ตึก ตึก ตึก
ซอยเปลี่ยวในยามค่ำคืน เพียงไพลินสะพายกระเป๋าผ้าใบเล็ก เดินอย่างเหนื่อยล้า ฝ่าความมืดสลัวเพื่อกลับบ้าน หลังจากรับจ๊อบถ่ายพรีเซ็นเตอร์แบรนด์เล็กๆตั้งแต่เช้า
แต่ทันทีที่ก้าวขาเข้ามาหน้าบ้าน เท้าเล็กก็ชะงัก สายตาเบิกกว้าง เมื่อพบว่าประตูบ้านเปิดอ้าออก และภายในบ้านมีชายชุดดำหลายคนกำลังรื้อค้นข้าวของอย่างเร่งรีบ เสียงลิ้นชักดัง ปัง! และเสียงของตกกระแทกพื้นดังระงม
“ค้นให้ทั่ว ”
เสียงดังเล็ดลอดออกมาจนถึงหน้าบ้าน
หัวใจเธอเต้นแรง รู้ทันทีว่านี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ปัญหาเดิมๆของพี่ชายอีกแล้วแน่ๆ
“พี่พร้อมนะพี่พร้อม ก่อเรื่องไม่จบไม่สิ้น”
เธอพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะรีบหมุนตัวหันหลังตั้งใจจะหนีไปทันที แต่ยังไม่ทันก้าวได้ไกล ร่างบอบบางก็ชนเข้ากับอกกว้างของใครบางคนอย่างจัง
ปึก!!!
“ว๊าย!!” เสียงร้องหลุดออกมาด้วยความตกใจ ไพลินล้มก้นจ้ำเบ้าลงไปกองกับพื้น ไร้ซึ่งการคว้าเอวไว้เหมือนในละครหลังข่าว
กลิ่นบุหรี่ผสมกลิ่นน้ำหอมราคาแพงฟุ้งกระจาย เธอเงยหน้าขึ้นช้าๆ ก่อนปะทะเข้ากับสายตาคมกริบน่ากลัวของชายตรงหน้า เขามองเธอเหมือนกับจะกลืนกินเธอไปทั้งตัว ต่อให้มองหน้าเขาไม่ชัดซักเท่าไหร่ก็เถอะ เพราะมันค่อนข้างมืด
“นายครับ!มันหนีไปได้ ”
เสียงลูกน้องในชุดดำรีบวิ่งกลับมารายงาน
“หนีไปได้”
เสียงทุ้มเข้มเอ่ยอย่างเกรี้ยวกราด สายตาคมหันมาที่หญิงสาวตรงหน้าในทันที ความโกรธเคืองฉายชัดบนใบหน้า เขาจ้องเธอเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ
“เธอเป็นอะไรกับมัน” เสียงกดต่ำถามลอดไรฟัน
ไพลินหน้าถอดสี ริมฝีปากสั่นระริก มือกำแน่นกับสายกระเป๋าอย่างไม่รู้จะตอบยังไงดี ก่อนเอ่ยเสียงเบา อึกอักแทบไม่ออกจากลำคอ
“ขะ คุณหมายถึงใคร”
ความจริงเธอรู้ดีเต็มอกว่าเขาหมายถึงใคร แต่แสร้งถามเพื่อถ่วงเวลา
“หึ!!!เธอรู้ดีว่าฉันหมายถึงใคร ถ้าไม่อยากลิ้นขาดก็ตอบ ”
น้ำเสียงนิ่งทว่าเต็มไปด้วยความหงุดหงิด ไพลินมองโดยรอบแทบไม่มีทางหนี สุดท้ายเธอก็หายใจเขาลึกแล้วกลั้นใจตอบออกไป
“ฉะ!ฉัน!เป็นน้องสาว”
เพียงเท่านั้นริมฝีปากหยักก็แสยะยิ้มเย็นยะเยือก ทำเธอขนลุกซู่ไปทั้งตัว
“หึ!! งั้นก็ดี…”
เสียงทุ้มเย็นชาเอ่ยขึ้นช้าๆ ก่อนที่ดวงตาคมกริบจะตวัดไปยังลูกน้อง
“เอาตัวมันไป!”
ชายชุดดำสองคนเดินปรี่เข้ามาประชิดตัวเธออย่างเร่งรีบแล้วหิ้วปีกขึ้น จนเท้าเล็กแทบแตะไม่ถึงพื้น
“ปล่อยนะ! ปล่อยฉันนะ!”
เสียงหวานร้องลั่นอย่างหวาดกลัว ร่างเล็กดีดดิ้นสุดแรง แต่ไม่อาจสู้แรงของชายฉกรรจ์ได้
เพียงไพลินกัดฟันขึงตัวเอาไว้ แววตาตื่นกลัว แต่ก็รวบรวมความกล้าเปล่งเสียงถามออกไปทั้งที่หัวใจเต้นแรงจนแทบทะลุอก
“พี่พร้อมเขาเป็นหนี้คุณเท่าไหร่ ฉัน!ฉันจะจ่ายแทนเอง!”
