โรงพยาบาล H
“สวัสดีค่ะคุณหมอ”
“สวัสดี ครับ”
“กินยาตามที่หมอสั่งแล้วมีอาการคลื่นไส้หรือข้างเคียงอย่างอื่นบ้างรึเปล่า ช่วงนี้คนไข้ห้ามออกกำลังกายเช่นคาร์ดิโอหนัก รวมทั้งการนอนก็สำคัญต้องพักผ่อนให้เพียงพอ”
“มีมึนหัวบ้างเล็กน้อย บางครั้งก็ฝันแปลก ๆ ค่ะ ส่วนอาการเจ็บแผลก็มีบ้าง”
“ถ้าเรื่องการเจ็บแผลเป็นเรื่องปกติครับ แต่เรื่องความฝัน ถ้าฝันร้ายหมอจะให้ยาที่ช่วยให้นอนหลับง่ายขึ้นสำหรับวันนี้ถือว่าดีครับ”
“ขอบคุณค่ะหมอ เอ่อเรื่องค่ารักษาพยาบาลที่หมอเป็นคนจ่ายดิฉันจะหามาคืนหมอนะคะ”
“หึ!”
คุณหมอหนุ่มได้ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินเข้ามา พร้อมกับโน้มตัวลงเอาหน้ามาใกล้แทบจะแนบชิดกับแก้มของเธอ ใบหม่อนที่ใจเต้นโครมครามแทบจะระเบิดออกมา เธอนั่งตัวเกร็งมือเล็กก็จิกที่กระเป๋าแน่น เนื่องจากห้องทำงานหมอมีเพียงเธอและเขาทั้งคู่อยู่กันสองต่อสอง กลิ่นตัวของหมอและเสียงลมหายใจผ่าวร้อนมันยังคงรดต้นคอ คุณหมอหนุ่มทำตัวรุ่มร่ามกับคนไข้อย่างเธอ
“เวลางานหมอไม่คุยเรื่องส่วนตัว เจอกันที่ร้านอาหารตอนหนึ่งทุ่มตรง” เสียงกระซิบแหบพร่าน้ำเสียงทุ้มมีเสน่ห์ดังขึ้นข้างหู ทำให้ใบหม่อนขนลุกซู่ ทันใดนั้นแขนแกร่งก็เอื้อมไปหยิบนามบัตรที่วางอยู่บนโต๊ะ เขาใกล้ชิดกับเธอเหมือนกับว่ากำลังโอบเธออยู่ เมื่อใบหม่อนได้สติเพราะนามบัตรของหมอเวย์นั้นยื่นอยู่ตรงหน้าเธอ
“ตอนนี้เธออาจจะยังไม่อยากแต่ง แต่ตอนค่ำเธออาจจะอยากแต่งงานกับฉันทันทีก็ได้ พรนับพัน” ใบหน้าหล่อเหลาแสะยิ้มร้ายที่มุมปากเขายืนตัวเต็มความสูงใบ หม่อนมองดูเขาใกล้ ๆ และชัดมากเขาดูดีหล่อเหลาทุกองศาจริง ๆ ไม่น่าเชื่อว่าหมอที่เพียบพร้อมอย่างเวธัส จะมาชอบเด็กผู้หญิงธรรมดาแบบเธอเมื่อทบทวนดูแล้วมันไม่มีทางที่จะเป็นไปได้ เขาต้องมีเหตุผลบางอย่างซ่อนเร้น
“ฉันไม่เหมาะกับคุณหมอหรอกค่ะ ฉันเพิ่งจะอายุครบยี่สิบเมื่อต้นเดือนนี้เองไม่คิดเรื่องแต่งงาน” ใบหน้าสวยกัดปากสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด เธอรวบรวมความกล้าบอกเหตุผลกับคุณหมอหนุ่มเจ้าเสน่ห์ไป
“คุณพยาบาล เชิญคนไข้คนต่อไป”
“หมอเวธัสค่ะ ฉันไม่สะดวก”
“นี่เป็นเวลาทำงานของหมอ ไม่สะดวกคุยเรื่องครอบครัว” หมอเวย์ไม่สนใจคำพูดของเธอเขาทำหน้านิ่งและเย็นชาสวนทางกับคำพูดเมื่อกี้ ร่างสูงเดินไปนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิมไม่สนใจใบหม่อนราวกับว่าไล่ให้เธอไปทางอ้อม
“อึก”
(“......”) ประโยคสุดท้ายทำเอาหัวใจดวงน้อยนั้นกระตุกใบหน้าสวยร้อนผ่าว ถึงกับพูดไม่ออก หมอเวธัสใช้คำที่เธอเองไม่คิดว่าจะได้ยินจากปากเขา ทันใดนั้นพยาบาลก็พาคนไข้อีกคนเข้ามา ใบหม่อนจึงได้เดินออกไปจากห้องตรวจด้วยอาการที่มึนงงและรู้สึกวูบวาบอย่างบอกไม่ถูก
ร้านอาหารชื่อดังใกล้โรงพยาบาล
บรรยากาศในร้านอาหารสุดหรูแห่งนี้ค่อนข้างเงียบสงบ หมอเวธัสที่หลังจากเลิกงานก็ได้แต่งตัวมารอว่าที่เจ้าสาวเขาแต่งตัวหล่อเหลาสะอาดสะอ้านเข้ากับบุคลิกยิ่งทำให้เขาหล่อดูดีมากขึ้น ระหว่างที่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยสายตาก็ไปสะดุดกับสาวสวยคนหนึ่งที่เดินเข้ามา
ตึก! ตึก!
เสียงฝีเท้าที่สวมใส่รองเท้าส้นสูงของหญิงสาวที่แต่งตัวในชุดเดรทสีหวาน กระโปรงพลิ้วไหวไปกับท่วงท่าการเดิน จังหวะที่ผมตรงสลวยสีดำขลับสยายไปกับสายลมร่างบางแต่ไม่บางจนเกินไปมีความละมุนสันส่วนโค้งเว้าสวยงาม ผิวเธอขาวผุดผ่องเนียนละเอียดใบหน้าเรียวเล็กรูปไข่ ดูเข้ากันดีกับการแต่งหน้าที่บางเบา เรียวปากอวบอิ่มเคลือบสีชมพูอ่อน ยิ่งมองยิ่งสะกดสายตาคมของหมอเวธัสให้ต้องจ้องมองคนที่เพิ่งเดินเข้ามาตรงหน้า ราวกับว่าเธอนั้นเดินออกมาจากความฝันจนต้องเผลอพูดกับตัวเองเบา ๆ
“นี่ใช่เธอหรือเปล่า.....พรนับพัน” เสียงพึมพำกับตัวเองเพราะแทบจะลืมหายใจ เขาตกตะลึงกับความสวยของเธอเพราะปกติเขาเห็นเธอในชุดคนไข้และไม่ได้แต่งหน้า วันนี้เธอจัดเต็มมันช่างดูดีเสียจนเขานั้นแอบเสียอาการ
“สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีพรนับพัน เชิญนั่งสิที่นี่ไม่มีใครตามสบาย” คุณหมอหนุ่มที่ตั้งใจเลือกร้านอาหารที่ใกล้โรงพยาบาลที่สุด และเป็นส่วนตัวเนื่องจากเขาต้องการดินเนอร์กับว่าที่เจ้าสาวและหาทางหว่านล้อมให้เธอเปลี่ยนใจ เมื่อสั่งอาหารมาเต็มโต๊ะเขาก็ตักอาหารใส่จานดูแลเธออย่างดี คนข้างนอกที่มองดูคงคิดว่าทั้งคู่กำลังเดทกัน
