ตอนที่ 3 แม่ทัพพิทักษ์แดนเหนือ

1463 Words
“คุณหนูเจ้าคะ อย่าได้โทษตัวเองเช่นนั้นเลยนะเจ้าคะ ช้าหรือเร็วคุณชายก็ต้องเดินทางไปเรียนที่นั่นอยู่ดีเพราะที่สำนักดาบนั่นเป็นสำนักที่ท่านแม่ทัพและแม่ทัพใหญ่เฉินร่ำเรียนมาก่อนเจ้าค่ะ” “งั้นหรือเจ้าคะ” “อย่าคิดมากเลยนะเจ้าคะ ได้เวลาดื่มยาแล้วเจ้าค่ะ” หลังจากเรื่องในวันนั้น ผ่านเวลาไปเกือบสิบปีที่นางใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางความอบอุ่นในจวนสกุลเฉิน ดูแลแม่ทัพและเฉินฮูหยินแทนบุตรชายที่ไปร่ำเรียนและข่าวร่ำลือในตอนนี้ เขาเป็นแม่ทัพแดนเหนือที่ไร้พ่ายในทุกสนามรบ ไม่ว่าจะสนามน้อยใหญ่ที่เกิดขึ้นล้วนได้แม่ทัพเฉินน้อยที่ปราบจนสิ้น “ประทานยศเป็นแม่ทัพพิทักษ์แดนเหนือ” “จริงหรือเจ้าคะท่านพี่ ยอดเยี่ยมไปเลยเช่นนั้นแบบนี้แสดงว่า....” “ใช่แล้วล่ะ ยศนี้ฝ่าบาทอยากจะประทานให้ข้ามานานแล้วแต่ข้าในไม่กล้ารับจริง ๆ ตอนนั้นเสียพี่ใหญ่ไป แม้ว่าศึกครั้งนั้นเราจะชนะแคว้นเว่ยได้ แต่ข้าก็ไม่อยากจะรับแต่ในตอนนี้เซียวเอ๋อร์ของเราเขาได้ตำแหน่งนี้มาด้วยฝีมือและความสามารถ เขาเหมาะสมกับตำแหน่งนี้มากกว่าข้า” “ท่านพี่ เช่นนี้…ลูกจะได้กลับมาเมืองชิงโจวแล้วสินะเจ้าคะ” “ใช่แล้วล่ะ เขาจะกลับมาแล้ว ได้กลับบ้านเสียที” “เพล้ง!!” สองสามีภรรยาหันมามองใบหน้าที่ซีดเผือดของหลานสาวในวัยสิบเจ็ดปีเต็มที่จะเข้าพิธีปักปิ่นในเร็ววันนี้ นางมือไม้สั่นเล็กน้อยเมื่อได้รู้ข่าวว่าแม่ทัพเฉินน้อยหรือบัดนี้ที่ได้รับพระราชทานยศ “แม่ทัพพิทักษ์แดนเหนือ” หมาด ๆ กำลังจะกลับมาเมืองชิงโจวอีกครั้ง “หลินเอ๋อร์เจ้าบาดเจ็บหรือไม่ อาหลันรีบเก็บไปทีเร็ว ๆ เข้า” “เจ้าค่ะฮูหยิน คุณหนูท่านถูกบาดหรือไม่เจ้าคะ” “ไม่ ๆ ข้าไม่เป็นอะไรอาหลันเจ้ารีบเก็บเถอะข้าช่วยเอง” “ไม่ต้องเจ้าค่ะ เดี๋ยวมือท่านจะถูกบาดเอา อีกสิบวันจะถึงพิธีปักปิ่นแล้วท่านต้องดีดพิณในงานอย่าได้ให้นิ้วบาดเจ็บจะดีกว่าเจ้าค่ะ" เฉินฮูหยินพยุงลี่หลินลุกขึ้นและเดินมานั่งที่เก้าอี้ แม่ทัพเฉินเข้าใจความรู้สึกของหลานสาวดีว่ากำลังคิดสิ่งใดอยู่ นางคงกำลังกังวลเรื่องที่บุตรชายของเขากำลังจะกลับมา “หลินเอ๋อร์ ไม่ต้องห่วงนะ เซียวเอ๋อร์และเจ้าต่างก็โตแล้วและในตอนนี้เขาเองก็เป็นถึงแม่ทัพใหญ่ เรื่องราวในอดีตน่ะเขาปล่อยวางจนหมดแล้วล่ะ เจ้าก็อย่าได้นึกกลัวพี่เขาไปเลย” “นั่นสิหลินเอ๋อร์ เชื่อป้านะเซียวเอ๋อร์ไม่ได้มีความคิดเช่นในวันเก่า ๆ แล้วอย่าได้กลัวเกินเหตุไปเลยนะ” “เจ้าค่ะ เช่นนั้นหลานขออนุญาตกลับห้องก่อนนะเจ้าคะ ท่านลุงท่านป้า แล้วท่านแม่ทัพจะกลับมาถึงที่นี่วันไหนเจ้าคะ” “ดูเจ้าสิยังไม่เรียกว่าท่านพี่อีกหรือ เหตุใดยังเรียกตามยศเช่นนี้อยู่อีก” “หลานขออภัยเจ้าค่ะท่านป้าข้าเพียงแค่ไม่ชินเท่านั้นเจ้าค่ะ” “ช่างเถอะ ๆ เอาไว้รอให้พบกันค่อยปรับตัวกันไป” “เจ้าค่ะ” แม้ว่าท่านแม่ทัพเฉินจะพูดเช่นนั้นแต่สำหรับเจียงลี่หลินแล้ว ไม่มีสิ่งใดน่ากลัวไปกว่าการจะต้องเผชิญหน้ากับคุณชายใหญ่สกุลเฉินอย่างเฉินจวินเซียวอีกครั้ง “คุณหนูเจ้าคะ ท่านอย่าได้กังวลไปเลยนะเจ้าคะ ตอนนี้ท่านและคุณชายต่างก็เติบโตขึ้นมากแล้วอีกอย่างพวกท่านไม่ได้พบหน้ากันมาสิบปีแล้ว…” “เจ้าคิดว่าคุณชาย…เอ่อท่านแม่ทัพจะยังโกรธข้าอยู่หรือไม่” “คุณหนู เรื่องนั้นมันผ่านมานานแล้วนะเจ้าคะ อาหลันพูดถูกคุณชายเองก็เติบโตจนเป็นถึงท่านแม่ทัพแล้ว ไม่คิดติดใจเรื่องราวในวัยเด็กหรอกเจ้าค่ะ” “แม่นม ข้ากลัวจริง ๆ เจ้าค่ะ กลัวว่าเหตุการณ์เหมือนครั้งที่ข้าพึ่งเข้ามาอยู่ในจวนนี้จะกลับมาอีกครั้ง หรือว่าข้าควรจะย้ายออกจากจวนก่อนที่ท่านแม่ทัพจะกลับมาดีเจ้าคะ” “ไม่ได้นะเจ้าคะ ที่นี่ท่านไม่มีญาติที่ใดแล้วนอกจากนายท่านกับฮูหยิน และนายท่านทั้งสองก็คงไม่ยอมให้ท่านจากไปเป็นแน่ คุณหนูเชื่อบ่าวสักครั้งนะเจ้าคะ รอคุณชาย...เอ่อ ท่านแม่ทัพกลับมาก่อนแล้วค่อยดูท่าทีของท่านอีกครั้งหนึ่งก็ยังไม่สาย ถึงอย่างไรเรื่องราวก็ผ่านมาเกือบสิบปีแล้ว” “เจ้าค่ะแม่นม คืนนี้ท่าน…มานอนกับข้าได้หรือไม่เจ้าคะ” “คุณหนู ได้สิเจ้าคะ” ลี่หลินกอดแม่นมถงเอาไว้แน่น แม้ว่าจะคลายความไม่สบายใจออกไปได้บ้างแต่ถึงอย่างไรจะช้าหรือเร็วนางก็ต้องพบกับเขาอยู่ดี คุณชายใหญ่สกุลเฉินจากบ้านไปสิบปี กลับมาครั้งนี้เขาจะเปลี่ยนไปมากเพียงใดนางเองก็ใคร่รู้ยิ่งนัก นอกเมืองชิงโจว ระหว่างทางกลับ “จางเต๋อ” “ขอรับท่านแม่ทัพ” “อีกกี่วันถึงจะถึงเมืองชิงโจว” “อีกราว ๆ สองวันขอรับ เส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่ใกล้ที่สุดแล้วขอรับ” “ไม่ได้กลับมาเสียนานเลยสินะ” เขาได้รับจดหมายจากท่านพ่อเมื่อเดือนก่อน ในจดหมายบอกเขาถึงความเป็นอยู่ในจวนและบอกว่าท่านแม่สบายดี มีป่วยกระเสาะกระแสะตามวัยบ้างแต่นางก็ยังมีคนที่ดูแลนางอยู่ ซึ่งบัดนี้นางแทบจะเป็นหมอประจำจวนสกุลเฉินไปแล้ว “เจียงลี่หลิน ยัยปีศาจน้อยของข้าคงจะเติบโตขึ้นแล้วสินะ” บุรุษหนุ่มรูปร่างกำยำสูงใหญ่อีกทั้งใบหน้าของเขายังหล่อคมเข้ม คิ้วดำดุจหมึกสายตาดุจเหยี่ยวที่ไม่เกรงกลัวต่อผู้ใด จมูกเป็นสันได้รูปริมฝีปากหนาผิวหน้าละเอียดไม่ต่างกับสตรีเพราะชายแดนเหนือที่เขาอาศัยอยู่อากาศเย็นตลอดทั้งปี ดังนั้นทั้งผิวพรรณและใบหน้าของเขาแม้ว่าปีนี้เฉินจวินเซียวจะอายุย่างเข้าปีที่ยี่สิบสามแต่ใบหน้าของแม่ทัพหนุ่มยังคงดูอ่อนกว่าวัยอยู่มาก “ท่านแม่ทัพขอรับ” “จางอี้ เจ้ารีบร้อนอะไรขนาดนั้น” “จดหมายจากฮูหยินขอรับ” “ท่านแม่ส่งจดหมายมางั้นหรือ มีเรื่องด่วนอะไรกันหรือว่ามีผู้ใดเป็นอะไรหรือไม่” “ไม่ขอรับ ๆ เพียงแต่มีหมายกำหนดการอยู่ข้างในบอกให้ท่านทราบขอรับ” “หมายกำหนดการอะไรกัน เอามานี่สิ” จดหมายถูกส่งมาให้เขาที่เดินเข้ามาในห้องของโรงเตี๊ยมต่างเมืองซึ่งเขาเลือกพักก่อนจะเดินทางเข้าเมืองชิงโจวในวันพรุ่งนี้ “พิธีปักปิ่นของสตรีในเมืองชิงโจว เฮ้อ…. ดูท่าแล้วท่านแม่ของข้าคงไม่พ้นอยากจะให้ข้าหาฮูหยินโดยเร็วสินะ” จางเต๋อและจางอี้หันมามองหน้ากันอย่างใคร่รู้ระคนแปลกใจไม่น้อยแต่พวกเขาติดตามท่านแม่ทัพเฉินน้อยมาตั้งแต่วัยเด็ก ย่อมรู้ดีว่าแม่ทัพเฉินผู้นี้ไม่สนใจสตรี เมืองข่านเล่อที่อยู่ทางเหนือมีสตรีงดงามมากมายมาให้เขาได้เลือกแต่ว่าแม่ทัพเฉินหาได้สนใจพวกนางไม่ แม้ว่าองค์หญิงต่างแคว้นที่ให้ความสนใจเขา เฉินจวินเซียวก็ยังเห็นนางเป็นเพียงแค่สหายเท่านั้น “อะไรนะ ปีศาจน้อยผู้นั้นก็ถึงวัยปักปิ่นแล้วเช่นกันงั้นหรือ โตแล้วสินะ” “ท่านแม่ทัพ ท่านหมายถึงคุณหนูเจียงผู้นั้นหรือขอรับ” “เจ้าเคยได้ยินข้าเรียกผู้ใดว่าปีศาจบ้างเล่าจางเต๋อ” “แต่ว่าเท่าที่ข้าสืบรู้มาก่อนหน้านี้ เห็นว่าคุณหนูเจียงเติบโตขึ้นมาเป็นสตรีที่ทั้งเพียบพร้อมและงดงามด้วยมารยาท ฝีมือดีดพิณและปักลายผ้าของนางเป็นที่หนึ่งในเมืองชิงโจวจนได้รับสมญานามว่า “ธิดาบุปผาเซียน” เลยนะขอรับ” “ข้าเองก็ได้ยินมาว่าคุณชายในเมืองชิงโจวต่างก็รอจะมอบของกำนัลให้คุณหนูเจียงในพิธีปักปิ่น หลังจากนี้คิดว่าคงจะมีเทียบสู่ขอมาส่งให้ที่จวนไม่หยุดเป็นแน่ขอรับ” “ต่อให้นางเป็นนางฟ้าลงมาจากแดนเซียน หรือธิดาแห่งสวรรค์แต่สำหรับข้านางก็ยังคงเป็นปีศาจน้อยอยู่ดี”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD