ด้วยความไม่พอใจ ส่งผลให้วาฤทธิ์ขับรถมาถึงที่คฤหาสน์จิรประวัติเกรียงไกรอย่างรวดเร็ว เป้าหมายของเขาไม่ใช่บิดามารดาอีกต่อไป แต่คือน้องสาวนอกไส้ คนที่เขาจะต้องแต่งงานด้วยต่างหากล่ะ คงเป็นเพราะเธอสินะ ทำให้ชีวิตของเขาพังไม่เป็นท่าแบบนี้ เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่านิศาชลจะเป็นคนโลภเช่นนี้
ที่เธอพยายามยุยงบิดามารดาให้เขาแต่งงานกับเธอ ก็คงหวังครอบครองทรัพย์สมบัติทั้งหมด เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่า คนที่เติบโตมาด้วยกันกับเขาจะรู้หน้าไม่รู้ใจเช่นนี้ ภายใต้ความสดใสร่าเริง นั่นคงเป็นเพียงหน้ากากสินะ หน้ากากที่คนโง่อย่างเขาหลงเชื่อมาได้ตั้งนาน
“จะไปไหนบัว” เสียงของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความขุ่นมัว ช่างเป็นโชคดีของเขาที่เธอเดินผ่านมาโดยไม่ต้องตามหา
“บัวจะออกไปซื้อของนิดหน่อยค่ะ ว่าแต่พี่ไผ่ไปเที่ยวไหนมาคะ” นิศาชลพยายามทักทายตามปกติ ทั้งที่ตอนนี้ทุกอย่างมันไม่ปกติแล้ว เธอได้รับรู้จากบิดามารดาว่าเธอจะต้องแต่งงานกับพี่ชายของเธอ หญิงสาวไม่เห็นด้วย แต่เธอก็ขัดบิดามารดาไม่ได้
“มาคุยกันหน่อยสิ” ชายหนุ่มไม่ตอบคำถามหญิงสาว เพราะเขาไม่สามารถทำตัวปกติกับเธอได้จริงๆ
“ได้ค่ะ” เหมือนนิศาชลจะรู้อยู่แล้วว่าเขาต้องการคุยเรื่องอะไรกับเธอ เธอจึงเดินตามเขาไปอย่างง่ายดาย
หลังจากที่หญิงสาวเดินตามเขามา ก่อนที่ทั้งสองจะมานั่งอยู่ที่สวนดอกไม้ข้างคฤหาสน์ ซึ่งเป็นที่ประจำที่นิศาชลชอบมานั่งอ่านหนังสืออยู่ที่นี่
“พี่ไผ่มีอะไรจะคุยกับบัวคะ” นิศาชลเอ่ยถามหลังจากที่เธอนั่งลงสักพักแล้ววาฤทธิ์ยังไม่ยอมพูดอะไรกับเธอ
“ไปบอกคุณพ่อคุณแม่ให้ยกเลิกงานแต่งงานของเราซะ” วาฤทธิ์เอ่ยเสียงเข้ม ตอนนี้เขาทำตัวเหมือนคนที่หญิงสาวไม่เคยรู้จักมาก่อนเลย
“ไม่ได้หรอกค่ะ ถ้าพี่ไผ่ไม่อยากแต่ง พี่ไผ่คงต้องไปบอกเอง บัวไม่กล้าทำแบบนั้นหรอกค่ะ” บุญคุณของบิดามารดามากล้นเหลือคณา แล้วเด็กที่ถูกเก็บมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าอย่างเธอ จะกล้าปฏิเสธคำขอร้องของพวกท่านได้อย่างไร
“ที่บัวไม่ยอมบอกก็เพราะว่าบัวอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดใช่มั้ย คุณพ่อคุณแม่รักบัวจะตาย นี่คงจะไปขอให้ท่านบังคับให้พี่แต่งงานด้วยสิท่า ถึงไม่ยอมไปบอกให้ท่านยกเลิกคำสั่ง” วาฤทธิ์กล่าวหาหญิงสาวอย่างไร้ซึ่งเหตุผล เพราะเขาพาลมาจากเรื่องวิกานดา แล้วก็เหมาไปว่าเรื่องทุกอย่างนิศาชลเป็นคนสร้างเรื่องขึ้นมา เขาไม่ได้รู้เลยว่าบิดามารดารู้เรื่องที่ไม่ดีต่างๆ นานาของวิกานดา ท่านจึงทำทุกอย่างเพื่อวาฤทธิ์ ถึงแม้จะต้องบังคับจิตใจของนิศาชลก็ตาม