“แต่งตัวแบบนี้ดูเหมาะกับเธอดีนะ” คุณหมอหนุ่มเอ่ยปากชม เพราะแม้แต่บริกรหนุ่มที่คอยเสิร์ฟอาหารยังลอบแอบมองเธออยู่บ่อย ๆ เขาเองที่หูตาไวและด้วยสัญชาตญาณความเป็นผู้ชายจึงส่งสายตาดุดันใส่บริกรหนุ่ม เพราะไม่ชอบสายตาของชายคนอื่นที่มองหญิงสาวของเขา
“ขอบคุณสำหรับคำชมและอาหารมื้อนี้นะคะ เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า”
“อื้ม ว่ามาสิ” มือหนาหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาจิบท่าทางสบายอารมณ์
“ดิฉันไม่อยากแต่งงานกับคุณหมอค่ะ และหนี้ค่ารักษาพยาบาลฉันจะหามาคืนหมอทุกบาททุกสตางค์ ทำสัญญาก็ไรก็ได้ที่ทำให้คุณหมอมั่นใจว่าฉันกับครอบครัวจะไม่บิดพลิ้ว”
“เฮ้ออ....ทำไมฉันไม่ดีตรงไหน เธอมีคนรักอยู่แล้วงั้นเหรอ”
“ไม่มีค่ะ แค่ฉันไม่รู้จักคุณและเราก็ไม่เหมาะสมกัน แค่นี้ก็น่าจะเพียงพอแล้ว”
“เอ จะทำสัญญาเรียกดอกเบี้ยเป็นอะไรดีน๊า.....บ้านที่เธออยู่ในตอนนี้ฉันก็ดันเป็นเจ้าของแล้วด้วยสิ” ใบหน้าหล่อแสยะยิ้มมันเป็นรอยยิ้มที่ดูสะใจเพราะเขารู้ดีว่า เธอต้องปฏิเสธจึงไปซื้อบ้านของเธอจากธนาคาร ซึ่งเรื่องบ้านถูกจำนองและกำลังขายทอดตลาดนี้ใบหม่อนไม่รู้มาก่อน เพราะพ่อและแม่ปิดบังไม่อยากให้ลูกสาวเครียด
“คุณหมอ พูดว่าอะไรนะคะบ้านของฉัน” ใบหน้าสวยซีดเผือดคิ้วเรียวขมวดเข้าหากันในทันทีดวงตากลมโตดูสับสน เธอนึกเสียใจและโทษตัวเองว่าที่พ่อและแม่ต้องทำแบบนี้ก็เพราะหาเงินมารักษาตัวเธอ
“เดี๋ยวจะหาว่าฉันโกหกหลอกเด็กอย่างเธอ เอานี่ไปดูซะ” มือหนาหยิบซองเอกสารยื่นให้เธอดูใบหม่อนรีบคว้ามันขึ้นมาและเปิดดู ปรากฏว่าเจ้าของบ้านคือคุณหมอหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว
“ฉันซื้อมาก็ไม่แพงหรอกนะ รวมค่าโอนค่าธุรกรรมจิปาถะรวม ๆ กันก็หกล้านรวมกับค่ารักษาก็เป็นเจ็ดล้านบาทนี่ไม่เอากำไรเลยนะ”
“ฮือ.....ต้องทำกันถึงขนาดนี้เลยเหรอคะ คุณต้องการอะไรกันแน่” ใบหน้าสวยร้องไห้เจ็บแค้นที่เธอจนมุมเขาในทุกทางนาทีนี้เขาเป็นฝ่ายได้เปรียบ
“ก็แค่ให้เธอมาอยู่กับฉัน ในฐานะภรรยา”
“แล้วฉันจะได้อะไรหลังจากแต่งงาน”
“ทุกอย่างที่เธอต้องการ แต่มีข้อแม้เธอห้ามบอกใครว่าแต่งงานกับฉัน ห้ามยุ่งกับผู้ชายคนอื่นให้ฉันปวดหัว และอีกสี่ปีฉันจะเป็นฝ่ายหย่าให้เองเธอสามารถใช้ชีวิตเรียนเที่ยวได้ตามปกติการเป็นอยู่ทุกอย่าง ฉันจะดูแลเองบ้านหลังนี้จะเป็นชื่อเธอทันทีหลังจากจดทะเบียนสมรส”
“แล้ว.....เรื่องเอ่อ” ใบหน้าสวยเห่อร้อนขึ้นมาเธอไม่กล้าที่จะพูดเรื่องหน้าที่ภรรยากับเขา หมอเวธัสที่โตกว่ารู้ได้ทันทีว่าเธอกำลังจะสื่อถึงอะไร
“เรื่องบนเตียงน่ะเหรอ อย่างเธอไม่ใช่สเปกฉันหรอก แต่งแล้วย้ายมาอยู่ด้วยกันที่คอนโดฉันมีสองห้องเธอก็นอนห้องเล็กไปไม่ต้องมาทำเหมือนคู่รักข้าวใหม่ปลามันหรอก ตั้งใจเรียนให้จบดูแลรักษาสุขภาพโดยเฉพาะหัวใจของเธอก็พอ”
“รึว่าเขาไม่ชอบผู้หญิงนะ หมอเวย์แปลก ๆ ไม่อยากแต่งงานกับผู้หญิงที่พ่อแม่เลือกให้ก็ดีถือว่าโชคเข้าข้างเราแล้ว” ภายในหัวของใบหม่อนประมวลผลเกี่ยวกับข้อตกลงของหมอเวย์ เธอคิดได้แบบนั้นก็รู้สึกสบายใจ เพราะอยากให้พ่อแม่สบายขึ้นไม่ต้องดูแลเธอและต้องการจะปลดหนี้ จึงตัดสินใจยอมรับข้อเสนอนี้
“ตกลงค่ะ สี่ปีถ้าฉันทำได้คุณอย่าลืมสัญญาว่าจะหย่าให้นะคะ”
“อื้ม! งานแต่งจะถูกจัดขึ้นในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า จะมีเพียงครอบครัวเธอและฉันเท่านั้นเธอมีเพื่อนสนิทรึเปล่า”
“มีค่ะ คนเดียว”
“อื้มไว้ใจได้ใช่ไหม ชวนมาก็ได้นะฉันเองก็จะชวนเพื่อนมาเขาเป็นจิตแพทย์น่ะ”
“ค่ะ”
“ฉันไม่ชอบวุ่นวาย จัดงานเอิกเกริกเพราะอีกสี่ปีก็หย่ากันแล้วเธอคิดแบบเดียวกันไหม”
“ฉันก็คิดแบบเดียวกับคุณหมอค่ะ เอาตามที่คุณหมอต้องการได้เลยค่ะ”
“อะไรกันตาแดงเชียวยิ้มหน่อยสิ คนจะเป็นเจ้าสาวทำหน้าเหมือนญาติเสีย เธอจะได้ทั้งบ้านทั้งเงินทองและก็สามีอย่างฉันนะใบหม่อนให้ตายเถอะ!” หมอเวย์ยิ้มร่าเขาดูมีความสุขและเหมือนจะสะใจ ที่เขาทำตามความต้องการของตัวเองสำเร็จ
“เหอะ! หมอเวย์”
นี่เป็นครั้งแรกที่หมอเวธัสเรียกเธอว่าใบหม่อนเพราะทุกครั้งเขาจะเรียกชื่อจริงของเธอ ใบหม่อนที่ตัดสินใจแต่งงานกับเขาแม้ว่ามันจะดูแปลกไปบ้าง แต่เธอก็ยอมเนื่องจากข้อเสนอนี้เธอคิดว่าคนที่ได้ประโยชน์เป็นตัวเธอเองกับครอบครัว และตัดปัญหาหนี้สินของทางบ้านที่ต้นเหตุเป็นเพราะอาการเจ็บป่วยของเธอ ถือว่าเป็นการตอบแทนพระคุณของพ่อแม่