ้ายได้รางวัลอ้ายดีเด่นแล้วเด้นิ” (ใช้ให้มันง่าย ๆ หน่อย สำนึกตอนที่พี่ส่งเรียนจนจบมหาลัยหน่อย ถ้ามีเกียรติบัตร พี่ได้รางวัลพี่ดีเด่นแล้วนะเนี่ย) ขณะปันกำลังจะไปอาบน้ำ พอได้ยินคำพูดของพี่ชายเธอ ก็ทำเอาสำนึกแทบไม่ทัน จึงหมุนตัวเดินกลับไปเก็บจานข้าวของปืนไปไว้ในครัว ส่วนปืนเมื่อเห็นน้องสาวทำตามที่ตนบอกอย่างว่าง่ายก็ไม่ลืมพูดเอ่ยชม “เออ จังซี่แหน่มันจั่งเป็นตาฮัก” (เออ แบบนี้มันถึงจะน่ารักหน่อย) “อ้ายเว้าปานนั้น แล้วหนูกะต้องเฮ็ดแล้วตั้ว” (พี่พูดขนาดนี้แล้ว หนูก็ต้องทำแล้วไหมล่ะ) สิ้นเสียงไม่พอใจ ปันก็ยกกับข้าวเข้าไปเก็บในครัว ส่วนปืนเมื่อเห็นน้องสาวเอาจานไปเก็บให้แล้ว ก็ตะโกนบอกแม่ที่นั่งดูโทรทัศน์อยู่ในบ้านกับพ่อ “แม่หนูไปเบิ่งย่าอยู่เฮือนก่อนเด้อ” (แม่หนูไปดูย่าที่บ้านก่อนนะ) “เออ” สิ้นเสียงรส ผู้เป็นแม่ ปืนก็เตรียมดันตัวลุกขึ้นจากแคร่เพื่อไปดูย่าของตนที่อยู่บ้านคนเดียวเนื่องจากเป็นห่วง ทว่า... “โฮ่ง ๆ” ได้ยินเสียงไอ้ทองสุนัขเลี้ยงเห่าเสียก่อนใบหน้าหล่อเหลาจึงหันไปมองทางต้นเสียง ก่อนจะเห็นเพื่อนสนิทเดินผ่านความมืดเข้ามาในบ้านของตน ปืนจึงเอ่ยถามวัณณ์ฎาด้วยใบหน้าสงสัย “มึงมาทำไม?” “ไปส่งกูที่บ้านหน่อย” “แล้วรถมึงไปไหน?” ปืนถามด้วยความสงสัย เมื่อจู่ ๆ วัณณ์ฎาก็โผล่มาที่บ้านแล้วบอกให้เขาไปส่ง “กูไม่ได้ขับมา” ได้ยินคำตอบปืนก็ยิ่งสงสัยจึงยิงคำถามไปอีก “แล้วทำไมมึงไม่ขับมา” “ก็กูไม่ได้ขับมา” “อะไรของมึงวะ” แม้จะงุนงงกับการกระทำของวัณณ์ฎาอยู่แต่ปืนก็เลือกไม่ถามต่อ เพราะรู้ว่ายังไงก็ไม่ได้คำตอบจากอีกคนอยู่ดี ก่อนจะเดินไปคร่อมรถมอเตอร์ไซค์แล้วขับรถไปส่งวัณณ์ฎาที่บ้าน “มึงไปไหนมา?” “ส่งลออ” “หยังวะเพื่อนกู” ปืนพูดเอ่ยแซวพร้อมกับหันไปมองวัณณ์ฎาที่นั่งซ้อนอยู่ข้างหลังเพื่อดูสีหน้าและอาการอีกคน เนื่องจากรถไม่มีกระจก “อะไรยังไง” “ไม่ได้ชอบแต่ขับไปส่งเขาถึงบ้าน” “ไม่ได้ชอบ แต่กูไปส่งไม่ได้?” “ถ้าคนอื่นปกติ แต่กับมึงมันไม่ปกติ” “ไร้สาระ” ปืนได้ยินเช่นนั้นก็ได้แต่เบะปากกับความปากแข็งของเพื่อน ที่บอกไม่ได้คิดอะไร ไม่ได้รู้สึกกับรุ่นน้องในหมู่บ้าน แต่การกระทำกลับตรงกันข้ามสิ้นดี หลังจากนั่งซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์สักพัก ไม่นานปืนก็เลี้ยวรถเข้าไปภายในบ้านไม้สองชั้น วัณณ์ฎาจึงลงจากรถแล้วเอ่ยบอกปืนที่คร่อมอยู่ด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง “ขอบใจ” “ไม่เป็นไร” สิ้นเสียงปืนวัณณ์ฎาก็เตรียมเดินขึ้นไปบนบ้านทว่า... “ไอ้วัณณ์มึงมีของดีกันผีไหมวะ เอามาประโคมให้กูหน่อย” เนื่องจากช่วงดึกวันนี้ต้องไปดูถ่านที่เมรุกับพ่อว่ามอดหรือยัง ทำเอาปืนหวาดกลัวไม่น้อย พอวัณณ์ฎาได้ยินเช่นนั้นก็ส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะตอบกลับไป “ถ้าผีมันจะหลอก ต่อให้มึงมีของดีแค่ไหนก็เอาไม่อยู่หรอก” “ไอ้ห่านี่ พูดปลอบใจกูมากเลยมึง ไม่น่ามาส่งมึงที่บ้านเลยกู” วัณณ์ฎาได้ยินเช่นนั้นก็ยกไหล่ขึ้นด้วยท่าทีไม่ยี่หระ ก่อนจะเดินขึ้นไปบนบ้าน ส่วนปืนเห็นเช่นนั้นก็ได้แต่บ่นเพื่อนไล่หลัง ก่อนจะขับรถมุ่งตรงไปบ้านย่า ขณะกำลังจะเลี้ยวรถเข้าไปในซอย จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงตะโกนเรียก “อ้ายปืน! กินเหล้า” (พี่ปืนกินเหล้า) ร่างสูงใบหน้าหล่อเหลาจึงหันกลับไปมองทางต้นเสียง พอเห็นนฤดลน้องชายที่เป็นญาติของตน กำลังนั่งดื่มเหล้ากับเพื่อนของมันที่หน้าบ้าน ตนจึงรีบเลี้ยวรถกลับไปหา จากนั้นก็นั่งดื่มเหล้าที่บ้านนะเพื่อย้อมใจและทำให้ตัวเองเมาเพื่อให้หายหวาดกลัวในคราไปดูถ่านเผาศพกับพ่อ... ทางด้านลออเมื่อจูงรถมอเตอร์ไซค์ไปไว้ใต้ถุนบ้านเรียบร้อยก็เดินขึ้นบ้าน เห็นคนเป็นพ่อนั่งกอดอกดูโทรทัศน์อยู่ เธอจึงเดินไปนั่งลงด้านข้างแล้วทิ้งศีรษะลงยังไหล่ของคนเป็นพ่อพร้อมกับถอนหายใจ “เฮ้อ!” “เป็นอะไร?” “หนูเอาตำรามาให้ไม่ได้” ลองได้ยินเช่นนั้นก็ไม่พูดอะไร ก่อนจะเลื่อนมือไปลูบศีรษะของลูกสาว แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “พ่อก็ไม่ได้อยากได้แล้ว แกล้มเลิกเถอะ” “ไม่ได้ ยังไงหนูก็ต้องเอามาให้ได้” ยิ่งยากมันก็ยิ่งท้าทาย ทำให้ลออไม่ยอมรามือง่าย ๆ เด็ดขาด ลองเห็นเช่นนั้นจึงไม่พูดอะไรนอกจากนั่งมองเงียบ ๆ จากนั้นสองพ่อลูกก็เปลี่ยนเรื่องคุยเพื่อให้บรรยากาศไม่ตึงเครียด กระทั่งละครก่อนข่าวภาคค่ำจบก็แยกย้ายกันเข้านอนเพื่อพักผ่อน ช่วงเช้าของวันหลังจากได้ยินเสียงระฆังวัดดัง ลออก็รีบดันตัวลุกขึ้นจากที่นอน แล้วลงไปล้างหน้าล้างตาหุงข้าวทำกับข้าวให้เรียบร้อย กระทั่งเสร็จก็ไปอาบน้ำอาบท่า ก่อนจะเดินขึ้นไปบนบ้านเห็นพ่อเดินออกมาจากห้องรับรองพอดี จึงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงใสแจ๋ว “พ่อจะกินข้าวเลยไหม” “กินเลยก็ได้” “งั้นเดี๋ยวหนูไปแต่งตัวก่อน” พูดจบร่างเล็กก็เดินเข้าไปในห้องนอน จากนั้นก็รีบแต่งตัวแล้วออกมานั่งกินข้าวกับพ่อของเธอ เมื่ออิ่มลออก็ขับรถมอเตอร์ไซค์ไปโรงเรียนเพื่อซ้อมรำเหมือนเมื่อวาน ฝั่งวัณณ์ฎาเมื่อล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ ก็มองไปยังหน้าบ้านเมื่อไม่เห็นอีกคนมาบ้านของเขาเหมือนเช่นทุกวัน จึงเดินเข้าไปในครัวเพื่อทำกับข้าวกินเอง หลังจากกินข้าวอิ่มวัณณ์ฎาก็เอาข้องที่ทำค้างเมื่อวานไปนั่งสานต่อที่แคร่ ไม่นานก็ได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซค์ขับเข้ามาในบ้าน จึงเงยขึ้นมองเห็นเพื่อนสนิทขับรถเข้ามาในบ้านพร้อมกับถืออุปกรณ์ทำว่าวมาด้วย วัณณ์ฎาจึงมองนิ่ง ๆ ก่อนจะได้ยินปืนพูดขึ้น “ทำว่าวเล่นกันไอ้วัณณ์” “กูไม่ว่าง สานข้องอยู่” “มึงยังทำไม่เสร็จอีกเหรอ” “มึงเห็นเสร็จหรือยังล่ะ” ร่างสูงช้อนตามองพร้อมกับเอ่ยถามเพื่อนที่เห็นเขานั่งสานข้องอยู่แต่มันก็ยังจะถาม “เออ กูขอโทษครับเพื่อน” ปืนตอบกลับด้วยท่าทีกวน ๆ จากนั้นก็เดินไปนั่งข้างวัณณ์ฎาแล้วเตรียมทำว่าวเล่นเนื่องจากช่วงนี้หน้าหนาวแล้ว ส่วนวัณณ์ฎาก็นั่งสานข้องใส่ปลาต่อ “ไม้ไผ่อันนี้มึงไม่ใช้แล้วใช่ไหม” “อือ” “กูเอามาทำว่าวนะ” “เออ” ขณะชายหนุ่มสองคนกำลังคุยกันอยู่จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงดังเจี๊ยวจ๊าวมาจากหน้าบ้าน ทั้งสองจึงหันไปมอง เห็นเด็กน้อยวัยเจ็ดแปดขวบลูกหลานคนในหมู่บ้าน กำลังวิ่งเล่นว่าวที่ทำจากกระดาษกันอย่างสนุกสนาน พอเห็นภาพนั้นปืนก็พูดขึ้น “คิดถึงมึงกับกูตอนเด็ก ๆ ว่ะ” “…” วัณณ์ฎาไม่ได้ตอบอะไรกลับไป นอกจากนั่งดูเด็กน้อยรุ่นราวคราวลูกวิ่งเล่น ก่อนจะเอ่ยถามปืนด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง “มึงมีกระดาษสาเยอะไหม?” “เยอะอยู่ ทำไม?” “กูขอหน่อย จะทำว่าวให้พวกเด็กน้อยเล่น” “ฮู้ย ~ พ่อพระจริง ๆ วะ กูทำด้วย” จะให้ไอ้พ่อหมอมันเท่คนเดียวได้ยังไงตนไม่ยอมหรอก พูดบอกเพื่อนจบปืนก็ตะโกนบอกเด็กกลุ่มนั้นว่าจะทำว่าวให้ พอเด็กน้อยชายหญิงได้ยินก็กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ ก่อนจะพากันวิ่งเข้ามาในบ้านเพื่อดูพวกเขาทำว่าวให้ หลังจากนั่งทำว่าวสักพักเมื่อทนกับเสียงเจี๊ยวจ๊าวไม่ได้ ปืนจึงไล่เด็ก ๆ ไปวิ่งหน้าบ้านรอ จากนั้นทั้งสองก็ตั้งใจทำว่าวต่อ “เหมือนซ้อมทำว่าวให้ลูกเลยเนอะมึงว่าไหม” “...” วัณณ์ฎาไม่ได้ตอบอะไรกลับไปนอกจากนั่งฟังเงียบ ๆ ก่อนจะได้ยินปืนเอ่ยถาม “เมื่อไหร่มึงจะเอาเมียวะ” “มีให้กูน่าเอาเป็นเมียสักคนไหมล่ะ” “น้องลออไง น่ารักฉิบหาย” พอพูดถึงเจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มปืนก็ยิ้มไม่หุบ จะบอกว่าปลื้มก็ได้เพราะอีกคนทั้งน่ารักและนิสัยดี ซึ่งวัณณ์ฎาเห็นเช่นนั้นก็มองด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ก่อนจะตอบออกไปเสียงแข็ง “ดื้อเกิน” “ดื้อแล้วมึงชอบไหมล่ะ” “...” ร่างสูงไม่ได้ตอบเพราะมองว่าไม่ใช่เรื่องจำเป็นที่เขาต้องมาบอกเรื่องส่วนตัวให้คนอื่นรับรู้ แม้อีกคนจะเป็นเพื่อนสนิทก็ตาม ในขณะที่วัณณ์ฎาเอาแต่เงียบปืนจึงละสายตาจากว่าวแล้วมองหน้าเพื่อน ก่อนจะส่ายหน้าแล้วเอ่ยแซว “มันตอบยากขนาดนั้นเลยเหรอวะ” “ไม่ยาก แต่กูไม่จำเป็นต้องบอกมึง” “ปากมึงนี่แข็งกว่าหรรมกูอีกนะ” “ตีนกูก็หนักกว่าตีนมึงเหมือนกัน” “โหดจริง ๆ” หลังจากเถียงกันพอหอมปากหอมคอทั้งสองก็ตั้งใจทำว่าวต่อ ไม่นานก็ได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซค์และเสียงตะโกนดังมาจากหน้าบ้าน วัณณ์ฎากับปืนจึงหันไปมอง “อีบอยเลี้ยว!” “กูเลี้ยวอยู่ มึงจะตะโกนทำห่าอะไรอีปัน” ก่อนจะเห็นชายหญิงสามคนนั่งซ้อนรถมอเตอร์ไซค์เข้ามาในบ้าน ปืนเห็นเช่นนั้นก็มองด้วยใบหน้าเรียบไม่ได้รู้สึกอะไร ซึ่งต่างจากอีกคนเมื่อร่างเล็กใบหน้าจิ้มลิ้มนั่งซ้อนหน้ารถมอเตอร์ไซค์ของเพื่อนผู้ชายที่เป็นคนขับเธอ ก็เคล้นหัวเราะในลำคอ “หึ” ขณะตาคมกริบมองเธอเขม็ง ทางด้านลออที่เมื่อบอยเพื่อนผู้ชายแต่ใจเป็นหญิง เลี้ยวรถเข้าไปภายในบ้านของวัณณ์ฎาแล้ว เธอก็หันไปมองร่างสูงนั่งอยู่ที่แคร่กับเพื่อนของเขา พอเห็นเขามองเธออยู่จึงฉีกยิ้มหวานส่งให้ ทว่าเขากลับมองนิ่ง ๆ แล้วเบือนหน้าไปทางอื่น เธอจึงเลือกไม่สนใจเพราะชินแล้ว เมื่อบอยจอดรถใต้ต้นไม้เรียบร้อย ลออก็รีบเดินไปหาวัณณ์ฎาที่แคร่พร้อมเอ่ยถาม “พี่วัณณ์กำลังทำว่าวอยู่เหรอจ๊ะ?” “ซักผ้าอยู่มั้ง” ลออถึงกับสะอึกไม่น้อยเพราะไม่คิดว่าอีกคนจะปากคอเราะรายขนาดนี้ แต่ก็เลือกไม่สนใจปั้นหน้ายิ้มแล้วพูดต่อ “ว่าวสวยจัง คนทำก็หล๊อหล่อ” “...” แม้ได้ยินคำชมของลออเต็มสองรูหู แต่วัณณ์ฎาก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ยังคงนั่งทำว่าวเงียบ ๆ ปืนเห็นเช่นนั้นจึงอดพูดไม่ได้ “ใบ้แดกแล้วเพื่อนกู” ในเวลาที่บริเวณนั้นตกอยู่ในความเงียบ ไม่นานก็ได้ยินเสียงปันที่นั่งอยู่บนรถมอเตอร์ไซค์กับบอยเอ่ยขึ้น “ว่าวของอ้ายปืนติ คือน้อยแท้” (ว่าวของพี่ปืนเหรอ ทำไมเล็กจัง) “บ่แม่น อันนี้อ้ายเฮ็ดให้ซุมเด็กน้อย” (ไม่ใช่ อันนี้พี่ทำให้พวกเด็กน้อย) “อ๋อ แล้วของอ้ายบ่ได้เฮ็ดติ” (แล้วของพี่ปืนไม่ได้ทำเหรอ) “เฮ็ด แต่เฮ็ดให้เด็กน้อยก่อน” (ทำ แต่ทำให้พวกเด็กน้อยก่อน) ขณะที่สองพี่น้องพูดคุยกัน ลออที่นั่งเท้าคางมองวัณณ์ฎาทำว่าวจุฬาอยู่ พอได้ยินคำพูดของปืนเธอจึงหันไปเอ่ยถาม “พี่ปืนจะไปเล่นว่าวเหรอ?” “ใช่” พอได้ยินคำตอบของปืนลออก็ถามต่อด้วยท่าทีตื่นเต้น “ไปตอนไหน?” “ตอนเย็น ไปดูไหม?” “ที่ไหน” “นาท้ายหมู่บ้าน” “ไป ๆ” ทางวัณณ์ฎาเมื่อเห็นลออตอบด้วยท่าทีกระดี๊กระด๊า เขาจึงเบี่ยงสายตามองเธอครู่หนึ่ง พอเธอหันมาสบตาเขาจึงเบือนหน้าไปทางอื่นแล้วทำว่าวต่อ ก่อนจะได้ยินคนตัวเล็กถามด้วยน้ำเสียงออดอ้อน “พี่วัณณ์ไปไหม?” “ถ้าไปก็เห็น ถ้าไม่ไปก็ไม่เห็น” “หู้ย~ ชอบจังผู้ชายดุ ๆ เพราะมันน่าตื่นเต้นตอนอยู่บนเตียง” เมื่อได้ยินคำพูดของเธอที่กระซิบข้างหูเพื่อให้ได้ยินกันแค่สองคน วัณณ์ฎาก็หันไปพูดน้ำเสียงดุ ๆ กับลออ “ทะลึ่ง” ทว่าเธอกับไม่สลดปั้นหน้ายิ้มแล้วดันตัวลุกขึ้นจากแคร่พร้อมกับเอ่ยบอก “หนูไปกินก๋วยเตี๋ยวกับเพื่อนก่อนนะ ซ้อมเสร็จเดี๋ยวมาหาใหม่” พูดจบลออก็เดินไปนั่งซ้อนข้างหน้ารถของบอยที่สตาร์ตรออยู่ ก่อนที่รถออโตคันดังกล่าวจะขับออกจากบ้าน โดยมีเจ้าของตาคมกริบมองด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง กระทั่งรถมอเตอร์ไซค์คันดังกล่าวแล่นออกจากบ้านจนพ้นสายตา มือหนาก็เอื้อมไปหยิบมีดอีโต้มาฟันเชือกที่ผูกว่าวเต็มแรง ฉึบ! จนปืนที่นั่งอยู่ด้านข้างสะดุ้งตกใจเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองเพื่อนโยนมีดลงพื้น แล้วหันมาบอกตนด้วยใบหน้าไม่สบอารมณ์ “กูฝากให้เด็กน้อยด้วย” “มึงทำเสร็จแล้วเหรอ?” “มึงเห็นเสร็จหรือยังล่ะ” “อ้าว! ไอ้ห่านี่กูถามดี ๆ” “แล้วกูตอบไม่ดีตรงไหน?” พูดจบวัณณ์ฎาก็ไปยังครัว ปืนจึงส่ายหน้าพร้อมกับพูดพึมพำคนเดียว “หึงฮอดกระเทยกูล่ะงึด” (หึงยันกระเทยเหลือเชื่อจริง ๆ) ทางด้านวัณณ์ฎาหลังจากกินข้าวอิ่มก็เดินออกไปข้างนอกครัว เห็นปืนกำลังนั่งดูเด็กในหมู่บ้านเล่นว่าวที่พวกตนทำให้ ก็มองนิ่ง ๆ ก่อนจะเดินไปนั่งลงยังแคร่ไม้เพื่อสานข้องต่อ ไม่นานปืนก็เดินเข้ามาในบ้าน แล้วทิ้งตัวนั่งลงข้างตนพร้อมกับพูดพึมพำ “ทำให้ไม่พอ ยังต้องสอนเล่นอีก ยิ่งกว่าเลี้ยงลูกอีกกู” “ซ้อมไว้” “ซ้อมไว้มีกับใครล่ะ แฟนกูก็ไม่มี” เกิดมายังไม่เคยคบใครสักคน แต่คุย ๆ อะมีบ้างเป็นเรื่องปกติของผู้ชาย ซึ่งต่างจากเพื่อนของตนแม้กระทั่งคนคุยก็ไม่มี “มึงก็หาดิ” “จะไปหาที่ไหน หันซ้ายหันขวาก็มีแต่รุ่นน้องที่เห็นกันมาตั้งแต่เด็ก” “หึ!” วัณณ์ฎาเคล้นหัวเราะออกมาเบา ๆ จากนั้นก็สานข้องต่อ เนื่องจากเหลือไม่เยอะจะได้เสร็จสักที ส่วนปืนก็นั่งดูวัณณ์ฎาสานข้องสักพัก ก่อนจะทิ้งตัวนอนลงบนแคร่ไม้ พร้อมกับบิดขี้เกียจ “คือมาค้านแท้น้อ” (ทำไมขี้เกียจจังวะ) “มึงไม่ทำว่าวแล้ว?” “ไม่ วันนี้กูขี้เกียจแล้ว วันหลังค่อยทำ” วัณณ์ฎาเบี่ยงสายตามองปืนครู่หนึ่งแต่ก็ไม่พูดอะไร จากนั้นก็ตั้งใจสานข้องใส่ปลาต่อและฟังเสียงกรนของเพื่อนไปด้วย...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD