ช่วงเวลาการทำงานของภูวดลเต็มไปด้วยความยุ่งยาก เพราะเขาเพิ่งจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้บริหารแบบเต็มตัว หลังจากที่ภูมดิศักดิ์ ผู้เป็นพ่อวางมือจากกิจการทั้งหมด
แต่เนื่องด้วยความสามารถเฉพาะตัว ระบบการทำงานที่เด็ดขาด ตลอดจนมีคู่ค้า และมิตรสหายที่มีความสามารถไล่เลี่ยกัน สามารถพึ่งพาได้ ก็ทำให้ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี
หลังจากภูวดลได้พิจารณาเซ็นสัญญาฉบับสุดท้ายเรียบร้อย ก็เป็นช่วงเวลาเลิกงานพอดี จึงได้กดฝากเสียงต่อสายไปให้เลขาส่วนตัวอย่างสมพรมาเก็บเอาเอกสารทั้งหมดออกไป
หลังตัดสายจากเลขาสาวกองทัพเพื่อนสนิทของเขา ซึ่งเป็นเจ้าของอาร์ตแกลอรีและไนท์คลับใจกลางเมือง ก็ต่อสายตรงเข้ามือถือของเขาเพื่อชักชวนไปปาร์ตี้หลังเลิกงาน
(ฮัลโหลไอ้ภู มึงออกจากบริษัทยังวะ)
“ยัง มึงมีอะไร” ภูวดลตอบเสียงเรียบ ๆ น้ำเสียงและใบหน้าเหมือนคนอารมณ์เสีย
(ว่าจะชวนมากินเหล้าที่คลับกูสักหน่อย หมู่นี้ ตอนมึงอยู่บ้านแล้วติดต่อไม่ค่อยได้เลยว่ะ มีปัญหาอะไรแวะมาระบายให้กูฟังหน่อยก็ได้นะเว้ย)
ภูวดลนิ่งคิดไปสักพักหนึ่ง เพราะก่อนหน้านี้ เขามักจะออกไปดื่มกับเพื่อนอยู่บ่อย ๆ พอไม่ได้ออกมาสักอาทิตย์สองอาทิตย์ ก็เลยดูผิดหูผิดตาเพื่อนสนิทของเขาไปบ้าง
ส่วนเรื่องที่อยู่บ้านแล้วติดต่อค่อนข้างยาก อาจเป็นเพราะต่อให้เขาอยู่ในห้องส่วนตัว แต่ก็ทำกิจกรรมประกอบจังหวะจนไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์อยู่บ่อย ๆ จึงปล่อยเลยตามเลย
เพราะอย่างนั้น ไหน ๆ ก็เสร็จงานวันนี้แล้ว ไปพักผ่อนละเว้นความเครียดจากงานบ้างคงไม่เสียหาย
“เออ ๆ เดี๋ยวกูไป มึงรออยู่นั่นแหละอย่าลืมโทรตามไอ้เตด้วยล่ะ”
พูดจบ ภูวดลก็กดวางสายทันที ก่อนจะรีบเก็บข้าวของออกมาจากบริษัท
ใช้เวลากว่าสามสิบนาที ชายหนุ่มก็เดินทางจากบริษัทไปถึงไนท์คลับของกองทัพและเมื่อเข้าไปด้านใน ก็พบกับบริกรที่รอต้อนรับอยู่ด้านล่าง และเชื้อเชิญให้ขึ้นข้างบน
เมื่อเปิดประตูเข้าไปภายใน ก็พบกองทัพซึ่งเป็นเจ้าของคลับแห่งนี้ กำลังนั่งอยู่กับชายหนุ่มอีกคนที่มีชื่อว่าเตชินหรือว่าไอ้เต เพื่อนอีกคนของเขา ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทอสังหาฯ
“ไงวะไอ้ภู หายหน้าหายตาไปหลายวันเลย”
เตชินทักทายเพื่อน พลางบอกให้สาวสวยช่วยชงเหล้าให้กับผู้มาใหม่
ภูวดลทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ตัวข้าง ๆ เตชิน พลันกองทัพก็กระดิกนิ้วเรียกให้พวกสาว ๆ มาช่วยกันดูแล ปรนนิบัติเพื่อนสนิทของเขา ที่ดูท่าทางจะเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าเต็มทน
“จัดมาเลย สักสามสี่คน ขอแบบเด็ด ๆ” กองทัพร้องสั่งกับบริกร
สิ้นคำสั่งของเจ้าของร้าน บริกรนายนั้นก็รีบจากไปเพื่อจัดการโดยทันที ใช้เวลาเพียงไม่ถึงห้านาที ก็กลับมาพร้อมกับพริตตี้ตัวท็อป ที่ขึ้นชื่อว่ากำลังเป็นที่นิยมอยู่ในขณะนี้
สาว ๆ ทั้งสามคนไม่ได้มาเพื่อเพียงแค่นั่งคุยกับภูวดลเท่านั้น
แต่พวกเธอทั้งลูบไล้ ซุกไซ้ชายหนุ่มรูปหล่อ บ้างก็โอบรอบลำคอ คลอเคลียนัวเนีย บ้างก็ขยับตัวขึ้นไปนั่งบนตักกว้าง พลางบดเบียดเสียดสีบั้นท้ายกลมกลึงไปมาซ้ำ ๆ
ในระหว่างนั้นเอง กองทัพก็รู้สึกได้ว่าภูวดลเพื่อนสนิทของเขามีท่าทางแปลก ๆ ไป นอกจากจะไม่สนใจสาว ๆ ที่มาเต้นยั่วยวนอยู่เบื้องหน้าแล้ว ยังดูเหม่อลอยผิดปกติ
“เฮ้ยไอ้ภู เป็นไงบ้างวะช่วงนี้” กองทัพจงใจถาม เรียกสติเพื่อน
ภูวดลที่กำลังเหม่อลอยอยู่รีบตวัดสายตามามองเพื่อนแล้วถอนหายใจ
“ช่วงนี้ก็เรื่อย ๆ งานบริษัทยุ่งนิดหน่อย มีแต่เรื่องเครียด ๆ”
“เออ คลับของกูเองก็เพิ่งเปิดใหม่เมื่อไม่กี่วันที่ผ่าน กว่าลูกค้าจะเริ่มทยอยมากันที่นี่ก็เล่นเอาหมดไปเยอะเหมือนกัน” กองทัพกล่าวเสริมหน้าตาระรื่น พลางยกแก้วเหล้าขึ้นจิบ
ส่วนเตชินที่เพิ่งยกหมดแก้ว เอาใจแม่สาวเอวหวานที่เต้นยั่วอยู่ใกล้ ๆ ก็หันมาร่วมวงสนทนาด้วย
“จะว่าไปนะไอ้ภู กูได้ข่าวเรื่องณัฐสินีแฟนเก่ามึงสมัยมหา’ลัย ที่มึงเคยเล่าให้ฟังว่าเธอหนีไปแต่งกับตาเฒ่าเศรษฐีรุ่นราวคราวพ่อ หลังเรียนจบไม่นาน ทั้งที่หมั้นกับมึงแล้ว”
เนื้อหาที่เตชินพูดออกมา พอจะกระตุ้นความสนใจของภูวดลได้บ้าง แต่ทว่าเขาก็ไม่ได้แสดงความตื่นเต้น อยากรู้อยากเห็นออกมาสักเท่าไรนัก
นั่นเป็นเพราะว่า ผู้หญิงที่ชื่อณัฐสินีเคยทำกับเขาไว้อย่างเจ็บแสบ
อีกทั้งสถานการณ์ของเขาในตอนนี้ ก็ไม่ได้เป็นแค่ไอ้หนุ่มนักศึกษา ที่คลั่งรักแฟนสาวจนไม่ลืมหูลืมตาอีกต่อไป แต่เป็นกรรมการผู้บริการสูงสุดของบริษัทนำเข้าเฟอร์นิเจอร์หรู
อย่าว่าแต่ผู้หญิงอย่างณัฐินีเลย จะผู้หญิงแบบไหน เขาก็หาได้อีกเป็นโขยง
“อืม แล้ว?” เขาตอบกลับเสียงเย็นชา แสดงถึงความไม่สนใจ
“บังเอิญได้ยินมาว่า เธอหย่าแล้วเพราะตาแก่นั่นล้มละลาย เลยคิดว่ามันเหมาะเจาะพอดี”
พอเตชินพูดจบ ภูวดลก็หัวเราะในลำคอด้วยความรู้เท่าทัน
เขารู้ดีว่า เงินคือเหตุผลเดียวที่ทำให้ผู้หญิงอย่างณัฐสินีคิดจะแต่งหรือหย่ากับใคร
ชายหนุ่มพลันยกยิ้มอีกครั้งด้วยความสมเพชในตัวอดีตคนรัก
“คุณภูคะ ดื่มอีกหน่อยสิคะ” หญิงสาวคนหนึ่งที่สวมเสื้อเว้าลึกจนหน้าอกแทบจะล้นจากบราเซียร์ ขยับร่างกายเข้ามาเบียดเสียดกับเขา พลางยกแก้วเหล้าขึ้นจรดริมฝีปากหยัก
ซึ่งภูวดลก็จิบเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้ให้ความสนใจหญิงสาวเท่าไรนัก
แม้ว่าหญิงสาวคนนั้น จะพยายามดูแล คอยเอาใจ ออดอ้อนเขามากแค่ไหน แต่ในใจของภูวดลกลับรู้สึกเฉย ๆ อย่าว่าแต่เรื่องชอบพอเลย แค่จะมีอารมณ์วาบหวิวยังไม่มีด้วยซ้ำ
เพราะตอนนี้เขากำลังฟุ้งซ่านเรื่องเกี่ยวกับหญิงสาวที่ชื่อว่ามะนาว
ท่าทางเงียบขรึมของภูวดลทำเอาเพื่อน ๆ ต่างพากันประหลาดใจมาก เพราะปกติเพื่อนของพวกเขาคนนี้มักจะทำอะไรเอาแต่ใจ ค่อนข้างใช้อารมณ์เป็นใหญ่เสมอ แถมยังใจร้อนด้วย
“เฮ้ยไอ้ภู มึงเป็นอะไรหรือเปล่าวะ” กองทัพพูดอย่างแปลกใจ เพราะไม่เคยเห็นเพื่อนซึมเป็นหมาแบบนี้มาก่อน “มีอะไรก็ปรึกษาพวกกูได้นะเว้ย”
คราวนี้ ยิ่งได้ยินเพื่อนถามภูวดลก็ยิ่งอึดอัดในใจ ไม่เข้าใจตัวเองเลยว่า ทำไมต้องไปคิดถึงผู้หญิงคนนั้นอย่างไม่มีเหตุผลด้วย ทั้งที่ความสัมพันธ์ก็แค่ของเล่นชั่วครั้งคราว
“บ้าเอ้ย...”
ภูวดลส่ายหน้าไปมาด้วยความหงุดหงิดตัวเอง
สุดท้ายก็ดันร่างของหญิงสาวที่เกาะแกะร่างสูงของตัวเองออกไปแล้วลุกขึ้นยืน
“กูกลับก่อนดีกว่าว่ะ เที่ยงคืนแล้ว พรุ่งนี้มีงานต่ออีก”
เมื่อชายหนุ่มพูดจบ ก็โน้มตัวยกแก้วสุดท้ายขึ้นดื่มให้หมด แล้วเก็บของตั้งท่าจะเดินออกมา ท่ามกลางความงุนงงของเตชินและกองทัพ เพราะปกติแล้ว เพื่อนของเขาคนนี้จะต้องรับบริการจากสาวสวยพวกนี้ตลอด แต่พอมาวันนี้ กลับเมินเฉยไปเสียได้
“เดี๋ยว ๆ ไอ้ภู มึงลืมอะไรไปหรือเปล่าวะ?”
ทว่าภูวดลกลับส่ายหน้าไปมาแล้วขยับเสื้อสูทให้เข้าที่เข้าทาง แล้วเดินออกจากห้อง VIP ไป โดยไม่ลืมกล่าวลาเพื่อน ๆ ทั้งสองคนด้วยเสียงเรียบเรื่อยเย็นชา
“วันนี้ไม่มีอารมณ์ว่ะ”