7.รู้สึกตัว

911 Words
ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม [2ชั่วโมง] เพ่ยหลันยังคงทำหน้าที่ดูแลอ๋องหนุ่มต่อ แม้จะแปลกใจที่หยางลู่ไม่กลับมาเสียที แต่นางก็เข้าใจว่ากรมพิธีการคงอยู่ไกล จนเวลาผ่านล่วงเลยไปค่อนคืน คนสนิทของอ๋องแปดก็ยังไม่กลับมา “เกิดอะไรขึ้น ทำไมคนของเขาถึงไม่กลับมาสักที” นางยืนเกาะประตูมองออกไปด้านนอก รอคอยผู้ที่ออกไปเอาราชสาส์นที่ว่าอยู่นาน “หรือจะเกิดเรื่องขึ้น คงไม่ได้ถูกฆ่าตายไปแล้วนะ” เอ่ยถึงตรงนี้นางก็หันกลับมาหาผู้ที่อยู่ในถัง “ยุคนี้ได้ยินว่าพี่น้องมักเข่นฆ่ากันเองเพื่อแย่งชิงบัลลังก์ คุณคงไม่ได้ถูกญาติพี่น้องจ้องเอาชีวิตใช่ไหม” เอ่ยจบนางก็ตักน้ำสมุนไพรเติมให้เพื่อคงความอุ่นอยู่เสมอ นางดูแลอีกฝ่ายอย่างดี ทั้งยังลากตั่งนั่งตัวกลมมา ทรุดกายลงข้างถังเพราะเหนื่อยล้าที่ต้องถ่างตาตลอดวันและคืน “ข้าไม่ไหวแล้ว คงต้องนอนพักเสียที” เพ่ยหลันวางหัวลงที่ขอบถัง โดยใช้แขนตนเองรองไว้ อีกมือก็รั้งคอของอ๋องหนุ่ม เกรงว่าเขาจะไถลลงน้ำในยามที่นางหลับ ซึ่งเสียงของนางผู้ที่อยู่ในถังล้วนแต่ได้ยิน เพียงแต่ยามนี้เขายังมิอาจมีแรงเปิดเปลือกตาขึ้นมาได้ แม้ร่างกายจะรู้สึกดีขึ้นไม่ทรมานเหมือนคราแรก แต่มันยังรู้สึกเหมือนมีบางอย่างกดทับเอาไว้จนมิมีแรง เช้าของวันใหม่ สตรีตัวน้อยงัวเงียตื่นขึ้นมา แขนเล็กก็ยังคงรั้งอยู่ที่คอของท่านอ๋อง นางอ้าปากหาวตามปกติแต่มันดันอยู่ข้างหูของคนในถัง จู่ๆ เขาก็รู้สึกขนลุกขึ้นมาดื้อๆ “อะไรกัน คนของคุณยังไม่กลับมาอีกเหรอ ไม่ใช่ถูกฆ่าตายไปแล้วจริงๆ หรอกนะ” นางเอ่ยอย่างที่คิด ก่อนจะดึงแขนกลับมาลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียด ร่างเล็กเดินตรงไปล้างหน้าล้างตาตนเอง แล้วเดินกลับมาที่ถังอีกครั้ง “นี่คุณ รู้สึกดีขึ้นบ้างไหม ไม่ฟื้นสักทีแบบนี้คนในจวนต้องตายกันหมดนะ” นางเอ่ยถามคนในถังราวกับว่าเขาจะตอบได้ สุดท้ายก็ต้องถอนหายใจยาว แต่จู่ๆ นางก็นึกอะไรขึ้นมาได้ “จริงสิคุณปู่เคยบอกว่ายุคโบราณผู้คนชอบใช้พิษเป็นอาวุธ ในช่วงห้าร้อยปีต่อจากรัชสมัยนี้เริ่มมีการใช้เข็มบ่งพิษและเป็นที่นิยมมาก แต่เขาเป็นท่านอ๋องถ้าทำแล้วเกิดผิดพลาดเราจะไม่ตายเหรอ” เอ่ยถึงตรงนี้ ผู้ที่มาจากยุคอื่นก็ถอนหายใจอีกรอบ แต่จู่ๆ คนที่นั่งนิ่งมานานก็เปิดเปลือกตาขึ้น ในใจรู้สึกยินดีที่สามารถมองเห็นอีกครั้ง หลังจากที่เขาหลับไหลมานานนับสิบวันเพราะยามนั้นอาการเริ่มหนักจนมิได้สติ เพ่ยหลันซึ่งยืนอยู่ตรงหน้าเขาถึงกับยิ้มกว้างส่งให้ “นี่คุณเห็นฉันไหม? แสดงว่าสมุนไพรได้ผล” เพ่ยหลันเอ่ยเสียงปีติยินดีเมื่อเห็นอีกฝ่ายฟื้นแล้ว โจวสุ่ยกะพริบตามองสตรีตัวน้อยพร้อมกับคิ้วที่ผูกกันเป็นปม เพราะใบหน้านี้มีบางสิ่งทาเต็มจนขาววอกยิ่งกว่าตัวละครในคณะงิ้ว เพ่ยหลันหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นท่าทางของเขา “ไม่ต้องตกใจฉันแค่รักษาสิว ตุ่มแดงที่ขึ้นบนหน้าน่ะ คุณไม่มีแรงพูดใช่ไหม เอางี้นะ ฉัน” เสียงพูดเงียบลง เพราะนึกขึ้นได้ว่าตนเองกำลังเอ่ยถ้อยคำยุคปัจจุบันกับอีกฝ่ายอยู่ จึงได้เปลี่ยนใหม่ “เอ่อ ข้าจะถามท่าน หากใช่หรือตกลงก็กะพริบตาหนึ่งครั้ง หากไม่ใช่ก็กะพริบสองครั้ง ท่านว่าแบบนี้ดีกว่าหรือไม่" ส่งเสียงสดใสใส่อีกฝ่าย ซึ่งโจวสุ่ยก็กะพริบตาให้หนึ่งครั้ง เพ่ยหลันยิ้มกว้างเมื่อคุยกับเขาเข้าใจ นางจึงเริ่มใช้คำถามกับเขาทันที “ถ้าข้าจะใช้เข็มบ่งพิษ ท่านจะยินยอมหรือไม่” อ๋องหนุ่มกะพริบตาให้หนึ่งครั้ง เพ่ยหลันจึงยิ้มแหยออกมา “คือข้าไม่เคยทำหรอกนะ แต่ตำรานี้มีใช้กันแพร่หลายในอีกห้าร้อยปีข้างหน้า เรื่องพวกนี้ข้าเองก็พอเรียนรู้มาบ้าง จุดที่ต้องบ่งพิษออกมีสามแห่ง” นางหยุดคำพูดลงเพื่อดูท่าทีของอีกฝ่าย นึกแปลกใจตนเองเหมือนกัน เหตุใดถึงบอกเขาเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ เพราะมันไม่น่าเชื่อเอาเสียเลย จะมีใครสามารถดึงวิชาแพทย์จากวันข้างหน้ามาใช้ได้กันล่ะ แต่!..โจวสุ่ยกลับกะพริบตาหนึ่งครั้ง สื่อให้รู้ว่าเขายินดีและต้องการฟังต่อ “หลังจากที่ข้าแทงเข็มลงไป หากสำเร็จท่านจะกระอักเลือดพิษออกมา แต่ถ้าไม่ก็ต้องรอดูผลต่อไป และรอดูว่าคนของท่านจะตามหาสาเหตุของพิษนี้ได้หรือไม่” เอ่ยจบก็มองใบหน้าซีดของอีกฝ่าย ซึ่งโจวสุ่ยก็กะพริบตาหนึ่งครั้งอีก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD