รสนิยมของชนชั้นสูง
ตอน สตรีเดียวกำหราบทั้งกองทัพ 2
ท่ามกลางความตึงเครียดของสนามรบที่กำลังจะปะทุขึ้น สายตาของทุกคนทั้งจากฝั่งปราสาทและฝั่งข้าศึก ต่างจับจ้องไปยังร่างเล็กๆ ที่กำลังก้าวเดินออกจากกำแพงเมืองไปเพียงลำพัง
ท่านหญิง อุอินะ ก้าวเดินอย่างเชื่องช้าบนผืนหิมะที่ปกคลุมพื้นดิน ชุดคลุมผ้าบางสีขาวนวลที่ปักลายดอกไม้สีชมพูเล็กๆ พลิ้วไหวตามแรงลมที่พัดมาปะทะร่าง เรือนผมยาวสลวยถูกปล่อยลงมาปกคลุมแผ่นหลัง มือเรียวขาวของเธอสัมผัสกับเนื้อผ้าบางเบาที่ห่มคลุมกายไว้
ทุกย่างก้าวที่เท้าเปล่าเล็กขาวของเธอย่ำลงบนปุยหิมะ ทิ้งร่องรอยเล็กๆ ไว้เบื้องหลัง ความหนาวเย็นกัดกินผิวกายขาวเนียนละเอียดจนสั่นเทาเล็กน้อย แต่นั่นกลับยิ่งขับเน้นความสวยสง่าและสูงส่งของเธอให้โดดเด่นราวกับเทพธิดาที่ก้าวลงมาจากสรวงสวรรค์
ทุกคนที่มองผ่านกำแพงออกไปต่างตาค้างกับภาพที่เห็น แม้แต่เหล่าทหารหาญที่กำลังเตรียมพร้อมรบก็ยังหยุดชะงัก สายตาจับจ้องไปที่ท่านหญิงด้วยความพิศวง
ในฝั่งตรงข้ามของสนามรบ ซามูไรอาทิตย์ขุนศึกผู้ยิ่งใหญ่ที่ขึ้นชื่อว่าไม่เคยแพ้ในสงครามใดๆ กำลังยืนอยู่บนเนินดินสูง มองลงมายังกำแพงเมืองของศัตรู ข้างกายเขามีลูกชายสองคนแสงเหนือผู้เป็นบุตรชายคนโต รูปร่างกำยำ แววตาดุดัน และแสงใต้บุตรชายคนรอง วัยหนุ่ม รูปงาม แต่มีประกายแห่งความโหดเหี้ยมซ่อนอยู่ในดวงตา ทั้งสามพ่อลูกเป็นที่หวาดกลัวของข้าศึกทุกดินแดน
เมื่อแสงเหนือเหลือบไปเห็นร่างบอบบางที่กำลังก้าวเดินออกจากกำแพงเมืองมา เขาก็ขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ "ท่านพ่อ นั่นใครกัน?"
ซามูไรอาทิตย์มองตามสายตาของลูกชาย ดวงตาคมกริบของเขาเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย เมื่อเห็นท่านหญิง อุอินะ กำลังเดินออกมาเพียงลำพัง "นั่นมัน... สตรี"
แสงใต้เองก็จ้องมองไปยังท่านหญิง อุอินะ ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยปนความปรารถนา "สวยงามยิ่งนัก ไม่เคยเห็นสตรีใดงดงามเท่านี้มาก่อน"
ทันใดนั้น ซามูไรอาทิตย์ก็ออกคำสั่ง "ควบม้า! เราจะไปดูว่านางต้องการอะไร!"
ซามูไรขุนศึกทั้งสามพ่อลูกรีบควบม้าสามตัวดาหน้ากันออกมาจากกองทัพ พุ่งตรงไปยังร่างของท่านหญิง อุอินะ ที่กำลังเดินอยู่บนผืนหิมะอย่างรวดเร็ว เสียงฝีเท้าม้ากระทบผืนดินดังสนั่นหวั่นไหว ราวกับเสียงกลองรบที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น
จากมุมมองบนปราสาท ท่านมิวะและเหล่าทหารที่ปรึกษา ต่างมองภาพเหตุการณ์เบื้องล่างด้วยความตื่นตระหนก พวกเขาเห็นสามขุนศึกพ่อลูกควบม้าตรงไปยังท่านหญิง อุอินะ และหยุดลงเบื้องหน้าเธอ การสนทนาของพวกเขาเริ่มต้นขึ้น แต่จากระยะไกลเกินกว่าจะได้ยิน ทุกคนรอบๆได้ยินเพียงเสียงลมที่พัดหวีดหวิว
เมื่อรู้ว่าสตรีเบื้องหน้าคือท่านหญิงภรรยาเจ้าเมืองซามูไรอาทิตย์ก็ยิ้มเยาะ "โอ้!ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอของดีถึงเพียงนี้"
ฟุ่บ! เขากระชากผ้าคลุมของท่านหญิงออกอย่างรุนแรง เผยให้เห็นชุดผ้าไหมบางๆ ที่อยู่ด้านใน ลูกชายวัยฉกรรจ์อีกสองคนก็เข้ามาช่วยฉีกทึ้งเสื้อผ้าของท่านหญิงออกจนหมดสิ้น เผยให้เห็นเรือนกายขาวโพลนเปลือยเปล่าที่ขาวสะพรั่งไม่ต่างจากสีของหิมะ
สามขุนศึกพ่อลูกถอดชุดเกราะหนักอึ้งออกอย่างรวดเร็ว ตามด้วยเสื้อผ้าของพวกเขา เผยให้เห็นร่างกายกำยำล่ำสันที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ พวกเขาทั้งสามตั้งใจจะย่ำยีเมียรักของเจ้าเมืองต่อหน้าทุกคนกลางลานหิมะ เพื่อยั่วยุให้ท่านมิวะโกรธจนยกทัพออกไปนอกค่ายปราการด่านตั้งรับ
ท่านมิวะมองลงมาจากยอดปราสาทสูงเบื้องบน ดวงตาของเขาแดงก่ำด้วยความโกรธแค้น ความฉลาดเฉลียวของท่านทำให้รู้ทันแผนการของศัตรู หากเขาบุ่มบ่ามยกทัพออกไปนอกปราการ ทหารและชาวบ้านที่ยังขวัญเสียต้องกลายเป็นเหยื่ออันโอชะของเหล่าข้าศึกที่เหนือกว่ากำลังนัก
ท่านมิวะกำหมัดแน่นจนหน้าสั่น ความฉลาดเฉลียวของท่านนึกคิดเท่าไรก็นึกไม่ออกว่าทำไมท่านหญิงถึงทำเช่นนั้น ท่านรู้เพียงว่าเธอตั้งใจสละชีพ แต่เพื่ออะไรกัน?
ท่านคิดในใจว่าหลังข้าศึกพวกนั้นบุกเข้ามาได้ จะฆ่าให้ได้มากที่สุดก่อนที่ตนเองจะตาย หากท้ายที่สุดเมืองชนะเขาก็จะฆ่าตัวตายตามเมียรักไปอยู่ดี
แต่แล้ว ทุกอย่างก็เกินความคาดหมาย สามพ่อลูกร่างกำยำน่าเกรงขามเดินมารุมล้อมร่างเปลือยเปล่าของท่านหญิง อุอินะ พวกเขาเริ่มซุกไซร้และลูบไล้ร่างกายของเธออย่างหื่นกระหาย
ซามูไรอาทิตย์ใช้มือบีบเฟ้นเต้านมที่ขาวผ่องจนขึ้นสีแดงจ้ำๆ ลูกชายทั้งสองเลียแก้มลื่นๆ ของท่านหญิงอย่างไม่ลดละ
ซามูไรอาทิตย์โน้มตัวก้มลงไปจูบริมฝีปากของท่านหญิง อุอินะ อย่างดูดดื่ม ลิ้นของเขาตวัดเลียไปทั่วโพรงปากอย่างหิวกระหาย
แสงเหนือและแสงใต้สองลูกชายก็ก้มลงไปเลียดูดเต้านมของท่านหญิงคนละข้าง เสียงดูดจั๊บๆ ดังขึ้นอย่างน่าขยะแขยง
"ฮ่า! ๆ ๆ ๆ เอาเลยๆ ย่ำยีนางแล้วฆ่าทิ้งเสีย!"
เสียงหัวเราะเยาะเย้ยและขำขันของทัพศัตรูดังระงมราวกับเสียงฟ้าร้อง แสดงความสะใจในความพ่ายแพ้ของเจ้าเมือง
โครม!
โครม!
โครม!
จู่ๆ ร่างขุนศึกสามพ่อลูกที่กำลังหลงระเริงในความใคร่ก็ร่วงลงไปกองจมพื้นหิมะราวกับใบไม้ร่วง ใบหน้าของพวกเขาซีดขาว
ตัวสั่นเทาอย่างรุนแรง ดวงตาเบิกโพลงค้างมองไปยังท่านหญิง อุอินะ อย่างไม่เชื่อสายตา พวกเขาถูกพิษสมุนไพรดิบที่ท่านหญิงแอบทาเคลือบไว้บนเรือนร่างของเธอเล่นงานเข้าแล้ว
สนามศึกเงียบงันราวกับไร้ชีวิตใด แม้ในหุบเหวหลังปราการเมืองก็มีเพียงเสียงลมพัดผ่านยอดไม้สูง
ข้าศึกทั้งสองพันนายยืนเงียบราวกับถูกสาปให้กลายเป็นหินที่นิ่งงัน ภาพสามขุนศึกผู้ยิ่งใหญ่ที่ล้มลงจมพื้นหิมะเบื้องหน้าท่านหญิง อุอินะ สร้างความตื่นตระหนกและหวาดกลัวไปทั่วทั้งกองทัพ เสียงตีกลองรบและเสียงโห่ร้องที่เคยดังกึกก้อง บัดนี้เงียบสงัดลงอย่างสิ้นเชิง
ท่านหญิง อุอินะ ก้มลงเก็บร่มที่ตกอยู่บนพื้นหิมะอย่างช้าๆ ใบหน้าเรียวสวยของเธอยังคงสงบนิ่ง ดวงตาคมกริบมองไปยังกองทัพข้าศึกที่ยืนนิ่งราวกับรูปปั้น ก่อนที่เธอจะค่อยๆ หมุนตัว หันหลังให้สนามรบ และก้าวเดินกลับเข้ามาทางกำแพงเมืองในสภาพร่างกายเปลือยเปล่า แสงอาทิตย์ยามเช้าที่เริ่มสาดส่องแรงขึ้น กระทบกับผิวขาวผ่องของเธอให้เปล่งประกายราวกับเทพธิดา
บนกำแพงเมือง ท่านมิวะและเหล่าทหารที่ปรึกษายืนมองภาพเหตุการณ์เบื้องล่างด้วยความตกตะลึง พวกเขาไม่เคยคิดว่าท่านหญิงจะสามารถจัดการกับขุนศึกผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามคนได้ด้วยวิธีเช่นนี้
ทันทีที่ท่านหญิง อุอินะ ก้าวเดินกลับมาถึงหน้ากำแพงเมือง ชาวบ้านชายหญิงและทหารหาญที่เฝ้ารออยู่ด้านในก็วิ่งออกมาเรียงแถวแล้วนอนคว่ำลงไปกับพื้นหิมะหนาเย็น
พวกเขาทุกคนทำร่างกายตัวเองให้กลายสะพานแห่งชีวิตให้ท่านหญิงได้เหยียบย่ำเข้าไปในเมืองโดยที่เท้าไม่ต้องสัมผัสกับหิมะเลยแม้แต่น้อย...