"แม่คับ" (แม่ครับ)
"....."
"คุณแม่คับ" (คุณแม่ครับ)
‘เวียงพิงค์’ ที่กำลังนอนหลับอยู่นั้น ก็ลืมตาตื่นขึ้นมาหลังจากที่ได้ยินเสียงคุ้นเคยที่ดังอยู่ใกล้กำลังปลุกเธอ
"ครับลูก" หญิงสาวยื่นมือไปลูบศีรษะของลูกชายเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู
"น่านหิวนมคับแม่" (น่านหิวนมครับแม่) 'น่านฟ้า' เด็กชายตัวน้อยอายุสามขวบก็ขยับตัวลงมานอนทับบนอกเธอ แล้วใช้หน้าถูไถไปมาบริเวณหน้าอกของเธอ
"หิวมากเหรอคะ แต่น้องน่านเพิ่งกินไปเมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้วเองนะ" เวียงพิงค์เอ่ยสอบถามไปยังลูกชาย เพราะเมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้วเธอเพิ่งจะเอานมให้กินก่อนที่เธอจะนอนพักเอง
"มันหิวอีกแล้ว ขอกินเพิ่มได้มั้ยคับ" (มันหิวอีกแล้ว ขอกินเพิ่มได้ไหมครับ) น่านฟ้าแสดงสีหน้าออดอ้อน เธอเห็นแล้วก็เอ็นดูมาก จึงขยับตัวลุกขึ้น พร้อมกับอุ้มลูกชายมาวางลงบนเตียง ส่วนตัวเองก็เดินมาหยิบนมขึ้นมาหนึ่งกล่อง แล้วก็เดินกลับมาหาลูกชายตัวน้อย ยื่นกล่องนมที่เจาะแล้ว ไปให้คนนั่งรออยู่
"ขอบคุณคับ" (ขอบคุณครับ) เด็กชายตัวน้อย รีบยื่นมือมาหยิบกล่องนมไปดูด แล้วขยับตัวลงนอนบนเตียง
ส่วนเธอจึงเดิมมาที่หน้าต่างของห้อง พร้อมกับมองฝนที่กำลังตกโปรยปราย "ฝนยังไม่หยุดตกอีกเหรอเนี่ย"
"....."
"แล้วแบบนี้จะไปทำงานยังไงนะ" หญิงสาวยืนมองอยู่สักพัก ก็เดินกลับมานั่งลงบริเวณปลายเตียง ยื่นมือไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา พอกดเปิด หน้าจอก็แสดงเวลาหกโมงเย็น ซึ่งใกล้เวลาที่เธอจะต้องไปทำงานแล้ว
โดยงานที่เวียงพิงค์ทำนั้น คืองานเสิร์ฟเครื่องดื่มที่ผับชื่อดังแห่งหนึ่ง ที่อยู่ใกล้กับมหาลัยที่เธอเรียนอยู่
"หมดแล้วคับ" (หมดแล้วครับ) น่านฟ้ายื่นกล่องนมที่ตัวเองดื่มหมดแล้วมาให้ ซึ่งเธอก็ยื่นมือไปรับมาถือเอาไว้
"แม่คับ" (แม่ครับ)
"ว่ายังไงคะ"
"เมื่อวานน่านไปตลาดนัดกับคุณยาย เห็นรถบังคับด้วยคับ" (เมื่อวานน่านไปตลาดนัดกับคุณยาย เห็นรถบังคับด้วยครับ)
"น่านฟ้าอยากได้เหรอคะ" เพราะเวียงพิงค์เห็นท่าทางดีใจ หลังจากที่น่านฟ้าพูดถึงรถบังคับ เธอเลยเดาว่าลูกชายตัวเองคงอยากได้แน่
"ใช่คับ แม่ซื้อให้น่านได้ไหม" (ใช่ครับ แม่ซื้อให้น่านได้ไหม)
"ต้องได้อยู่แล้ว แต่แม่ขอเงินเดือนแม่ออกก่อนได้ไหมคะ เหลืออีกแค่สองวันเอง เงินแม่ก็จะออกแล้ว" เธออยากซื้อให้ลูกตอนนี้มากเลย แต่เพราะว่าตอนนี้เธอมีติดตัวแค่ไม่กี่บาทเอง
"ได้คับ" (ได้ครับ)
"งั้นนั่งวาดรูปรอแม่อยู่ตรงนี้นะ เดี๋ยวแม่ขอไปอาบน้ำก่อน"
"คับแม่" (ครับแม่)
เวียงพิงค์หยิบสมุดวาดรูปกับกล่องสีมาวางไว้ตรงหน้าลูกชาย ส่วนตัวเองก็เดินไปหยิบผ้าขนหนูแล้วรีบเข้าไปในห้องน้ำเพื่ออาบน้ำชำระร่างกาย
โดยใช้เวลาในการอาบน้ำไม่นาน เธอก็รีบกลับออกมาพร้อมกับมาเปลี่ยนชุดเป็นชุดทำงาน แล้วแต่งหน้าทำผมเล็กน้อย
ซึ่งพอทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เธอก็เดินกลับมาหาลูกชายที่กำลังนั่งวาดรูประบายสีอยู่
"แม่แต่งตัวเสร็จแล้ว เราไปห้องคุณยายกันดีกว่าค่ะ" เธอเอ่ยบอกลูกชาย ซึ่งน่านฟ้าก็ลุกขึ้น ค่อย ๆ ปีนลงจากเตียง แล้วเดินมาหาเธอ
"ไปกันคับ" (ไปกันครับ) เด็กชายตัวน้อยพูดเสียงเจี๊ยวจ๊าวอารมณ์ดี
เราสองคนก็รีบเดินออกจากห้อง โดยเธอไม่ลืมที่จะหันไปกดล็อกประตู แล้วเดินจูงมือลูกชายมายังห้องของยายไหม ซึ่งท่านเป็นลูกบ้านที่พักอยู่ในอพาร์ตเมนต์เดียวกันกับเธอ
โดยยาย 'ไหม' รู้สึกเอ็นดูน่านฟ้ามาก และสงสารที่ตัวเธอนั้นอยู่กับลูกเพียงสองคนตามลำพัง ท่านเลยอาสาที่จะเลี้ยงลูกชายของเธอให้เวลาที่เธอไปทำงาน ครั้งแรกเธอก็เกรงใจมาก แต่ท่านบอกว่าไม่ต้องเกรงใจ ท่านชอบเลี้ยงเด็ก
ก๊อก! ก๊อก!
เธอเคาะประตูไปสองครั้ง แล้วขยับถอยหลังกลับมายืนรอ ไม่นานประตูที่ปิดอยู่ก็ถูกดันเปิดออกมา พร้อมกับยายไหมที่กำลังอ้าแขนรับลูกชายของเธอ
"มาหายายเร็วลูก"
ซึ่งพอลูกชายของเธอได้ยินแบบนั้น ก็รีบปล่อยมือที่จับเธออยู่แล้วรีบวิ่งไปกอดยายไหมด้วยความคิดถึง
"น่ารักจริง ๆ เลยหลานยาย" สองยายหลานก็กอดกันไปกันมาจนเธอที่ก้มมองเวลาที่นาฬิกาข้อมือ ก็พบว่าเหลืออีกเวลาไม่นานก็จะถึงเวลาเข้างานของตัวเองแล้ว จึงรีบยื่นกระเป๋าชุดของลูกชายไปให้ยายไหม
"คุณยายคะ นี่เป็นชุดของน่านฟ้านะคะ"
โดยพอเธอพูดออกไปแบบนั้น คุณย่าก็ชี้ไปที่โต๊ะ เธอจึงเดินเอาถุงชุดของลูกชายไปวางเอาไว้ พร้อมกับเอ่ยลาเจ้าตัวน้อย
"แม่ไปก่อนนะคะ ไว้เจอกัน"
"คับคุณแม่" (ครับคุณแม่)
เราสองคนเอ่ยลากันอยู่สักพัก เธอก็รีบเดินกลับออกมาจากห้องคุณยาย เพื่อจะลงไปรอรถประจำทางที่วิ่งผ่านไปยังผับที่เธอทำงานอยู่
"เวียงพิงค์"
ซึ่งระหว่างที่กำลังยืนรอรถอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงเรียกจากด้านหลัง หญิงสาวจึงรีบหันไปมองก็พบว่าเป็น 'นิดหน่อย' รุ่นพี่สาวที่เป็นคนชักชวนให้เธอไปทำงานที่ผับ ที่เธอทำงานอยู่ปัจจุบันนี้
"อ้าว วันนี้วันหยุดของพี่ไม่ใช่เหรอคะ แล้วทำไมใส่ชุดทำงานล่ะ" เพราะทุกวันพุธแต่ละสัปดาห์ จะเป็นวันหยุดของนิดหน่อย
"ก็ยัย 'ส้มโอ' น่ะสิขอสลับเวร เพราะมีธุระจำเป็นต้องไปจัดการกะทันหัน วันนี้พี่ก็เลยต้องไปแทน ครั้งแรกคิดว่าคงไม่ทันรถตอนหกโมงแน่ ๆ แต่ดีหน่อยที่วันนี้รถมาเลตกว่าทุกวัน"
"....."
"แล้วนี่วันนี้ฝนมันจะตกทั้งวันเลยหรือเนี่ย เปียกแฉะไปหมดเลย" นิดหน่อยก็บ่นพึมพำ เพราะฝนที่ตกก็ไม่ยอมหยุดสักที ตอนนี้ก็ยังตกปรอย ๆ
"ช่วงฤดูฝนก็ต้องทำใจหน่อยค่ะ"
"ก็ต้องทำใจนั่นแหละ ก็ทำอะไรไม่ได้" นิดหน่อยก็บ่นไป