“คุณจะบอกว่าคุณเข้ามาหยิบโทรศัพท์ให้คุณน้าของคุณนั่นก็คือคุณภัสสรเป็นอย่างนั้นใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ”
ดวงตาสีเฮเซลนัทมองหญิงสาวเจ้าของร่างบางหากแต่มีสัดส่วนอย่างที่สตรีพึงมีอย่างพิจารณา ดวงหน้าเรียวสวยรูปไข่ ปลายจมูกที่เชิดรั้นนิดๆ กับเรียวปากอิ่มสีเชอร์รี่สด ดวงตากลมโตสีดำขลับที่มีขนตาเป็นแพงอนงาม และเส้นผมสีดำสนิทยาวสลวยที่ล้อมรอบกรอบหน้าเอาไว้ดึงดูดความสนใจจากเคิร์กได้ไม่น้อย แต่พอรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ความสนใจของชายหนุ่มที่มีต่อหญิงสาวก็ติดลบ เขาไม่สนใจจะถามอะไรต่อด้วยซ้ำ
แม้กระทั่งชื่อของหล่อน
“ออกไปจากห้องของผม”
“แต่คุณน้าบอกให้ขิมมาหยิบโทรศัพท์ในห้องนี้นะคะ”
“ห้องนี้คือห้องนอนของผม และโทรศัพท์ของน้าคุณก็ไม่มีทางจะมาอยู่ในห้องนี้ได้”
“แต่ว่า…”
“ผมจะพูดเป็นครั้งสุดท้ายนะว่านี่คือห้องของผมและเชิญคุณออกไปจากห้องของผมได้แล้ว”
เคิร์กเน้นย้ำคำว่า ‘ห้องของผม’ ดวงตาสีเฮเซลนัทแข็งกร้าวยามที่จับจ้องใบหน้าของเขมรดา หญิงสาวได้แต่เม้มเรียวปากเข้าหากันแน่น ท่าทางลังเลอยู่หลายส่วน หากแต่สุดท้ายก็ตัดสินใจเดินไปที่ประตูโดยไร้คำร่ำลา ซึ่งแน่นอน
ว่าเคิร์กเองก็ไม่คิดจะใส่ใจ
เขมรดาจับที่ลูกบิดประตู หญิงสาวพยายามเปิดเท่าไรก็เปิดไม่ออก จนคนที่หันหลังให้อย่างเคิร์กต้องหันกลับมามอง
“ทำไมยังไม่ออกไปอีก”
เขมรดาเอี้ยวตัวกลับมาขณะที่มือของหญิงสาวยังจับอยู่ที่ลูกบิด ตอบออกไปด้วยท่าทางหวาดหวั่นกับน้ำเสียงแข็งกระด้างและสายตาคมดุที่มองมาอย่างไม่พอใจ
“มัน...เปิดไม่ออกค่ะ”
“นี่คุณจะเล่นแง่อะไรรึเปล่า”
“เปล่านะคะ ขิมเปิดประตูไม่ได้จริงๆ”
เขมรดาว่าพลางขยับลูกบิดประตูให้อีกฝ่ายดู เคิร์กขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนที่เจ้าตัวจะสาวเท้ามายืนซ้อนที่ด้านหลังของหญิงสาว
“ถอยออกไป”
เขมรดาถอยออกมาทันทีโดยไม่รอให้เคิร์กต้องพูดซ้ำ ชายหนุ่มจับลูกบิดประตู เขาขยับมันอยู่สองสามครั้ง พบว่าไม่สามารถเปิดได้จริงๆ
“นี่เป็นแผนของคุณกับน้าคุณหรือเปล่า”
“แผนอะไรกันคะ”
เขมรดาย่นคิ้วถามคนสูงกว่าที่หันมาเผชิญหน้ากันอย่างงุนงง เรียวหน้าสวยเต็มไปด้วยคำถามยามที่จับจ้องใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มของคนตรงหน้า
“ผมไม่ได้คิดจะเข้าข้างตัวเองหรอกนะ แต่ทำอย่างนี้ไม่ต่างอะไรกับการที่คุณเสนอตัวให้ผม เข้ามาในห้องผม แล้วจู่ๆ ประตูห้องก็ถูกล็อกจากด้านนอก แบบนี้จะให้ผมคิดยังไง นอกเสียจากคุณกับน้าของคุณอยากจับผม ให้ผมเป็นสามีของคุณและเป็นหลานเขยของคุณ ซึ่งแน่นอนว่ามันจะไม่มีทางเป็นแบบนั้นแน่”
“เปล่านะคะ คุณกำลังเข้าใจผิด”
“งั้นคุณลองบอกมาซิว่าผมควรเข้าใจว่ายังไง แล้วที่ห้องเปิดไม่ออกคุณจะอธิบายว่ายังไง”
“ขิมไม่รู้จริงๆ ค่ะ”
“ฮึ” เคิร์กเหยียดยิ้มอย่างดูแคลน “ไม่ว่าคุณกับน้าของคุณคิดจะทำอะไรผมขอบอกเอาไว้ตรงนี้เลยว่ามันไม่มีทางสำเร็จหรอก”
“ขิมไม่ได้คิดจะทำอะไรจริงๆ นะคะ แค่เข้ามาหยิบโทรศัพท์ตามคำสั่งของคุณน้า”
“ผมไม่เชื่อ”
เขมรดาไม่รู้จะอธิบายอย่างไรให้คนตรงหน้าเชื่อในคำพูดของหล่อน เรื่องนี้คนที่จะอธิบายได้ดีที่สุดก็คือคุณน้าภัสสร หากแต่จะติดต่ออีกฝ่ายได้อย่างไร เมื่อหล่อนเองก็ไม่ได้หยิบโทรศัพท์มือถือติดมือมาด้วย
“ถ้าอย่างนั้นคุณช่วยโทร.บอกให้คนมาเปิดประตูหน่อยได้ไหมคะ พอดีขิมไม่ได้หยิบโทรศัพท์มือถือติดมือมาด้วยถ้ามีคนมาเปิดให้ ขิมจะได้ออกไปจากห้องของคุณ”
“ผมลืมไว้ที่รถ”
“ถ้าอย่างนั้นเราโทร.สายในได้ไหมคะ”
เขมรดาเหลือบไปเห็นโทรศัพท์ภายในวางที่โต๊ะเล็กข้างเตียงพอดี เคิร์กเองก็เพิ่งจะนึกขึ้นมาได้ เท้าหนาจึงก้าวยาวๆ ไปที่ตรงนั้น หยิบโทรศัพท์ไร้สายขึ้นมาแล้วกดโทร.ออก
หากแต่ไร้การตอบรับแม้ว่าจะถือสายรอจนกระทั่งสัญญาณรอสายขาดหายไปแล้วตัดเข้าสู่ระบบรับฝากข้อความอัตโนมัติ
ด้วยวันนี้มีการจัดเลี้ยงงานวันเกิดของภัสสร และงานเลี้ยงยังคงไม่เลิกรา เสียงดนตรียังคงดังกระหึ่มอย่างต่อเนื่อง และผู้คนที่มาร่วมงานก็ยังดื่มกินอย่างสนุก คนงานในบ้านคงวุ่นวายและคงไม่มีใครได้ยินเสียงโทรศัพท์เพราะถูกเสียงดนตรีกลบจนหมด เคิร์กผ่อนลมหายใจอย่างขัดอารมณ์
“ไม่มีใครรับสาย”
เคิร์กบอกให้อีกคนในห้องรับรู้ซึ่งนั่นก็คือเขมรดาก่อนที่เขาจะหันมาเผชิญหน้ากับหล่อนอีกครั้ง เขมรดาได้แต่เม้มเรียวปากเข้าหากันแน่น เพราะหล่อนเองก็ไม่รู้จะจัดการกับเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างไรเช่นกัน
ตอนนี้หล่อนเองก็มึนงงไปหมดแล้ว
และคนที่จะอธิบายเรื่องนี้ได้ดีที่สุดก็คือคุณน้าภัสสร
“เดี๋ยวพองานเลิกผมจะลองโทร.ดูอีกที”
เขมรดาได้แต่พยักหน้ารับเมื่อคนเป็นเจ้าของห้องกล่าวออกมาเช่นนั้น ร่างบางยังคงยืนเคว้งขว้างอยู่กลางห้องตอนที่เคิร์กเดินไปนั่งที่เตียง
“ผมไม่มีทางเสียสละเตียงนอนให้คนอื่นหรอกนะ”
“ถ้าอย่างนั้นขิมขออยู่ตรงโซฟานั่นได้ไหมคะ”
นิ้วเรียวชี้ไปที่โซฟาตรงมุมห้อง ดวงตาสีเฮเซลนัทมองตาม แม้เขาจะไม่ชอบใจที่อีกฝ่ายอยู่ในห้องนอนของตน หากแต่ในเมื่อต่างไม่สามารถออกจากห้องได้ และเคิร์กก็ไม่ใช่คนใจร้ายถึงขนาดให้อีกฝ่ายยืนเคว้งกลางห้องทั้งคืนเช่นนั้น จึงเอ่ยปากอนุญาต
“อืม”
เสียงทุ้มต่ำสิ้นสุดลง เขมรดาจึงขยับเท้าไปที่โซฟาตัวดังกล่าว หล่อนหย่อนสะโพกลงบนเบาะนุ่มอย่างระมัดระวัง ดวงตาคู่สวยเหลือบมองเจ้าของร่างสูง เผลอสบเข้ากับดวงตาคมกริบที่มองมาพอดี ฉับพลันหัวใจของหล่อนก็เต้นระส่ำ ร่างเพรียวจึงรีบพลิกตัวหันหน้าเข้าพนักโซฟา มือเล็กยกขึ้นกดแนบที่อกซ้ายในขณะที่เรียวปากสีเชอร์รี่สดเม้มเข้าหากันแน่น