ร่างสูงใหญ่ที่กำลังหมุนตัวเตรียมจะเดินออกไป หยุดชะงักทันที ตาคมกริบหันกลับมามองเธอเต็มๆ ดวงตาสีเข้มวาวโรจน์จนน่ากลัว ก่อนมุมปากหยักจะกระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้มแสยะเย็นชา
“จ่ายแทนงั้นเหรอ”
เสียงหัวเราะแห้งต่ำลอดออกมาเบาๆ
“ใช่!! พี่ชายฉันเป็นหนี้พวกคุณเท่าไหร่ ปล่อยสิฉันจะเอามือถือโอนเงิน ”
ไพลินถามถึงหนี้ที่พี่ชายค้างไว้ ก่อนสั่งชายชุดดำให้ปล่อยอย่างหงุดหงิด มือเรียวล้วงหามือถือในกระเป๋า กดเข้าแอพธนาคารเตรียมกดโอน เหตุการแบบนี้เธอโดนจนชิน ครั้งละสามสี่หมื่น แต่พี่ชายเธอก็ไม่เข็ดหลาบ ยังหาเงินทุนจากที่ไหม่เรื่อยๆ
“บอกเลขบัญชีกับยอดเงินมาสิคุณ ”
เมื่อเห็นเขาเอาแต่นิ่งเธอก็พูดย้ำอีกรอบ เจคอปยิ้มขำในลำคอ ก่อนบอกบัญชีธนาคารแล้วตามด้วยจำนวนเงิน
“เงินต้น8ล้าน กับดอกเบี้ยอีก8แสน”
เขาพูดช้าๆชัดๆให้เธอได้ยินเต็มสองหู เพียงไพลินอ้าปากหวอ
มือถือร่วงหล่นกระแทกพื้นดัง
ปุ๊ก !! เข่าแทบทรุด น้ำตารื้นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
“ว่าไงนะ”
เสียงหัวเราะหยันเบาๆ ดังขึ้นจากริมฝีปากชายหนุ่ม
“ทำไมเงียบไปล่ะ ไม่โอนแล้วเหรอ”
น้ำเสียงเรียบแต่เต็มไปด้วยการเยาะเย้ย ยิ่งเห็นท่าทางสิ้นหวังของเธอ ลูกน้องรอบข้างก็ยิ่งหัวเราะขบขัน
“คะ คุณโกงแน่ๆ พี่ชายฉันไม่มีวันติดหนี้เยอะขนาดนี้! อย่างมากก็แค่สามสี่หมื่น”
เธอเงยหน้าขึ้นเถียงทั้งน้ำตา เสียงสั่นเครือแต่สายตายังคงแข็งกร้าว
เจคอปไม่แม้แต่จะขยับปากตอบ เพียงปรายตามองเธอราวกับกำลังดูการดิ้นรนของคนไร้ทางสู้ ก่อนยกมือขึ้นเล็กน้อย ลูกน้องคนหนึ่งเดินเข้ามายื่นสมุดบัญชีพร้อมสำเนาบัตรประชาชน กับเอกสารสัญญากู้ยืมยื่นมาตรงหน้า
รวมทั้งโฉนดที่ดินเล็กๆผืนนี้ ที่เป็นสมบัติชิ้นสุดท้าย ที่พี่ชายเธอยังเหลือไว้อยู่ และเธอจำได้ดีว่าเธอเป็นคนเก็บไว้ในเก๊ะหัวเตียงกับมือ
“ดูให้ดีสิ”
เสียงทุ้มเย็นเฉียบดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมลูกน้องเขาที่ส่องไฟให้เธอเห็นชัดๆ
“นี่ไม่ใช่ลายเซ็นพี่ชายเธอหรอกเหรอ”
ดวงตากลมเบิกกว้าง อ้าปากค้างแทบหายใจไม่ออกเมื่อเห็นเอกสารตรงหน้า มันเป็นลายเซ็นของพี่ชายเธอจริง ชัดเจนจนเถียงไม่ออก
ไพลินมองสัญญาอย่างสิ้นหวัง รู้ดีว่าตัวเองไม่มีปัญญาจะหาเงินมาปลดหนี้จำนวนมหาศาลนี้ได้แน่
เจคอปหมุนตัวช้าๆเตรียมขึ้นรถอีกครั้ง แล้วเอ่ยเสียงเรียบสั่งลูกน้อง
“เอาตัวไป”
“เดี๋ยว!!ฉันไปไม่ได้นะ!!ฉันต้องไปเรียน!!”
ไม่ทันที่เธอจะโวยวาย ลูกน้องสองคนก็เข้ามาล็อกแขนทั้งสองข้างอย่างแน่นหนา หิ้วเธอขึ้นรถโดยไม่สนใจเสียงร้องขัดขืน ไพลินดิ้นรนเต็มแรง แต่แรงของผู้หญิงตัวเล็กไม่อาจต้านทานมือไม้กำยำได้เลย
“ปล่อยฉันนะ! ถึงจะเป็นลูกหนี้แต่คุณก็ไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้นะ ”
ประตูรถตู้สีดำปิดดัง ปัง!
ร่างเล็กถูกขนาบข้างด้วยชายชุดดำสองคน จับสองแขนเธอไว้แน่น ถัดไปคือเจคอป ที่นั่งเงียบไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมา บนรถมีเพียงความเงียบและมืด พร้อมรถที่ค่อยๆเคลื่อนตัวออก