ตอนที่ 1 ที่นี่ไม่ใช่ที่ของฉัน

1545 Words
จวนสกุลว่าน “เร็ว ๆ เข้ารีบไปเอาผ้าห่มมาเพิ่มอีก” ท่านหญิง “ว่านเยว่เฟย” บุตรีคนโตของเสนาบดี “ว่านตง” พลัดตกน้ำในสระหลังจวนในตอนหัวค่ำของวันพระจันทร์เต็มดวง วุ่นวายถึงหมอหลวงในวังที่ต้องรีบมาทำการตรวจรักษาถึงสามคนตามพระบัญชาของฮ่องเต้ “เป็นอย่างไรบ้างท่านหมอ” “ท่านเสนาบดี… อาการท่านหญิงค่อนข้างจะวิกฤติ นางตกลงไปในน้ำนานเกินไปจึงทำให้ขาดอากาศหายใจ ข้าน้อยคิดว่าท่านควรจะ….” “แคก แคก…. เฮือก!!” “เยว่เฟย!!” เสนาบดีว่านรีบวิ่งไปยังข้างเตียงของบุตรสาวในทันที หมอหลวงเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าท่านหญิงที่พึ่งตกน้ำ เขามั่นใจว่านางนอนหายใจรวยรินอยู่อาการนั้นคงไม่รอดพ้นคืนนี้ไปได้แต่บัดนี้นางกลับลุกขึ้นมาไอและพ่นน้ำออกมา “เร็วเข้าท่านหมอ รีบเข้ามาดูอาการนางหน่อย” “ขอรับ!” คนที่พึ่งฟื้นมิได้พูดสิ่งใด สายตานางพร่าเบลอจนมิอาจจำสิ่งใดได้ “หวังเยว่เฟย” แอร์โฮสเตสสาวที่พึ่งได้เข้าทำงานเพียงครึ่งเดือน เธอจำได้ว่าเครื่องบินเกิดอุบัติเหตุไฟไหม้ห้องเครื่องทำให้เครื่องบินทั้งลำดิ่งลงก้นมหาสมุทรแปซิฟิก “แคก แคก…อะไรกันเนี่ย…. เฮือก!!” นางพยายามหายใจราวกับต้องการอากาศอย่างถึงที่สุด เพียงสามถึงสี่ครั้งและก็ล้มตัวนอนหมดสติไป…… สองวันถัดมา เปลือกตาที่ค่อนข้างหนาค่อย ๆ กะพริบขึ้นสู้แสงแดดอ่อน ๆ ในยามสายซึ่งไม่แน่ใจว่าจะเป็นช่วงเวลาใดและวันที่เท่าไหร่ เมื่อร่างอรชรของสตรีในชุดนอนสีขาวแขนยาวค่อย ๆ ยกแขนขึ้นมาจับไปที่หน้าผาก “โอย…. เจ็บชะมัดเลย” “ท่านหญิงฟื้นแล้ว เร็วเข้ารีบไปเรียนนายท่านแล้วรีบตามท่านหมอ” “เจ้าค่ะแม่นม” “ลี่ฝู เสี่ยวชิงเร็ว ๆ เข้าพวกเจ้ารีบไปเตรียมน้ำ เตรียมชุดใหม่มาให้คุณหนูเร็ว ๆ เข้า เจ้าน่ะ ส่งคนไปแจ้งที่เรือนใหญ่บอกอนุซูให้ทราบด้วย” (อะไรกัน แม่นม อนุซู…. เรียกใครกันนะ ท่านหญิงงั้นหรือ…) “เฮ้ย!! อะไรเนี่ย!!” ดวงตาเบิกกว้างและตกใจเมื่อชุดที่สวมใส่ไม่เหมือนกับชุดผู้ป่วยในโรงพยาบาลแต่เป็นชุดผ้าหนายาวเหมือนกับในซีรีส์จีนโบราณที่เธอชอบดู “ท่านหญิงเจ้าคะ ท่านรู้สึกอย่างไรบ้างเจ้าคะ” “โอ๊ย!!” จบคำที่เรียกนาง เสียงที่ดังขึ้นในหัวก็เริ่มโจมตี ทุกความทรงจำเกี่ยวกับเจ้าของร่างเดิมกำลังพุ่งเข้ามาราวกับสายน้ำที่ทะลักอย่างยากจะหยุดยั้ง (ท่านหญิง “ว่านเยว่เฟย” บุตรีเสนาบดีฝ่ายขวาของฝ่าบาท มารดาคือองค์หญิงเสี่ยเล่อพระนาม “หยางเนี่ยเฟย” สิ้นพระชนม์ไปเมื่อนางอายุได้เพียงเจ็ดขวบ….) “อะไร นี่มันข้อมูลอะไรกัน เรามีชื่อเดียวกันงั้นเหรอ โอ๊ย!!” “ท่านหญิง!! เร็วเข้าเรียกท่านหมอมาที เสิ่นปา หวังหลี่เร็ว ๆ เข้า” (ข้าไม่ได้พลัดตกน้ำ ไม่ได้เลอะเลือนแต่มีคนพยายามฆ่าข้าเพราะหวังในอำนาจ ช่วยข้าฉีกหน้าคนเหล่านั้น แก้แค้นให้ข้าด้วย…) “หยุด!! ฉันไม่…โอ๊ย…” (อนุซูของท่านพ่อและบุตรสาว คือผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่งในใจข้าพวกนางเกลียดข้ามาก รองลงมาคือลู่……) เสียงนั้นเริ่มไกลออกไปจนเงียบลง หวังเยว่เฟยในร่างของ “ว่านเยว่เฟย” ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอีกครั้ง นางพบว่าตรงหน้าคือสตรีสูงวัยเกือบจะเป็นยายของนางได้มองนางด้วยสายตาที่เป็นกังวลไม่น้อย “ท่านหญิงเจ็บตรงไหนหรือไม่เจ้าคะ แม่นมเรียกหมอมาให้แล้วรอสักครู่นะเจ้าคะ” “อะไรนะ ใครนะ แม่นมไหน แล้ว…. นั่น!!” ว่านเยว่เฟยหันไปมองกระจกที่อยู่ไกล ๆ ก็แทบตกใจและไม่มั่นใจ ร่างบางรีบก้าวเท้าลงจากเตียงจนล้มลงไปอีกครั้งเพราะนางแทบจะไร้เรี่ยวแรงที่จะเดินเพราะหมดสติไปกว่าสามวัน “ว้าย!! ท่านหญิง!!” “มะ ไม่เป็นไร…รอเดี๋ยวก่อนขอตั้งสติหน่อย ฉันอยู่บนเครื่องบิน…. เครื่องกำลังดิ่งลงแล้วฉันก็หมดสติไป แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้นที่นี่ที่ไหน” “ท่านหญิงนี่ท่านจำสิ่งใดไม่ได้เลยหรือเจ้าคะ ที่นี่คือเมืองหลวงของต้าหยวนเจ้าค่ะ รัชสมัยของฮ่องเต้หยางจวิ้นหรงซึ่งเป็นเสด็จลุงของท่านหญิงอย่างไรเล่าเจ้าคะ” ภาพในกระจกตรงหน้าทำให้นางต้องตกใจไปอีกครั้ง แม้ว่า “ว่านเยว่เฟย” จะเป็นคนสวยอยู่แล้วแต่ก็ต้องยอมแพ้ให้กับผู้ที่อยู่ในกระจกในตอนนี้ ผิวขาวละเอียดไร้ไฝฝ้า ดวงตาโตดุจลูกกวางที่สดใสอีกทั้งจมูกที่ได้รูปราวกับปั้นมาโดยหมอศัลยกรรมฝีมือขั้นเทพ ปากรูปกระจับที่สาว ๆ ในยุคของนางไฝ่ฝัน ทุกอย่างรวมกันอยู่บนใบหน้านี้ได้อย่างลงตัว “ฝันไปเหรอเนี่ย สวยอะไรแบบนี้แม้แต่ไอดอลก็ยังชิดซ้าย” “ท่านหญิง อย่างได้หมอนเพิ่มหรือเจ้าคะ เช่นนั้นข้าจะสั่งให้คนนำมาเพิ่มให้นะเจ้าคะ” “อะไรนะ…เอ่อ…” แม่นมมิได้คุยกับนางแล้วแต่นางหันไปจัดแจงให้คนที่พึ่งเข้ามาอีกสองคนเตรียมน้ำและผ้าสำหรับทำความสะอาดให้นางอยู่ “ว่านเยว่เฟย…. อะไรวะเนี่ยแล้วฉันจะกลับบ้านยังไง ที่นี่มันไม่ใช่ที่ของฉัน” “ท่านหญิงเจ้าคะ” สาวน้อยสะดุ้งสุดตัวเมื่อสาวใช้เดินมาเรียกขานนางอีกครั้ง ท่าทีตื่นกลัวและสายตาราวลูกกวางถูกทิ้งทำให้ “เสี่ยวชิง” สาวใช้ประจำตัวนางรู้สึกแปลกกับท่าทางของท่านหญิง “ท่านหญิง ท่านเป็นอะไรไปเจ้าคะอย่าทำเช่นนี้สิเจ้าคะบ่าวรู้สึกไม่ดีเลยเจ้าค่ะ” “ฉัน…ไม่ใช่…เจ้า…นาง…” “ข้าเสี่ยวชิงอย่างไรเจ้าคะ ทางนั้นน้องสาวของข้า “ลี่ฝู” แม่นมอิ๋งเจ้าค่ะ คุณหนูเจ้าคะ นี่ท่าน…” “เสี่ยวชิงอย่าพึ่งถามท่านหญิง รีบพาท่านหญิงไปอาบน้ำก่อนเถอะเร็ว ๆ เข้า” “เจ้าค่ะ” กว่าที่ว่านเยว่เฟยจะตั้งสติได้ก็อาบน้ำจนเสร็จและได้ดื่มชาร้อน ๆ เข้าไปนั่นแหละนางถึงได้มานั่งทบทวนบางอย่างที่เตียงเงียบ ๆ “นึกว่าจะมีแต่ในนิยายกับซีรีส์เสียอีก แล้วนี่ต้องหาตัวฆาตกรแทนนางสินะฉันถึงจะกลับบ้านได้ แล้วถ้ากลับไม่ได้ล่ะต้องอยู่ที่นี่งั้นเหรอ แล้ว....” “เจ้าคะ ท่านหญิงอยากได้อาภรณ์ใหม่หรือเจ้าคะ” “หา??…. เอ่อ เสี่ยว…” “เสี่ยวชิงเจ้าคะ” “อ้อ…เสี่ยวชิง ข้า…. ก่อนหน้านี้เป็นเช่นไรงั้น…อย่างนั้นหรือ” “คุณหนูท่านถามเช่นนี้หรือว่า ท่านหลงลืมจนหมดสิ้นเลยหรือเจ้าคะ แม้แต่เรื่องในคืนก่อนที่ท่านตกน้ำไปท่านก็จำไม่ได้หรือเจ้าคะว่าท่านไปที่นั่นได้เช่นไร” “ข้า…จำอะไรไม่ได้เลย” “เยว่เฟย!! ลูกพ่อเจ้าฟื้นแล้วพระโพธิสัตว์คุ้มครอง องค์เสวียนกงคุ้มครองให้เจ้ารอดปลอดภัย ลูกพ่อ…” ผู้ที่เรียกตัวเองว่าพ่อพุ่งกายเข้ามากอดนางด้วยความเร็ว อ้อมกอดของบิดาที่นางไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนเพราะในชาติที่แล้ว หวังเยว่เฟยมีเพียงมารดาเท่านั้นเพราะบิดาเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ตั้งแต่นางยังเด็ก “เจ้ารู้สึกเจ็บตรงไหนหรือไม่ ยังรู้สึกไม่สบายตรงไหนแล้วยัง…” “คุณ…ไม่สิ ท่าน…พ่อ…. ข้า ไม่เจ็บแล้ว เจ้าค่ะ” นางรู้สึกว่ายากยิ่งนักในการใช้คำโบราณเหล่านี้ โชคดีที่ไม่ต้องกินวุ้นแปลภาษาเข้าไปเพราะหวังเยว่เฟยถือเป็นเด็กอัจฉริยะ เธอพูดได้ถึงห้าภาษา เรียนจบแพทย์ตามใจมารดาที่อยากให้เรียน เธอเก่งกีฬาทุกรูปแบบขอแค่ได้ทดลองเล่น สิ่งที่เธอชอบคือกีฬาผาดโผนทุกชนิดและอาชีพที่ไฝ่ฝันคือนักบิน และเมื่อมารดาเสียชีวิตตอนเธออายุยี่สิบสาม หลังจากนั้นเธอก็หันหลังให้กับวิชาแพทย์ตอนอายุยี่สิบแปดและหันมาเอาดีทางด้านแอร์โฮสเตสซึ่งเป็นอาชีพที่เธอใฝ่ฝันแทนจนกระทั่ง….. “ดีแล้ว ๆ ท่านหมอมาหรือยัง พวกเจ้าเรียกหมอมาเร็ว ๆ เข้า” “ท่านพี่เหตุใดท่านจึงพูดจาเสียงดังเช่นนี้เล่าเจ้าคะ เสียงดังจนดังไปถึงเรือนหลัง” สตรีในชุดกรุยกรายสีส้มอ่อนเดินเข้ามาพร้อมกับบางคนที่เดินตามมาซึ่งว่านเยว่เฟยเห็นไม่ชัดนัก เมื่อทั้งสองเดินเข้ามาใกล้ ๆ นางจึงได้เห็นสตรีผู้นั้นชัด ๆ และหัวก็เริ่มปวดขึ้นมา “โอ๊ย!!” “เยว่เฟย เร็วเข้า แม่นมรีบไปเอาน้ำมาให้นาง แล้วนี่หมอล่ะ ท่านหมอมาหรือยัง!!” “ซูหลิง” ทำท่าระอาและเบื่อหน่าย สีหน้านั้นมิได้มาเพื่อเยี่ยมเยือนนางแต่เต็มไปด้วยความหงุดหงิดเมื่อเห็นว่านางฟื้นและรอดปลอดภัยดี ว่านเยว่เฟยเพียงแค่มองผู้มาเยือนก็รู้ว่านางไม่ได้มาดีเป็นแน่ (คน ๆ นี้น่าจะเป็นเมียของพ่อสินะ เรียกว่าอนุซูงั้นเหรอ) “หึ แค่เห็นหน้าข้าก็ออกอาการเชียวนะ หรือว่าท่านหญิงแค่อยากจะเรียกร้องความสนใจจากบิดาเท่านั้น”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD