Intro

1288 Words
Intro สาวน้อยวัยแรกแย้มที่พึ่งเรียนจบปริญญาตรีจากประเทศอังกฤษมามาดๆ อย่างเพียงขวัญ ที่คิดว่าพอกลับมาประเทศไทยแล้วก็จะใช้ชีวิตช่วงวัยรุ่นของตัวเองให้เต็มที่กับการหาประสบการณ์ใหม่ๆ ทว่าอีกไม่นานเธอก็จะได้กลายเป็นเจ้าสาวโดยไม่เต็มใจกับคู่หมั้นวัยเด็กที่เห็นหน้าคราตากันมาเพียงไม่กี่ครั้งถึงแม้หนึ่งในครั้งนั้นจะเป็นตอนที่เขาไปแสดงความยินดีกับเธอตอนเรียนจบที่ประเทศอังกฤษด้วยก็ตาม แต่เธอก็มองออกได้อย่างง่ายดายว่าเขาไม่ได้เต็มใจมาแสดงความยินดีกับเธอเลยสักนิด จนกระทั่งวันนี้เป็นวันที่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายนัดกันมาคุยเรื่องฤกษ์การแต่งงานระหว่างเธอกับเขาอย่างจริงจังวันนี้จึงเป็นอีกครั้งที่เธอจะได้เจอว่าที่สามีในอนาคตของเธอ “สัวัสดีค่ะคุณอาคุณป้า คุณพ่อคุณแม่รออยู่ข้างในค่ะ สวัสดีค่ะพี่แม็กซ์เวลล์” เพียงขวัญที่เป็นตัวแทนพ่อแม่ออกมาต้อนรับครอบครัวคู่หมั้นกล่าวทักทายคู่หมั้นของตัวเองด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเหมือนทุกครั้ง ถึงแม้แม็กซ์เวลล์จะแสดงออกอย่างชัดเจนทุกครั้งเวลาที่อยู่กับเธอว่าไม่ยินดี แต่ก็ไม่ยินร้ายกับการถูกจับคลุมถุงชนกับเธอ แต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองเขาเลยแม้แต่น้อยเพราะเธอเองก็รู้สึกแบบนั้นเช่นกัน ที่ผ่านมาทั้งเธอและเขาเองต่างก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับสถานะคู่หมั้นนี้มากนักต่างคนต่างใช้ชีวิตของตัวเอง ทว่าวันนี้ดูเหมือนจะต้องกลับมาให้ความสนใจมากขึ้นเพราะการแต่งงานใกล้เข้ามาทุกทีบวกกับตอนนี้เองเธอก็กลับมาใช้ชีวิตอยู่ในประเทศเดียวกันทำให้ใกล้กันมากขึ้นธรรมดาที่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายก็ทำการจับตามองเป็นพิเศษ โดยเฉพาะการให้เธอกับเขาไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยขึ้นเพื่อทำความรู้จักกันมากกว่านี้ก่อนจะแต่งงานกัน “ครับ” แม็กซ์เวลล์ตอบรับคำทักทายของคู่หมั้นสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ต่อหน้าผู้ใหญ่เขาก็ไม่ต่างอะไรกับนักแสดงตุ๊กตาทองคนหนึ่งที่ต้องแสดงออกมาชอบพอกับเพียงขวัญเพื่อความสบายใจของทั้งสองฝ่าย หากนี้ไม่ใช่คำร้องขอสุดท้ายจากปู่ที่เขารักมากที่สุดเขาคงไม่ยอมรับการคลุมถุงชนครั้งนี้อย่างแน่นอน “คุณอากับคุณป้าเข้าไปหาคุณพ่อคุณแม่ด้านในก่อนนะคะ หนูขอชวนพี่แม็กซ์ไปดูดอกไม้ที่หนูปลูกเองหลังบ้านก่อนได้ไหมคะ” เพียงขวัญบอกเสียงใสท่าทางน่ารักน่าเอ็นดูของเธอทำให้ธาดากับซาร่าพ่อแม่ของแม็กซ์เวลล์เอ็นดูเธอเป็นอย่างมาก และอยากได้เธอมาเป็นลูกสะใภ้เต็มตัวสักที ถึงแม้ตัวซาร่าที่เติบโตมากับวัฒนธรรมทางยุโรปจะไม่เห็นด้วยกับการถุงคลุมถุงชนในตอนแรก แต่สุดท้ายก็โดนความน่ารักของเพียงขวัญตกจนอยากได้มาเป็นลูกสาวแทบไม่ไหว “ได้เลย รีบตามเข้าไปนะ” ธาดาบอกด้วยน้ำเสียงเอ็นดู ก่อนจะพาภรรยาเดินเข้าไปในบ้าน “ได้ค่ะ” เพียงขวัญยืนส่งพ่อแม่ของแม็กซ์เวลล์เข้าบ้านจนลับตาก่อนจะคว้ามือแม็กซ์เวลล์เดินไปที่หลังบ้านกับเธอ ทว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงกลับไม่ใช่การชวนมาดูดอกไม้อย่างที่กล่าวอ้างในตอนแรก แม็กซ์เวลล์กระตุกข้อมือเบาๆ ให้หลุดจากการเกาะกุมของคนตัวเล็กทำให้เธอหันมามองเขาพร้อมกับปล่อยมือออก “ขอโทษค่ะ ไม่ได้ตั้งใจจะแต๊ะอั๋งพี่นะ” เพียงขวัญรีบแก้ต่างให้ตัวเองทันที เธอยกมือโบกไปมาเพื่อปฏิเสธยกใหญ่ “จะให้มาดูต้นไหน” น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามด้วยท่าทางเหนื่อยหน่าย เพราะตรงหน้าเขามีดอกไม้ต้นไม้เป็นสิบๆ ต้น “ต่อหน้าหนูพี่ไม่ต้องแสดงก็ได้ค่ะ หนูรู้ว่าพี่ไม่อยากแต่งงานกับหนู” “แล้วไง” แม็กซ์เวลล์เลิ่กคิ้วหนาขี้นถามอย่างไม่สะทกสะท้าน “แล้วไง? แล้วหนูก็ไม่ได้อยากแต่งกับพี่เหมือนกันไงคะ” คนตัวเล็กตาโตบอกเขาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เพราะตั้งแต่หมั้นกันมาห้าปีนี้เป็นครั้งแรกที่เธอได้บอกกับเขาตรงๆ เนื่องจากเมื่อก่อนเธอเด็กเกินกว่าจะเข้าใจในเรื่องพวกนี้ที่ผู้ใหญ่เป็นคนจัดการมาให้ตลอด “แล้วจะให้ทำไง” “หนูรู้ว่าพี่ยอมแต่งงานกับหนูเพราะคุณปู่ แต่ตอนนั้นหนูเด็กมากหนูก็เลยรับปากคุณปู่ว่าจะแต่งงานกับพี่เหมือนกัน” ปู่ของแม็กซ์เวลล์เอ็นดูเพียงขวัญในวัยเด็กมากทำให้กาากฝังครั้งสุดท้ายจึงมีผลลัพธ์ออกมาเช่นนี้ ทว่าเจตนาของปู่แม็กซ์เวลล์ตอนนั้นคิดว่าความสดใส และความน่ารักของเพียงขวัญจะช่วยปลอบโยนจิตใจเยือกเย็นของหลานชายเขาให้มีชีวิตชีวาขึ้นหลังจากการจากไปของเขา “แล้วไง” “ทำไมพี่เอาแต่พูดว่าแล้วไง แล้วไงละคะ” “เอ้าก็รับปากไปแล้วจะให้ทำยังไง จะให้ไปปลุกปู่ในหลุมขึ้นมาบอกว่าล้อเล่นนะงี้เหรอ?” กวนประสาทคือคำแรกที่เพียงขวัญคิดได้ในใจหลังจากได้ยินประโยคตอบกลับของคู่หมั้นตรงหน้าตัวเองที่มีอายุมากกว่าเธอถึงสิบห้าปี “เฮ้อ ก็เราไม่อยากแต่งงานกันนี่คะ” “จะให้เดินไปบอกทุกคนว่าเราจะไม่แต่งงานกันแล้ว?” “ทำแบบนั้นก็เหมือนพวกเราผิดสัญญาที่ให้ไว้กับคุณปู่เลย” ใบหน้าหวานเศร้าลงเพราะเธอเองก็ไม่อยากผิดสัญญาที่รับปากเอาไว้เหมือนกัน “หนูไม่รู้” เพียงขวัญพึมพำเบาๆ “ถ้าไม่มีวิธีดีๆ ก็ทนๆ ไปนั้นแหละ แต่ไม่ต้องหวงเพราะฉันจะไม่ก้าวกายเรื่องส่วนตัวของเธอ อีกอย่างขอให้แต่งแต่ไม่ได้บอกว่าห้ามหย่านี้ เอาไว้แต่งไปก่อนค่อยหาทางหย่าทีหลังแล้วกัน” “แต่ว่า…หนูอยากแต่งงานกับคนที่หนูรักนี้ แต่ช่างมันเถอะ” เพียงขวัญเงยหน้ามาตอบด้วยรอยยิ้ม ถึงแม้จะเป็นรอยยิ้มที่ดูฝืนใจมากก็ตาม “ถ้าไม่อยากยิ้มก็ไม่ต้องยิ้มจะฝืนยิ้มทำไม” แม็กซ์เวลล์บอกด้วยความไม่เข้าใจ “ก็เหมือนกับตอนที่พี่แสดงต่อหน้าผู้ใหญ่ไงคะ” “อยู่กับฉันเธอไม่จำเป็นต้องแสดงอะไรแบบนั้น ยังไงตอนนี้ความเข้าใจเราก็ตรงกันว่าเราไม่ต้องการแต่งงานกัน” “หนูยิ้มให้กำลังใจตัวเองค่ะ ถือซะว่าให้กำลังใจพี่ด้วยแล้วกัน พี่เองก็ยิ้มไปยืนยิ้มให้ตัวเองหน้ากระจกบ้างนะคะเพื่อชีวิตนี้จะสดใสขึ้นบ้าง” ‘หัดยิ้มเหมือนหนูเพียงขวัญบ้างสิเพื่อชีวิตแกจะสดใสขึ้น’ ประโยคที่ปู่ชอบพูดกับเขาตอนที่ยังมีชีวิตอยู่แว่บขึ้นมาในหัวของเขาตอนที่ได้ยินเพียงขวัญเอ่ยประโยคที่คล้ายคลึงกันออกมา “พี่แม็กซ์? พี่แม็กซ์? พี่แม็กซ์เป็นอะไรไปคะ?” เพียงขวัญเดินเข้ามาเอาปลายนิ้วจิ้มที่แขนของชายหนุ่มเมื่อจู่ๆ เขาก็ดูเหม่อไป “เปล่า กลับไปข้างในกันเถอะ” “ค่ะ” เพียงขวัญเดินนำหน้าชายหนุ่มออกมาทำให้เขามองตามแผ่นหลังเธอด้วยความรู้สึกงุนงงอย่างบอกไม่ถูก เพราะประโยคของเธอก่อนหน้าทำให้เขารู้สึกอบอุ่นหัวใจขึ้นมา หรือเพราะประโยคนั้นดันไปคล้ายกับประโยคของปู่ผู้เป็นที่รักของเขาจึงทำให้เขารู้สึกแบบนั้น…
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD