กับดักรัก 13 | เริ่ม…ตอนนี้

2419 Words
เซลีนเดินออกจากห้องทำงานอย่างหมดแรง เหมือนทุกหยดพลังชีวิตถูกดูดกลืนออกไปตั้งแต่นาทีที่ครินทร์พูดประโยค ‘เงินเกือบล้าน แลกกับการที่เธอมาเป็นของเล่นบนเตียงให้ฉัน…ฉันว่ามันคุ้มออกนะ’ เสียงคำพูดนั้นยังวนเวียนในหัวเธอไม่หยุด เขาคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงแบบนั้นหรือไง ไม่สิ… เขาไม่ได้คิด บางทีเขาอาจมองเธอเป็นแบบนั้นตั้งแต่แรกแล้วก็ได้ รองเท้าคัชชูราคาถูกกระทบพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง ขาแทบจะไม่มีแรงพาร่างไปต่อ สายตาหลายคู่ในร้านหันมามองเธอขณะเดินผ่าน พนักงานบางคนยิ้มให้ บางคนถามไถ่ว่าเธอเป็นอะไรทำไมหน้าตาดูไม่สดใส เธอฝืนยิ้ม เก็บซ่อนความรู้สึกทั้งหมดไว้ข้างใน และเดินเข้าไปหลังร้านเงียบๆ เมื่อเข้ามาในห้องเก็บของเล็กๆ ด้านหลัง เธอก็ทรุดนั่งตรงบันไดทันที มือสั่นเทาเอื้อมไปเปิดโทรศัพท์ เปิดดูบันทึกรายรับรายจ่ายที่ตัวเองจดเอาไว้ ตั้งแต่วันแรกที่รู้ว่าแม่ป่วยหนัก หน้าจอเต็มไปด้วยตัวเลข ทั้งค่ารักษา ค่ายา ค่าตรวจต่างๆ และจำนวนยอดรวมที่ยังค้างอยู่ หากเธอช้าอีกนิด การผ่าตัดของแม่คงถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด เธอลืมตาขึ้นช้าๆ กลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหวอีกต่อไป “เซย์เหนื่อยจังเลย…” เธอไม่ได้เป็นผู้หญิงเข้มแข็ง ไม่ได้เป็นคนเก่ง เธอก็แค่เด็กคนนึงที่อยากให้แม่หายดี ‘ฉันมีเงินเยอะแล้ว ฉันแค่ต้องการอะไรที่มันแตกต่างจากสิ่งที่มี’ เขาไม่ได้ต้องการเงินของเธอ ถ้าเธอไม่รับข้อเสนอ แม่จะไม่มีโอกาสผ่าตัด ความจริงก็คือ…ศักดิ์ศรีมันรักษาแม่ของเธอไม่ได้ เธออาจจะไม่ได้อยากเลือกทางนั้น แต่เธอไม่มีทางเลือกอื่นที่เร็วพอสำหรับการรักษาแม่แล้ว วันต่อมา มหาวิทยาลัยวาแซร์ เสียงอาจารย์ที่ดังในชั้นเรียน ไม่ได้ดึงความสนใจจากใครบางคนที่กำลังนั่งเหม่อลอย ตั้งแต่เริ่มเรียนอย่างเซลีนได้เลย เซลีนนั่งจ้องชีทเรียนที่เปิดค้างอยู่หน้าหนึ่ง ดวงตาเธอพร่าเบลอเหมือนร่างจะลอยหลุดออกจากโลกแห่งความเป็นจริง ‘เงินเกือบล้าน แลกกับการที่เธอมาเป็นของเล่นบนเตียงให้ฉัน…ฉันว่ามันคุ้มออกนะ’ ‘แต่โอกาสมีแค่ครั้งเดียวเท่านั้น’ คำพูดของเขาวนซ้ำในหัว เหมือนเข็มทิ่มแทงในอกซ้ำแล้วซ้ำเล่า เซลีนกำมือที่วางบนตักไว้แน่น พยายามบังคับตัวเองให้อยู่กับปัจจุบัน ทว่ากลับไม่สำเร็จ เธอได้แต่ถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมาเกี่ยวกับเรื่องนั้น ไม่คิดว่าแค่ไปขอความช่วยเหลือจากใครสักคน มันจะนำมาซึ่งข้อเสนอที่ต่ำตมและเหยียบย่ำศักดิ์ศรีขนาดนี้ แต่ก็เพราะ…เธอไม่มีทางเลือก และแม่กำลังจะตาย เธอไม่อยากพูดคำนี้ในหัวด้วยซ้ำ เพราะมันเจ็บปวดเกินกว่าจะกลั้นน้ำตาไว้ได้ทุกครั้งที่เผลอคิด เซลีนแอบหลบสายตาเพื่อนรอบข้างที่หันมาสบตากันพอดี นั่งก้มหน้า บีบน้ำตาไว้ทั้งที่มันเอ่อขึ้นมาจนปวดหนึบทั่วดวงตา ข้างในร่างเธอเหมือนสนามรบ ด้านหนึ่งคือศักดิ์ศรี อีกด้านคือคนที่เธอรัก ที่สุดกำลังนอนรอความหวังอยู่โรงพยาบาล แค่เงินก้อนเดียว แค่ใช้ร่างกาย “เซลีน” เสียงเรียกเบาๆ จากเพื่อนในคลาสทำให้เธอสะดุ้ง “หืม?” “แกโอเคปะ” “โอเคๆ” เธอส่งยิ้มให้เพื่อนสนิทที่นั่งข้างๆ ราวกับไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ ‘น้ำตาล’ เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเซลีนพยักหน้ารับด้วยสายตาเป็นห่วง เห็นเซลีนนั่งเหม่อลอยมาสักพักแล้ว แต่ก็ไม่ได้ถามต่อ หลังเรียนเสร็จ เซลีนและน้ำตาลเดินตรงไปยังโรงอาหารเพื่อหาอะไรกิน บรรยากาศในโรงอาหารช่วงพักกลางวันเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยจอแจ นักศึกษาหลายกลุ่มนั่งจับจองโต๊ะตามมุมต่างๆ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูบ้าง กินข้าวไปพลางพูดคุยเล่นกันไป บางกลุ่มหัวเราะคิกคัก บางกลุ่มก็ดูจริงจังกับงานในมือ น้ำตาลถือถาดข้าววางลงบนโต๊ะว่าง ก่อนที่เซลีนจะนั่งตามลงไป ร่างบางดูไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงนัก มือเล็กที่วางอยู่บนตักขยับลูบชายกระโปรงเบาๆ เหมือนต้องการปลอบประโลมตัวเองจากข้างใน “วันนี้กินข้าวให้หมดนะเซย์ ช่วงนี้แกดูผอมลงไปเยอะเลย” น้ำตาลพูด พลางจัดถาดข้าวตัวเองให้เข้าที่ “นี่ๆ หมูกรอบ ส่วนที่กรอบที่สุดที่แกชอบ ฉันแบ่งให้” “ขอบใจนะน้ำตาล” น้ำตาลลอบมองใบหน้าเซลีนอย่างพินิจ หน้าตาอีกคนดูเหมือนคนอดนอน ปากซีดเซียว ดวงตาบวมเล็กน้อยราวกับเพิ่งร้องไห้มา “แล้วแม่แก…เป็นไงบ้าง” น้ำเสียงของน้ำตาลเบาลงทันทีที่เอ่ยถึงหัวข้อสำคัญ เธอไม่ได้ถามตั้งแต่เช้า เพราะไม่อยากให้เซลีนเครียดเพิ่ม “เหมือนเดิม ต้องรอผ่าตัด” น้ำตาลพยักหน้ารับเบาๆ อย่างเข้าใจ “แล้วต้องใช้เงินอีกเยอะไหม ค่ารักษา” คำถามนั้นเหมือนกรีดเข้ากลางใจ เซลีนเม้มปากแน่นชั่วครู่ก่อนจะพยายามฝืนยิ้มเล็กๆ “นิดหน่อย แต่ฉันพอมีอยู่บ้าง” “แน่ใจนะ?” น้ำตาลวางช้อนลง “ฉันมีเก็บไว้นิดหน่อยนะ จะเอาไปให้ใช้ก่อนก็ได้” “ไม่เป็นไรๆ แกเงินเก็บไว้เถอะ ฉันพอมีอยู่” “ถ้าแกมีอะไรขาดเหลือพูดกับฉันได้เลยนะ อย่าเกรงใจ” น้ำตาลเอื้อมมือมากุมมือเพื่อนเบาๆ “อื้อ” เธอไม่อยากรบกวนเพื่อน ถึงฐานะทางบ้านน้ำตาลจะรวยแต่น้ำตาลเคยบอกว่าทำงานหาส่งตัวเองเรียน น้ำตาลเป็นอินฟลูเอนเซอร์ ผู้ติดตามหลักแสน อีกอย่างเงินที่เธอต้องการมันเยอะมาก ข้างในเธอตีกันวุ่นวาย ไม่ว่าจะกินอะไรก็รู้สึกว่าไม่อร่อย เมื่อรู้ว่าทางเลือกที่เหลือ ต้องใช้ร่างกายตัวเองแลกกับเงินเพื่อคนที่เธอรักที่สุด ••• เซลีนกลับมาบ้านก็อาบน้ำแต่งตัวเตรียมออกไปทำงาน ฝีเท้าเล็กหยุดชะงักบนบันไดสองขั้นสุดท้าย เมื่อเห็นพี่ชายกลับมาบ้านพอดี “จะไปทำงานแล้วเหรอ” เธอพยักหน้าให้พี่ชายเบาๆ “พี่ไม่เข้าใจ ทำไมเซย์ต้องดิ้นรนทำงานกลางคืน ไปลาออกซะ” “ทำไมเซย์ต้องทำแบบนั้น” “งานกลางคืนมันอันตราย ตอนนี้พี่ได้งานที่สนามแข่งT1 รายได้โอเค เลี้ยงเซย์กับแม่ได้สบายเลย” “พี่เซนต์อย่าลืม แม่ต้องผ่าตัด เงินแค่นั้นของพี่ไม่พอจ่ายค่าผ่าตัดให้แม่หรอก” เธอสบตาพี่ชาย ริมฝีปากเม้มแน่นอยู่ครู่ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาด “เซย์จะไม่ลาออก” เซนต์หรี่ตามองน้องสาวอย่างไม่พอใจ “อย่าดื้อได้ไหม พี่เป็นห่วงนะ เซย์ไม่รู้เหรอว่ากลางคืนมันอันตราย เจอลูกค้าเมาก็เยอะแยะ ไหนจะคนลวนลามอีก” “เจ้านายเซย์จะช่วยออกค่ารักษาแม่ให้” เธอโพล่งออกไปในที่สุด เซนต์ชะงักนิ่งไปทันที สายตาคมจ้องมองน้องสาวเหมือนพยายามอ่านความจริงจากแววตา “เจ้านาย?” เขาถามย้ำในน้ำเสียงไม่ไว้ใจ “ช่วยแบบไม่มีอะไรตอบแทนเลยงั้นเหรอ?” เซลีนพยักหน้า ทั้งที่ในใจร้อนรุ่มเหมือนมีไฟลุกอยู่ข้างใน เธอไม่เคยโกหกพี่ชาย แต่ครั้งนี้…เธอไม่มีทางเลือก “เขาแต่งงานแล้วค่ะ” คำพูดถูกปล่อยออกไปทั้งที่ลมหายใจติดขัด “เมียเขาก็เอ็นดูเซย์เหมือนน้องสาว พวกเขาถามถึงครอบครัวพอดี พอเซย์เล่าให้พวกเขาฟัง พวกเขาก็บอกว่าจะช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่ายการผ่าตัดของแม่เพราะสงสาร ไม่ได้มีอะไรแอบแฝงหรอก” เซนต์นิ่งเงียบอยู่นาน ก่อนจะพูดขึ้นมา “คนสมัยนี้ไม่มีใครช่วยใครฟรีๆ หรอก” น้ำเสียงเขาเย็นลงอย่างชัดเจน “แน่ใจเหรอว่าพวกนั้นไม่ได้หวังอะไรจากเซย์จริงๆ?” หัวใจของเซลีนเต้นแรง เจ็บแปลบที่อกซ้ายจนต้องเบือนหน้าหนี หอบหายใจช้าๆ แล้วกลืนความจริงขมขื่นลงคอ “…เซย์แน่ใจ” เธอตอบออกไปในที่สุด เซนต์ถอนหายใจยาว สองมือเท้าสะเอวแล้วเงยหน้ามองเพดานบ้านราวกับพยายามควบคุมอารมณ์ “อืม” เซนต์ยอมน้องสาวในที่สุด “แต่ถ้ามีอะไรแปลกๆ เกิดขึ้นต้องบอกพี่ทันที เข้าใจไหม?” เซลีนพยักหน้าเบาๆ อีกครั้ง ทั้งที่น้ำในตาเริ่มรื้นที่หางตา เธอรู้ดีว่าพี่ชายกำลังห่วง แต่อะไรที่ทำได้ตอนนี้ เธอก็ต้องทำ “เข้าใจค่ะ เซย์ต้องไปทำงานแล้ว เดี๋ยวสาย” พูดจบ ร่างบางก็เดินผ่านพี่ชายออกไป เปิดประตูบ้านพร้อมเสียงลมหายใจสะท้อนกลับจากอกตนเอง ในขณะที่เซนต์ยังคงยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าบันได แววตาเขากลับเต็มไปด้วยคำถาม และความไม่ไว้ใจที่ฝังลึกลงไปทุกวินาที แต่เพราะไว้ใจน้องสาวถึงยอม K1NG CLUB ‘ฉันให้เวลาแค่ก่อนร้านเปิด’ ทุกย่างก้าวของการเดินเข้าไปข้างใน ไม่ต่างอะไรจากการเดินเข้าไปในกรงที่เขาเปิดเอาไว้รอแล้ว คำพูดเหล่านั้นยังคงวนเวียนซ้ำๆ จนเธออยากไล่มันออกไปจากหัว อีกไม่กี่นาทีข้างหน้าร้านจะเปิดแล้ว… สายตาเหลือบมองนาฬิกาที่มุมหนึ่งของไนต์คลับ เธอรู้ว่าตอนนี้ตัวเองมีสิทธิ์ปฏิเสธข้อเสนอ แต่ชีวิตของแม่เธอแขวนอยู่บนเส้นด้าย ขึ้นอยู่กับเธอว่าจะเลือกทางไหน “เอาเครื่องดื่มและของว่าง ไปให้คุณครินทร์ที่ห้องด้วยนะ สักหน่อยเขาคงถึงแล้ว” เสียงของเดย์เอ่ยบอกเซลีนเหมือนทุกที หญิงสาวพยักหน้ารับเบาๆ อย่างรู้ว่า…ถึงเวลาต้องเลือกแล้ว แอดด ภายในห้องยังไร้เงาของเจ้าของ มันคือหลักฐานที่บ่งชัดว่าชายคนนั้นยังไม่มา เซลีนสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วเดินตรงไปยังโต๊ะตัวกลาง วางถาดลงด้วยมือที่ไม่ได้สั่น แต่เย็นเฉียบอย่างน่ากลัว มือเล็กค่อยๆ ขยับจัดแก้วให้เข้าที่ เหลือบมองดูความเรียบร้อยในทุกมุม แต่แล้ว… แกร๊ก เสียงประตูที่เปิดออกทำร่างบางตัวแข็งทื่อ หัวใจที่นิ่งสงบพลันเต้นแรง ฝีเท้าที่หนักแน่นแต่เป็นจังหวะดังเข้ามาทีละก้าว เธอลุกขึ้นยืนโดยอัตโนมัติ ไม่ได้หันไปมองเจ้าของฝีเท้า แต่เธอรู้ว่าเขาอยู่ข้างหลังเธอแค่ไม่กี่ก้าว กลิ่นน้ำหอมเดิมที่คุ้นเคยเจือด้วยกลิ่นควันบุหรี่ทำหัวใจดวงน้อยไหววูบได้ไม่ยาก ความเงียบแผ่คลุมห้องอย่างน่าอึดอัด และนั่นคือสัญญาณว่าเขายืนมองเธออยู่ ครินทร์เดินไปทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา พลางเอนตัวพิงพนักโซฟาด้วยท่าทางสบายๆ หยิบบุหรี่ขึ้นมาแล้วจุดมันด้วยท่าทีเฉื่อยชา “ถ้าเซย์ตกลง พี่ครินทร์จะช่วยเซย์จริงๆ ใช่ไหมคะ” “เห็นฉันเป็นเด็กเลี้ยงแกะหรือไง” “สัญญาก่อนสิคะ” “ถ้าไม่อยากทำก็แค่ออกไป” เขาไม่จำเป็นต้องสัญญาเพื่อทำให้ใครเชื่อใจ ลำพังให้เวลาคิดก็มากเกินพอแล้ว ครินทร์ปล่อยคำพูดเย็นชาออกมาพร้อมควันบุหรี่ที่พ่นออกจากริมฝีปาก หรี่ตามองหญิงสาวตรงหน้าอย่างจับสังเกต ขณะที่เซลีนยังยืนนิ่งราวกับหุ่นยนต์ หัวใจเต้นแรงไม่เป็นส่ำ มือที่กุมกันแน่นข้างลำตัวเย็นชืด และยังคงไม่กล้าสบตากับเขา “จะยืนอยู่ตรงนั้นอีกนานไหม” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอย่างเย้ยหยัน เธอกะพริบตาถี่ๆ สูดหายใจเข้าเฮือกหนึ่ง ก่อนจะตัดใจหันกลับไปมองหน้าเขา ที่อยู่เบื้องหลังม่านควันบุหรี่ ทำให้เขาดูทั้งลึกลับ ทั้งน่าเกรงขามจนขนลุก ดวงตาของเขาไล่มองเธอตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอย่างไม่ปิดบัง ราวกับกำลังพิจารณา ‘ของเล่นชิ้นใหม่’ ที่มีสิทธิ์จะใช้งานเมื่อไหร่ก็ได้ “ตอบมาสิ จะทำหรือไม่ทำ” น้ำเสียงนั้นเหมือนไม่แคร์คำตอบ แต่แฝงแรงกดดันมหาศาลจนเซลีนรู้สึกเหมือนทั้งห้องแคบลง เธอกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเฝื่อนก่อนจะขยับริมฝีปาก “เซย์…” เธอยังคงมีท่าทีลังเล แต่เมื่อนึกถึงหน้าแม่ก็ทำให้เธอตัดสินใจทุกอย่างได้ “เซย์จะทำค่ะ” “หึ! ดี” เขาดับบุหรี่ลงกับที่เขี่ย ก่อนเอนตัวพิงหลังอย่างสบาย สายตามองเธอด้วยแววตาที่เหมือนกำลังจะบอกว่า…เธอติดกับเขาให้แล้ว “เซย์ต้องเริ่มเมื่อไหร่คะ” “ตอนนี้” “ละ…แล้วงานของเซย์…” “ฉันบอกไอ้เดย์แล้วว่าเธอขอลางานกะทันหัน” เธอยืนก้มหน้าแล้วกัดกลีบปากล่างเบาๆ หัวใจเต้นแรงราวกับจะกระดอนออกมาจากขั้วอยู่รอมร่อ “ถอดเสื้อผ้าของเธอออก” “คะ?” “ได้ยินแล้วนี่” เขาโน้มตัวลงไปเทเหล้าลงแก้วเปล่า ก่อนจะเอนตัวพิงพนักโซฟา สายตาจ้องมองเซลีนอย่างรอดูในสิ่งที่เพิ่งออกคำสั่ง เซลีนรู้สึกไม่กล้าขึ้นมา แต่พอนึกถึงหน้าแม่ที่นอนป่วยอยู่โรงพยาบาลก็ไม่อาจหนีจากตรงนี้ แม้ลึกๆ อยากหนีไปใจแทบขาด มือเล็กสั่นระริกค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อออกทีละเม็ด โดยมีสายตาเจ้านายหนุ่มที่พ่วงด้วยสถานะรุ่นพี่ที่มหา’ลัย กำลังจับจ้องไม่วางตา เมื่อกระดุมหลุดออกจากกันทุกเม็ด มือเล็กเริ่มถอดเสื้อออกจนเหลือเพียงบราเซียร์สีขาว ที่ห่อหุ้มซาลาเปาลูกโต ตามด้วยกางเกงทำงานจนเหลือเพียงแพนตี้ตัวจิ๋วสีขาวเหมือนกัน ครินทร์มองภาพนั้นพลางยกเหล้าจิบตามหนึ่งอึก สายตาคมเข้มไล่มองความสวยงามภายใต้ชั้นใน ก่อนจะมาหยุดที่เนินอวบอูม พลางลอบกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผาก น้องไอ้เซนต์โคตรเด็ด… “ซะ…เซย์ต้องทำอะไรต่อคะ” เธออายจนแทบมุดแผ่นดินหนี ขณะเอ่ยถามไม่ได้สบตากับเขา แต่ก็พอรู้สึกได้ว่าเขากำลังมองอยู่ “คลานมาหาฉันสิ เด็กดี…”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD