2. โรคระบาด

1071 Words
จวนอ๋องสาม ยามนี้มีท่านอ๋องถึงสามพระองค์นั่งหารือกันอยู่ ต่างก็เป็นฝ่ายตรงข้ามกับฮ่องเต้และโจวสุ่ยมาตั้งแต่ยังไม่สถาปนาผู้ครองราชย์องค์ใหม่ และคอยหาวิธีเอาบัลลังก์กลับคืนมา เพราะความคิดที่ว่าตนนั้นคือโอรสองค์โตสุด เพราะพระเชษฐาทั้งสองพระองค์สิ้นพระชนม์ไปตั้งแต่ยังเยาว์ แต่เหตุใดมิรู้ได้เสด็จพ่อผู้ล่วงลับกลับยกบัลลังก์ให้กับองค์ชายสี่แทนที่จะเป็นเขา จึงเป็นที่มาให้พวกเขาคิดแย่งชิงบัลลังก์ “เสด็จพี่โจวสุ่ยกลับมาเมืองหลวงแล้วเช่นนี้เราคงทำการลำบากแล้วพ่ะย่ะค่ะ” อ๋องหกนามว่าฟานจางจินเอ่ยกับพระเชษฐาทั้งสองพระองค์ ซึ่งครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่ไม่ต่างกัน ลำพังรับมือฮ่องเต้กับอ๋องห้าก็ทำสิ่งใดได้ไม่ถนัดแล้ว แต่ยามนี้โจวสุ่ยยังกลับมาพำนับที่เมืองหลวงอีก “อย่าพึ่งร้อนใจไปเลยเสด็จพี่ทั้งสาม พี่แปดมิใส่ใจเรื่องราชสำนักอยู่แล้ว เรื่องยักยอกและการกบฏข้าคิดว่าเขามิมีทางเข้ามายุ่งเกี่ยวเป็นแน่” เสียงทุ้มของอ๋องเก้าดังขึ้น พร้อมกับเดินเข้ามาภายในห้องโถงใหญ่ “น้องเก้าเจ้ากลับมาแล้วหรือ ดีเลยมาช่วยกันหารือเถอะ” อ๋องเจ็ดเอ่ยกับอนุชาองค์สุดท้าย เสียงพูดคุยเกิดขึ้นหลังจากนั้นจนดึกดื่นเช่นทุกครั้งที่พวกเขามารวมตัวกัน หนึ่งเดือนผ่านไป ทุกอย่างปกติสุขไร้ศึก เพราะแคว้นโดยรอบต่างก็ตกเป็นเมืองขึ้นของแคว้นต้าหย่ง ไม่มีใครกล้ายกทัพกลับมาชิงเมืองของตนกลับคืน เพราะสูญเสียไพร่พลไปมากกว่าจะฟื้นตัวได้คงอีกนานหลายปี จวนอ๋องแปด ยามรุ่งสางของวันใหม่แสงแดดอ่อนรำไรโผล่ขึ้นจากขอบฟ้า ร่างสูงกำยำของอ๋องหนุ่มวัยยี่สิบหกกำลังควงทวนไปมาเหมือนทุกวัน เขายังคงฝึกปรือแม้จะไม่ได้ออกรบแล้ว แต่สองสามวันมานี้เขากลับรู้สึกเหนื่อยง่าย ร่างกายไร้เรี่ยวแรงราวกับคนป่วย “ท่านอ๋องพักก่อนเถอะพ่ะย่ะค่ะ เหตุใดเหงื่อออกมากนัก พระองค์ไม่เคยเป็นเช่นนี้เลย” บ่าวรับใช้ตรงเข้ามาประคองผู้เป็นนาย เขาพาไปนั่งที่ตั่งยาวก่อนจะรินชาให้ “กระหม่อมจะไปตามท่านหมอมาตรวจดูอาการเดี๋ยวนี้” หยางลู่คนสนิทอีกคนของโจวสุ่ยเอ่ย เขารีบสั่งทหารทันที เพราะผู้เป็นนายดูอาการแย่มาก ซึ่งโจวสุ่ยก็เห็นดีกับความคิดเขา เพราะรู้สึกแย่กับร่างกายของตนที่มันดูทรุดลงทุกวันอย่างน่าสงสัย และไม่ใช่แค่เขายังมีหานจิ่งด้วย “เมื่อเช้าหานจิ่งก็บ่นว่าเหนื่อยจนไม่ยอมลุกออกจากเตียง ไม่รู้ไปติดหวัดที่ใดมาทั้งที่เป็นคนแข็งแรงเพียงนั้น” หยางลู่กล่าวกับผู้เป็นนายซึ่งหน้าซีดมาก ใครคนหนึ่งยืนมองอยู่มุมเรือน ริมฝีปากนั้นยกขึ้นเล็กน้อย “ต้องรีบรายงานอ๋องเก้า” ผู้ที่แอบดูรีบออกจากจวนไปเช่นกันเพื่อรายงานนายของตน จวนอ๋องเก้า ร่างเล็กของสตรีตัวน้อยเดินเข้าไปด้านใน เพื่อรายงานข่าวที่ตนได้พบเห็นมา “ทีหลังเจ้าอย่าออกมาในเวลากลางวันเช่นนี้อีก หากมีคนพบเห็นเข้าจะทำเช่นไร” ซูหม่าคนสนิทของอ๋องเก้าตำหนิสตรีตัวน้อยที่ส่งเข้าไปเป็นสายทันที นางมีหน้าที่อยู่ในครัว คอยช่วยจัดเตรียมอาหารให้จวนอ๋องแปด “เอาเถอะ เจ้าก็อย่าดุนักเลย เพ่ยหลันก็แค่รีบมาส่งข่าว ว่ามาจวนนั้นเกิดสิ่งใดขึ้น” จางเหรินถามเสียงอ่อนโยน เขาแสร้งพูดจาดีกับนางไปเช่นนั้นเอง เพราะยังต้องการใช้ประโยชย์สตรีผู้นี้ซึ่งนางหลงรักเขามานานแล้ว “หม่อมฉันคิดว่าท่านอ๋องโจวสุ่ยกำลังป่วยเพคะ ปกติร่างกายดูแข็งแรงมิเคยมีท่าทีเช่นนี้มาก่อน จนลู่หยางต้องรีบให้คนไปตามหมอมาเลยเพคะ” เสียงหวานเอ่ยรายงาน “จริงหรือ? พี่แปดแข็งแรงที่สุดในบรรดาพี่น้อง เจ็บป่วยได้อย่างไรกัน” จางเหรินเอ่ยในสิ่งที่ตนเคยเห็นมา “จริงเพคะ ยามนี้ท่านหมอคงกำลังตรวจอยู่เป็นแน่” “เช่นนั้นเจ้ารีบกลับไป ได้ความอย่างไรให้คนมาส่งข่าว มิต้องออกมาเองประเดี๋ยวจะถูกสงสัยได้” เพ่ยหลันมีสีหน้าหม่นลงทันที คิดว่าจะได้อยู่ต่ออีกสักนิด แต่ดันถูกไล่ให้กลับทั้งที่พึ่งมาถึงแท้ๆ นางย่อตัววางมือทับกันเหลือบมองผู้เป็นนายเล็กน้อย แต่อีกฝ่ายกลับไม่ใส่ใจเลยสักนิด ปกติอ๋องเก้าจะต้องเอ่ยชมนาง บางคราก็มอบจุมพิตให้แม้ใบหน้านี้จะดูน่ารังเกียจ เพราะมีเม็ดตุ่มขึ้นเต็มแก้ม นางกำลังอยู่ในวัยสาวอายุสิบเจ็ดปีเต็ม จึงทำให้ร่างกายที่ไม่ได้รับการดูแลดีๆ เหมือนสตรีชั้นสูง มีตุ่มขึ้นเพราะความร้อนจากการอยู่ในที่อับอย่างเช่นครัว นางจึงจำต้องเดินก้มหน้าออกจากจวน “เจ้าส่งคนไปสืบมาอีกทาง ข้าอยากรู้ว่าพี่แปดเป็นอันใดกันแน่ หากป่วยจริงก็เหมาะที่จะสร้างเรื่องเพิ่ม” “กระหม่อมไปเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ” อ๋องหนุ่มมองตามคนสนิทจนลับตา ริมฝีปากหนายกยิ้มพอใจกับข่าวที่ได้ยิน ซึ่งมันเป็นอย่างที่เขาได้รับรายงานมา หลังจากนั้นสามวันอ๋องแปดก็ถึงกับลุกไม่ขึ้น รวมถึงคนสนิทอย่างหานจิ่ง เป็นที่แปลกใจของคนในราชสำนัก เพราะไม่เพียงแค่สองคนนี้ที่ล้มป่วย แต่ยังมีคนของกรมพิธีการอีกสามคนที่เจ็บป่วยด้วยโรคประหลาดนี้เช่นกัน หมอดังทั่วเมืองถูกเรียกตัวเข้ามาเพื่อรักษา แต่ผ่านไปห้าวันแล้วก็ยังไม่มีผู้ใดสามารถตรวจพบอาการป่วยนี้ได้ ทำให้ฮ่องเต้และอ๋องห้าร้อนใจเป็นอย่างมาก แต่มิอาจมาเยี่ยมได้เพราะเหล่าขุนนางคิดเห็นว่าอาจเป็นโรคติดต่อ ยามนี้คนป่วยจึงถูกกักตัวให้อยู่แต่ในเรือน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD