ตอนที่ 1 ไม่ใช่บ้าน
“ต่อให้เธอคุกเข่าอ้อนวอนหรือตายอยู่ตรงหน้า ฉันก็ไม่มีวันรักผู้หญิงอย่างเธอ”
น้ำเสียงกดต่ำลอดไรฟัน นัยน์ตาสีดำสนิทจ้องมองคนตรงหน้าอย่างไร้เยื่อใย
ทศวรรษ เกลียดผู้หญิงคนนี้ยิ่งกว่าสิ่งใด ๆ ในโลก เธอชอบบีบน้ำตาทำตัวน่าสงสาร เอาแต่ใจและอยากได้อะไรก็ต้องได้รวมถึงการที่ได้มาเป็น ‘คู่หมั้น’ ของเขาด้วย
ทว่า อิงดาว รักทศวรรษจนหมดหัวใจ เธอรักอีกฝ่ายมาเนิ่นนานแต่ตรงข้ามกับเขาที่เกลียดเธอมาเนิ่นนานเช่นกัน เพราะมารดาของเราสองคนเป็นเพื่อนสนิทกัน คุณหนูอิงดาวจึงได้หมั้นหมายกับทศวรรษ แค่เพียงเธอพูดออกมาว่าต้องการอะไร ครอบครัวก็จัดการให้ไม่เว้นแต่เรื่องของคู่ชีวิต เพราะแบบนี้ทำให้ได้เข้ามาอยู่ในบ้านของเขา แต่เพราะเราเป็นเพียงคู่หมั้นกัน ยังไม่ได้เป็นอะไรมากกว่านั้น ทศวรรษจึงประกาศทุกวันเช้าเที่ยงเย็นว่าเขาเกลียดเธอและผู้หญิงที่เขารักคือคนอื่น ไม่ใช่อิงดาว
“แต่อิงรักพี่ทศ ที่อิงทำไปก็เพราะรักพี่ทศ!!”
น้ำเสียงสะอื้นพ่นออกมาเสียงดัง ภายในห้องโถงนั่งเล่นของบ้านหลังใหญ่มีเพียงเราสองคน
“เธอยอมรับแล้วสินะว่าเป็นคนทำ?”
ทศวรรษคิดเอาไว้แล้วว่าผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งเป็นคนดีต่อหน้าผู้ใหญ่ แต่ข้างในร้ายกาจเกินกว่าจะสาธยาย อิงดาววางแผนกลั่นแกล้ง แพรไหม ผู้หญิงที่ทศวรรษรักเพียงเพราะอิจฉาที่ในใจของเขามีเพียงแพรไหมเท่านั้น ดวงตาคู่สวยของอิงดาวเบิกโพลง น้ำตาไหลอาบแก้มแทบเป็นสายเลือด เธอเอาแต่ส่ายหน้าไปมาอยู่แบบนั้น
“อ...อิงไม่ได้ทำ ฮึก”
“หึ อิงดาว”
“...”
“ฉันแม่งโคตรสมเพชเธอเลย”
“ฮึก...ฮื้อ พี่ทศ...”
.
.
.
.
นิ้วเรียวเปิดกระดาษหน้าถัดไป ในใจก็นึกสงสารตัวละครที่ชื่ออิงดาว อีกฝ่ายเป็นผู้หญิงที่เพียบพร้อมทุกอย่าง เกิดในตระกูลที่ร่ำรวย พ่อแม่รักมาก เป็นแก้วตาดวงใจของทุกคน อยากได้อะไรก็ได้ทุกอย่าง ทว่าเรื่องเดียวที่อิงดาวไม่มีวันได้รับคือความรักจากผู้ชายที่ชื่อทศวรรษ ซึ่งเขาเป็นตัวร้ายของนวนิยายที่กำลังอ่านอยู่
ทศวรรษคือตัวร้าย ที่รักแพรไหมซึ่งเป็นนางเอกของเรื่อง
ส่วนอิงดาวเป็นเพียงตัวละครที่ทศวรรษเกลียดเท่านั้น
มัท เด็กสาววัยยี่สิบปีที่ชื่นชอบการอ่านหนังสือนวนิยายเป็นชีวิตจิตใจ เธอได้มีโอกาสอ่านนิยายรักหลายเรื่อง แต่เรื่อง ‘เล่ห์รักคุณหมอไร้ใจ’ เป็นเรื่องที่มัทชื่นชอบมากที่สุด เธออ่านจบแล้วมากกว่าห้าครั้ง และครั้งนี้ก็เป็นครั้งที่หก
ชีวิตของมัทแตกต่างจากชีวิตของอิงดาว ตัวละครในนิยายราวฟ้ากับเหว ทุกครั้งที่เธอกลับมาอ่านนิยายเรื่องนี้ก็มักจะคิดในใจเสมอว่าแค่ผู้ชายคนเดียวไม่จำเป็นต้องไปอ้อนวอนขอความรักถ้าเขาไม่มีให้ ชีวิตของอิงดาวเพียบพร้อมเพราะเกิดเป็นลูกของคนรวยและมีพ่อแม่ที่รักเธอมาก แค่เลิกรักคนที่เขาไม่รักเราและอยู่กับครอบครัว หาความสุขให้ตัวเอง ก็จะเจอคนที่รักจริง ๆ เข้าสักวัน แต่ในนิยาย...อิงดาวอดทนอยู่ให้ทศวรรษ ตัวร้ายของเรื่องทำร้ายจิตใจอย่างรุนแรงนับครั้งไม่ถ้วน ทว่าตัวละครในนิยายก็คือสิ่งสมมติที่นักเขียนสร้างขึ้นมา ชีวิตจริงก็เถอะ บางคนขาดเงิน บางคนขาดความรัก นักเขียนกำลังจะสื่อออกมาว่าชีวิตทุกคนไม่อะไรที่เพียบพร้อมจริง ๆ ไปซะทุกอย่าง
เช่นเดียวกับชีวิตของมัทที่เกิดในครอบครัวยากจน และพ่อแม่ของเธอก็แทบไม่คิดว่ามัทคือลูก
พ่อของมัททิ้งไปตั้งแต่เธอห้าขวบ เด็กสาวจึงอยู่กับแม่ในบ้านหลังเล็กที่สลัมริมคลองแถบชานเมือง แต่เรื่องฐานะกับที่อยู่อาศัยไม่ได้ทำให้เด็กสาวรู้สึกน้อยเนื้อจ่ำใจในชีวิต มัทอาศัยอยู่กับแม่ที่มีแฟนใหม่จึงมีศักดิ์เป็นพ่อเลี้ยงของเธอ ชีวิตแบบนี้เกิดได้กับใครหลายคน แม่เลิกกับพ่อ และแม่มีแฟนใหม่แต่ก็ยังเลี้ยงเราที่เป็นลูกด้วยความรัก ทว่าแม่ของมัทไม่ได้เป็นแบบนั้น อีกฝ่ายยอมให้มัทอยู่ในบ้านด้วยก็เพราะ ‘คลอด’ เธอออกมา แม่ไม่ได้เลี้ยงดูด้วยความรัก ไม่ได้เลี้ยงดูเพราะว่าเธอคือลูก ส่วนพ่อเลี้ยงคือคนที่มัทเกลียดมากที่สุดในชีวิต อีกฝ่ายเป็นผู้ชายที่เฮงซวยมากที่สุดเท่าที่เคยพบเจอมา
มัทอายุยี่สิบปีบริบูรณ์ เธอเรียนมหาวิทยาลัยเปิด ปีสาม เหตุผลที่เลือกเรียนมหาลัยนี้เพราะเธอจะได้มีเวลาทำงานมากขึ้น เพราะตั้งแต่จบชั้นประถม แม่ของมัทก็ประกาศกร้าวออกมาว่าจะไม่ส่งเธอเรียนต่อ ถ้าอยากเรียนก็จงหาเงินส่งตัวเอง มัทอยากเรียนจบปริญญาตรี นี่คือความใฝ่ฝันของเธอ หลังจากนั้นเด็กสาวก็หางานพิเศษทำมาตลอดที่เรียนมัธยมทั้งหกปี มัทเลือกเข้าโรงเรียนที่มีค่าเทอมถูก ๆ เธอไม่สามารถเลือกอะไรได้มากเพื่อขอแค่ให้ได้เรียนหนังสือ
มัททำงานบวกกับเรียนจนพาตัวเองจบชั้นมัธยมปีที่หกได้สำเร็จ กระทั่งเข้ามหาวิทยาลัย เธอมีเวลาทำงานมากขึ้น แต่ค่าใช้จ่ายก็มากขึ้นเช่นกัน มัทยังไม่สามารถเก็บเงินพอเพื่อออกไปอยู่ข้างนอกตามลำพัง ตอนนี้ความต้องการของเด็กสาวคือออกจากบ้านหลังนี้ให้เร็วที่สุด เพราะนับวัน บ้านหลังนี้ยิ่งอันตรายสำหรับเธอ
“อีมัท มึงหมกตัวอยู่แต่ในห้อง ไม่ออกมาทำห่าอะไรเลยหรือไง อีเด็กเวร!!”
มือขาวปิดหนังสือนิยายและวางมันไว้บนหมอน ดวงตาหม่นหมองพลางถอนหายใจเมื่อได้ยินเสียงของมารดาแท้ ๆ ที่ตะโกนอยู่ข้างนอก ห้องนอนของเธอจะเรียกว่าห้องได้ไม่เต็มปาก เพราะบ้านหลังนี้เป็นเพียงห้องสี่เหลี่ยมเท่านั้น การแบ่งห้องให้เป็นสัดส่วนทำเพียงเอาไม้อัดแผ่นบาง ๆ มากั้น ไม่มีประตูหรือกลอนเพื่อป้องกันความปลอดภัยให้ตัวเอง ร่างบางลุกขึ้นจากฟูกที่นอนเก่าและเดินออกไปด้านนอกก็เห็นมารดานั่งชันเข่าทาเล็บเท้าข้างกับพ่อเลี้ยงที่สูบบุหรี่และยกขวดเหล้าขาวขึ้นกระดก
แม่หันมามองเธอด้วงสายตาเกลียดชัง บุ้ยปากไปทางอ้างล้างจานเล็ก ๆ
“ไปล้างจาน เสร็จแล้วก็มากวาดบ้านถูบ้านบ้าง ถูในห้องกูด้วย ไม่ใช่ถูแค่ในห้องมึงคนเดียว”
ปู พูดด้วยน้ำเสียงแหลมสนั่น ส่งผลให้ ใหญ่ แฟนหนุ่มที่นั่งกระดกเหล้าขาวอยู่ข้าง ๆ หัวเราะร่าออกมา
“ลูกมึงโตเป็นควายแล้วยังต้องให้สั่งอีกเหรอวะ”
“โอ้ย! ไม่สั่งก็ไม่ทำ ออกไปทำงานแต่ข้างนอก เงินก็ไม่เคยให้กูสักบาท นี่ กูถามจริงเถอะอีมัท มึงทำงานเยอะแยะเอาเงินไปไหนหมด?”
สองมือเล็กกำแน่นข้างลำตัว เธอเบือนสายตาไปทางอ่างล้านจาน
“หนูล้างจานเสร็จต้องออกไปข้างนอก เย็น ๆ กลับมาค่อยกวาดบ้านถูพื้น”
พูดจบก็เดินไปที่อ่างล้านจาน ทว่าปูเห็นแบบนั้นก็ลุกขึ้นตามมายืนเท้าเอวข้างลูกตัวเองอย่างไม่พอใจ
“มึงเมินกูเหรออีมัท กูถามว่าเงินมึงไปไหนหมด!!”
“หนูเรียนหนังสือ มีค่าใช้จ่ายเยอะ เงินก็ต้องใช้ทุกวัน”
“เหอะ!! เรียนหนังสือ? ค่าใช้จ่ายเยอะ? กูหมั้นไส้มึงจริง ๆ อีมัท กูบอกมึงแล้วไงว่าอย่าเรียน สะเออะอยากจะเรียน”
“อยากรู้ว่าเงินมันไปไหนหมดใช่ไหม เดี๋ยวกูไปดูเอง”
ใหญ่ลุกขึ้นก่อนจะปรี่เข้าไปในห้องนอนของมัท เด็กสาวเห็นแบบนั้นก็วิ่งตามไปทันที เธอร้อนจมูกเหมือนจะร้องไห้เมื่อเห็นพ่อเลี้ยงกำลังรื้อข้าวของของเธอกระจัดกระจาย เอาเสื้อผ้าที่อยู่ในลิ้นชักออกมากองบนพื้น มัทวิ่งเข้าไปผลักใหญ่แต่อีกฝ่ายเหวี่ยงเธอจนกระแทกลงพื้น
“อย่ายุ่งกับของของหนู!!”
มัทไม่ยอมแพ้ ยกมือปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มและไปยื้อแย่งของตัวเอง ในมือของพ่อเลี้ยงถือสมุดบัญชีที่เธอใช้สะสมเงินเพื่อจะเอาเป็นค่ามัดจำห้องและค่าเช่าห้องเดือนแรก เธอกำลังเก็บเงินและอยากออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด แต่ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่มีมากขึ้นทำให้มัทไม่สามารถเก็บเงินได้เยอะสักที เธอพยายามแย่งสมุดบัญชีออกจากมือของพ่อเลี้ยง ทว่าร่างกายที่สูงกว่าของอีกฝ่ายทำให้เบี่ยงหลบได้ ใหญ่เปิดสมุดบัญชีดู
“อีมัท มึงมีเงินตั้งเจ็ดพันบาท แต่ไม่เคยบอกพวกูเนี้ยนะ!”
“ไหน เอามาดู!”
ปูแย่งสมุดบัญชีมาดูก็เบิกตากว้าง ก่อนจะหันไปมองหน้าลูกตัวเองด้วยสายตาโมโห