กึ่ก~
"เราเห็นว่าณิต้องใช้รถน่ะ แล้วกุญแจมันตกอยู่ในห้องพี่ไตรเลยขับมาให้ก่อน" ตรีเอ่ยบอกน้ำเสียงเศร้า เมื่อเห็นคนที่เขารักมาตลอดกำลังเดินลงมาจากรถของพี่ชายต่างบุพการี เพียงเพราะเขาคือลูกติดที่แม่มาแต่งงงานใหม่กับพ่อไตรภูมิ
"ขอบใจนะ จริงๆ ณิก็จะใช้รถไปหลายที่ด้วยแหละ กำลังคิดเลยว่าจะกลับไปเอารถมาไว้ใช้ก่อน" เธอเองก็เอ่ยยากลำบาก มันอึดอัดใจไปหมดก่อนหน้านี้เธอไม่ได้บอก ให้อีกฝ่ายรู้เรื่องสัญญาระหว่างที่ต้องไปนอนกับไตรภูมิ เพียงเพราะจะเอาทะเบียนสมรสและความพอใจของไตรภูมิ ที่จะได้แต่งงานกันให้จบๆ
ไม่อย่างนั้นตรีคงจะดิ้นรนหาทางช่วยต่อ แล้วก็เป็นการเดือดร้อนอีกฝ่ายจนเธอรู้สึกผิดมากๆ ที่พาชีวิตคนๆ นึงไร้ความสุขไปด้วย
"เราไม่สนใจหรอกนะว่าณิกับพี่ไตรจะเป็นยังไง เราบอกไปแล้วว่าเรารักณิ ยังไงเราก็จะรักณิไม่เปลี่ยน"
"ณิขอโทษนะ...แต่ตรีควรจะเจอผู้หญิงที่เหมาะสมและดีมากกว่าณิ ตรีจะได้มีความสุขเราเชื่ออย่างนั้น" หน้าสวยเหลียวมองรถยนต์คันที่มาเมื่อกี้ ตอนนี้ไม่จอดรอแล้ว เลยกล้าคุยกับตรีได้มากขึ้นดีกว่าให้ต้องพวกเขาต้องทะเลาะกันเพียงเพราะเรื่องของเธอคือต้นเหตุ
"แต่ตรีไม่คิดอะไรแบบนั้นเลยนะ ตรีรักณิ...พี่ไตรไม่ได้รักณิเลย ตลอดเวลาที่ผ่านมาณิก็รู้ดี พวกเขารังเกียจเรามากแค่ไหน แล้วณิจะไปแต่งงานกับเขาทำไม" ฝ่ายคนบอกรีบเอื้อมมือจับสองมือบางไว้
"ณิรู้ แต่ณิจำเป็น..ตรีอย่าเสียเวลากับณิเลยนะ อย่างน้อยๆ ให้เราเห็นว่าตรีมีความสุขในชีวิตบ้างเถอะ"
"ขอร้องล่ะ ณิยังยกเลิกงานแต่งตอนนี้ทันอยู่นะ ส่วนไอทะเบียนสมรสนั่นค่อยว่าทีหลังก็ได้ เราจะช่วยหาทางแก้ไขมันเองนะณิ"
"พอเถอะตรี...ณิตัดสินใจไปแล้ว แต่ขอบใจนะที่เอารถมาให้ เราต้องรีบไปทำงานก่อน" ณิชากลั้นใจบอกอย่างเจ็บปวด เธอไม่มีทางเลือกอื่นใดแล้ว ทุกอย่างรอบตัวบีบบังคับไปเสียหมด หากจะให้คนตรงหน้ามามีความหวังต่ออีก เห็นทีเธอก็คงจะดูเป็นเห็นแก่ตัวมากๆ
เธอเลยรีบคว้าเอากุญแจรถยนต์ในมือของตรีมา ฝืนยิ้มหวานให้อย่างไม่คิดอะไร ก่อนจะเดินเข้ามาในบริษัทที่เหลือพนักงานไม่กี่คน
"เอกสารอยู่บนโต๊ะแล้วนะคะคุณณิชา ทางนั้นให้เวลาเราไม่ถึงเดือนก่อนจะยื่นล้มละลายแล้วค่ะ" ฝ่ายเลขาสาวรีบเข้ามารายงานทันที
"ค่ะ เดี๋ยวณิเช็คเสร็จแล้วจะรีบเรียกเข้ามารับนะคะ"
"ค่ะคุณณิชา"
"....." ร่างอรชรทรุดนั่งลงตรงเก้าอี้ประจำตำแหน่ง เธอเพิ่งมารับช่วงธุรกิจต่อจากบิดาหลังเรียนต่างประเทศจบไม่ถึงปี ส่วนน้องสาวก็กำลังจะจบมหาวิทยาลัยไม่อาจมาช่วยงานได้ แน่นอนว่าเธอต้องแบกรับดูแลทุกอย่างไว้เพียงคนเดียวก่อน
ทันใดนั้นมือบางก็ไม่ลืมจะนำแฟ้มใบทะเบียนสมรสขึ้นมา จู่จู่น้ำตาก็ไหลไม่ขาดช่วง มันคือการแต่งงานหวังเปลี่ยนชีวิตไม่เกินจริง
"อย่าให้ต้องเสียอะไรไปมากกว่านี้เลยได้ไหม..."
อีกด้านนึง_
ร่างสูงยังคงทำงานในห้องอย่างเคร่งเครียด หลังจากส่งว่าที่สาวแยกย้ายกัน เขาไม่ได้รู้สึกพิษสวาทใดในเรื่องพันธะสัญญานี้หรอก เพียงแค่เวทนาชีวิตของผู้หญิงคนนึงที่สามารถแก้แค้น พวกเห็นแก่ได้ในทรัพย์สินสมบัติของตระกูลเขา
"พ่อว่าจัดงานที่โรงแรมนั้นก็ดีนะ แขกในงานเราไม่น้อยนะ ไหนจะญาติทางฝั่งหนูณิอีก" ผู้เป็นบิดาเดินเข้ามาในห้องทำงานของลูกชาย ซึ่งอยู่ชั้นล่างขนาดใหญ่ทำไว้เพียงให้เขาใช้งานคนเดียว
"แล้วแต่"
"แล้วเรื่องค่าใช้จ่ายของบ้านหนูณิล่ะ จัดการทั้งหมดแล้วใช่ไหม?"
"เรียบร้อย" น้ำเสียงเข้มตอบราบเรียบ ไม่มีแม้แต่จะมองใบข้อมูลของโรงแรมหรูชื่อดัง ที่บิดานำมาวางให้ดูเพื่อสำหรับจัดงานวิวาห์
"สรุปว่าลูกอยากแต่งงานหรือเปล่า" ฝ่ายบิดาถามเสียงนิ่ง หลังจากที่เขาแต่งงานใหม่กับปั้นหยา ลูกชายคนเดียวก็มีนิสัยเปลี่ยนไปสิ้นเชิง ซึ่งก็พอเข้าใจได้ว่าไตรภูมิยังไม่ถูกชะตากับตรี แต่มันผ่านมาหลายปีมากแล้ว ทั้งสองก็ยังดูเข้ากันไม่ได้ด้วย
"แน่นอน ทะเบียนสมรสก็เซ็นต์ไปให้หมดแล้ว ยังจะต้องอะไรอีก?" มืหนาหยุดชะงักตอนจะลงลายลักษณ์ในเอกสาร เหลือบมองใบหน้าบิดาผู้ที่ไม่เคยรักลูกและภรรยาเลย จนผู้เป็นแม่ของเขาต้องตรอมใจไปเมื่อหลายปีก่อน
"พ่อแค่ถามความเห็นลูก บ้านเรากับบ้านหนูณิเป็นเพื่อนรักกันมานาน ถ้าลูกไม่อยากแต่งก็จะไม่บังคับมันยังยกเลิกทันอยู่ด้วยซ้ำ"
"คงจะอยากให้ลูกชายสุดที่รักคุณพ่อมาแต่งแทนล่ะสิ?" น้ำเสียงเข้มถาม หากอีกฝ่ายมองเห็นคงจะรู้ว่าปากกาในมือหนาแทบจะหักครึ่งท่อนแล้ว
"ถ้ามันไม่มีเลือกพ่อก็จะทำอย่างนั้นจริงๆ แต่ก็เอาเถอะไหนๆ ลูกก็จดทะเบียนสมรสแล้ว เดี๋ยวหนูณิจะเสียหาย"
"หลังจากแต่งงานแล้วณิชาต้องมาอยู่ที่นี่ ในฐานะสะใภ้คนเดียวของสิงห์เรืองโรจน์" ไตรภูมิบอกเสียงดังชัดเจน ทำให้ปั้นหยาที่ถือถาดน้ำดื่มและของว่างมาเสิร์ฟหยุดชะงัก
"แน่นอนว่าพ่อไม่ขัดลูกหรอกนะ เอาเถอะเรื่องให้คนจัดสถานที่สบายใจได้ พ่อจะปรับอะไรในบ้านให้ใหม่ด้วย หนูณิจะได้ไม่เครียดถ้าต้องอยู่รวมกับพวกเรา"
"คิดอย่างนั้นได้ก็ดี" หางตาคมตวัดมองผู้หญิงที่เขาไม่เคยคิดว่าเหมาะสมกระทั่งคำว่าแม่เลี้ยง จนอีกฝ่ายไม่กล้าสู้หน้ายอมเดินออกไปตามบิดา
"คุณอนุวัฒน์คะ ปั้นหยาว่า.." เธอรีบตามสามีมาคุยข้างนอก
"ว่าอะไรเหรอ?"
"ปั้นหยาว่าคุณไตรภูมิคงไม่อยากแต่งงานกับหนูณิชาหรอกค่ะ ตรีต่างหากที่รักกันกับหนูณิชามาตลอด" เวลานี้เธอยังเห็นลูกชายยืนแอบฟังจากประตูข้างนอกบ้าน ทุกคนต่างรู้ดีว่าณิชาและตรีสนิทมาตั้งแต่เด็กๆ มีเพียงไตรภูมิต่างหากที่เข้ากับใครไม่ได้เลย
"คุณก็รู้ว่าผมตกลงไว้ว่าต้องเป็นทายาทของสิงห์เรืองโรจน์ นายตรีจะรักกับหนูณิชายังไงก็ไม่ได้ ผมจะไปคุยให้ก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้อยู่ดี" ฝ่ายคนบอกมีสีหน้าลำบากใจ
"แต่เราเปลี่ยนได้นะคะ ถ้าคุณไตรภูมิไม่อยากแต่งแล้ว ก็ให้ตรีเข้าไปแทนเลยสิคะ ทางนั้นต้องเห็นดีด้วยแน่ๆ ที่ตรีรักและดูแลหนูณิชาได้"
"นี่มันชีวิตจริงนะคุณ จะมาเล่นเป็นเรื่องของเด็กๆ ไม่ได้หรอกนะ ไหนๆ พวกเขาก็จดทะเบียนสมรสกันไปแล้ว เป็นยังไงก็เป็นอย่างนั้นแหละ" อนุวัฒน์เริ่มไม่เข้าใจภรรยาตัวเองสักเท่าไหร่ เลยแยกตัวออกไปทางบันไดจะขึ้นบ้านไปพัก
"แม่ครับ...ณิไม่อยากยุ่งกับผมแล้ว" ตรีรีบโผเข้ากอดมารดาอย่างเสียใจ เหมือนกับว่าในคฤหาสน์หลังนี้ก็มีแค่ผู้เป็นแม่เท่านั้นที่ยืนข้างเขาตลอดมา
"ไม่เป็นไรนะตรี เรื่องแค่นี้เองเดี๋ยวแม่จัดการให้"
....................