ยกที่ 5

1925 คำ
หลายวันต่อมา - Strike X - 9.12 am. และหลังจากวันนั้น ฉันก็ได้รู้ได้ทันทีว่าหลังจากนี้ชีวิตฉันไม่ได้เจอกับความสงบสุขอีกแน่นอน ซึ่งมันก็เป็นไปตามที่คิดเพราะหลังจากนั้นทุกครั้งที่มีงานที่ต้องไปทำความสะอาดไม่ว่าจะที่ค่าย หรือที่ห้องในคอนโดที่ตรงนั้นจะมีไตรทศอยู่เสมอ อย่างวันนี้ที่เป็นอีกวันที่ได้มาทำความสะอาดที่ค่ายมวย.. ปั๊ก! ปั๊ก! ปั๊ก! เสียงเตะจากบนสังเวียนเรียกความสนใจทันทีหลังมาถึง และคนที่กำลังซ้อมอยู่ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากไตรทศ เขากำลังใช้ขาเตะข้างเข้าไปที่มิตซู หรือเรียกง่ายๆคือที่กำบังเวลานักมวยซ้อมเตะ ท่าเตะข้างนี้เป็นท่าถนัดของไตรทศเลยก็ว่าได้ เพราะเวลาเขาเตะมันทั้งแม่นยำ และมีความเร็วที่มากขึ้นเหมือนกับแรงเตะที่แรงขึ้นจนทำให้คู่ชกเขายอมแพ้จากท่านี้มาเยอะมาก "อ๊าก!" "ไอ้เวรนี่ สำออยฉิบหาย!" "มึงก็เตะแรงไปไอ้ห่า มิตซูมันจะทะลุแล้ว" "ผมก็เตะปกติ" "ปกติไรเฮีย เตะแรงจนซี่โครงผมจะหักอยู่แล้ว" "มันก็มีมิตซูบังให้มึงอยู่นี่ไง กลัวนักก็ลงไปไอ้ลูกหมา" "แม่ง เฮียไม่อ่อนโยนเลย" "จะมาเอาความอ่อนโยนห่าไรบนสังเวียน.." ฉันชะงักทันทีหลังเผลอมองสบตากับไตรทศที่กำลังยืนยกขวดน้ำสปอร์ทดื่ม เขาในตอนนี้ก็กำลังซ้อมอย่างเช่นทุกครั้งที่ฉันมา แต่ดูเหมือนวันนี้จะมีรายการมาถ่ายทำด้วย เพราะเขาใส่กางเกงมวยพร้อมผ้าคาดมือและข้อเท้าพร้อมเหมือนจะเตรียมขึ้นชก รอบๆก็มีไฟและทีมงานเตรียมตั้งกล้องรอถ่ายแล้ว "พวกนักมวยนี่น่ากลัวเนาะ อาชีพเดียวกันแท้ๆไม่น่าตีกันเลย" "ยัยแตงเล่นมุกอะไรของแกเนี่ย มาๆรีบๆเดินจะได้รีบไปทำงาน" "ค่า" ฉันละสายตาจากไตรทศ และรีบเดินตามพี่หน่อยขึ้นมาทำความสะอาดที่ห้องพักนักมวยอย่างเช่นทุกครั้ง แน่นอนว่าฉันได้ทำห้องของไตรทศทุกรอบที่มาที่นี่...ไม่ต้องสงสัยหรอกว่ามันเป็นแบบนี้เพราะใครถ้าไม่ใช่ความต้องการของไตรทศน่ะ เวลาต่อมา พรึบ "แล้วหลังจากนี้จะไปไหนต่อคะ?" "ไม่รู้สิ แล้วแต่เธอเลย" "วันนี้พี่ทศตามใจบลูมจังน่ารักที่สุดเลย" เสียงที่ดังมาจากห้องนั่งเล่นทำให้ฉันที่กำลังทำความสะอาดอยู่ในห้องน้ำหยุดนิ่งอยู่กับที่ทันที...อะไรกันก็แขวนป้ายชัดเจนอยู่นะว่ากำลังทำความสะอาดอยู่ "งั้นวันนี้พาบลูมไปกินข้าวที่โรงแรมที่บลูมเคยบอกพี่หน่อยสิ ช่วงนี้คนกำลังไปกันเยอะบลูมอยากไปทำคอนเท้นสักหน่อย" "ได้ แต่พี่ไม่ถ่ายให้นะ" "เอ้า ทำไมล่ะแล้วบลูมจะได้คอนเท้นเหรอ?" "ไม่รู้สิ หรือจะไม่ไปเลยก็ได้นะจะได้ไม่ยุ่งยาก" "งื้อ...ไม่เอาสิคะไม่อารมณ์เสียนะพี่ทศ เดี๋ยวบลูมเข้าห้องน้ำเติมหน้าแป๊บนึงค่อยไปนะ" พรึบ ฉันรีบขยับลุกขึ้นยืนทันทีที่ได้ยินแบบนั้น แต่มันก็ช้าไปแล้วที่จะเดินออกไปบอกว่ามีคนทำความสะอาดอยู่ เพราะคนด้านนอกเปิดประตูออกแล้ว "อ๊ะ!? เดี๋ยวสินี่เธอเป็นใคร?" ผู้หญิงที่ชื่อบลูมที่ดูแล้วน่าจะเด็กกว่าฉันสองสามปีถามขึ้นพร้อมกับหันไปมองไตรทศที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟาด้วยความสงสัย แต่ไตรทศเอาแต่เงียบไม่ได้ตอบอะไรแถมยังลุกไปเปลี่ยนชุดอีกทำให้ฉันต้องเป็นฝ่ายพูดเอง "เป็นพนักงานทำความสะอาดน่ะค่ะ ตอนนี้เป็นเวลาทำความสะอาดทางเราติดแจ้งไว้แล้วที่ด้านหน้าห้อง...ในห้องน้ำตอนนี้เพิ่งจะขัดไปยังไม่สะดวกสำหรับการใช้งานนะคะ" "บ้ารึไง ฉันไม่ได้จะใช้แค่จะเข้าไปเติมหน้าเท่านั้นเอง" "แต่พื้นมันเต็มไปด้วยน้ำยาขัดห้องน้ำน่ะค่ะ คุณอาจจะโดนน้ำยากัดเท้าได้เพราะงั้น..." "ก็ล้างออกซะสิ โง่รึไงแค่นี้ก็ไม่มีสมองคิดเองได้เหรอว่าควรจะทำยังไง?" ฉันมองคนตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตาหลังจากที่โดนเธอเอ่ยปากด่าออกมาแบบนั้น ทั้งๆที่ดูเป็นคนที่น่ารักมากๆแต่คำพูดช่างสวนทางกับการกระทำอะไรอย่างนี้.. "งั้น...จะล้างให้ค่ะ แต่รอสักครู่นะคะ" "ไปเติมบนรถก็ได้หนิ" "คะ? แต่ว่า.." "อย่าไปกวนเวลาเขาทำงานเลย" ไตรทศพูดพร้อมกับสวมเสื้อเตรียมออกไปข้างนอกก่อนเขาจะปรายตามองฉัน "ให้เขาทำความสะอาดเถอะ" "อือเอางั้นก็ได้ค่ะพี่ทศ งั้นเราไปกันเถอะ" "มาดิ" "แต่ป้าเขาดูไม่รู้เรื่องจริงๆนะพี่ โง่รึเปล่าหนูไม่ได้จะใช้ห้องน้ำเยอะขนาดนั้น ให้หนูบอกพ่อให้เปลี่ยนทีมทำความสะอาดให้ม่ะ?" "เรื่องทำความสะอาดแค่นี้อย่าทำเป็นเรื่องใหญ่เลยน่า" "เฮ้อ โอเคๆ" ฉันมองคุณบลูมที่หันหลังเดินไปเกาะแขนไตรทศด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย จนกระทั่งพวกเขาเดินออกไปจากห้องมันถึงทำให้ฉันได้หายใจหายคอได้สะดวกขึ้นมาหน่อย...นี่แหละสิ่งที่ฉันได้เจอเป็นประจำหลังมาทำงานใกล้เขา ฉันต้องเจออะไรแบบนี้ตลอดเลยทั้งๆที่ไตรทศรู้ว่ายังไงเวลานี้ฉันต้องอยู่ในห้องของเขาแน่ๆเขาก็ยังเข้ามาจนได้.... แล้วแบบนี้จะไม่ให้คิดได้ยังไงว่าเขาไม่ได้จงใจจะแกล้งกัน 4.56 pm. "วันนี้เหนื่อยชะมัด" "พรุ่งนี้ก็วันหยุดแล้ว" "หยุดหนึ่งวันมันช่วยให้หายเหนื่อยได้ที่ไหนกันเล่า" ฉันยิ้มขำกับคำพูดของแตง เพราะอีกนัยนึงมันก็เป็นอย่างที่แตงพูดนั่นแหละนะ หยุดแค่วันเดียวมันทำได้แค่นอนตื่นสายและซักผ้าน่ะสิ "วันนี้เราไปกินอะไรอร่อยๆกันม่ะแพร?" "อืม..ช่วงนี้อยากเชฟเงินอ่ะแตง" "ร้านนี้ไม่แพง โปรเบียร์ก็ถูกมาก!" "จริงๆก็ไม่ได้ไปชิลนานแล้วนะ" "ใช่ไหมล่ะ นะนะไปกันเถอะหารกันก็คนละร้อยกว่าบาทเอง" "เอางั้นก็ได้ แต่เราอยู่ไม่ดึกนะ" "โอเคๆ" แตงยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดีหลังฉันตอบตกลงไป แต่จริงๆแม้จะไม่อยากไปเท่าไหร่มันก็คงไม่น่ารักนักถ้าจะปฏิเสธเพื่อนที่ชวนตลอดแบบนี้ เอาจริงๆแตงชวนไปกินนั่นนี่ด้วยตลอดนะมีแต่ฉันนี่แหละที่เอาแต่ปฏิเสธเพราะอยากเก็บเงิน แต่นานๆทีแบบนี้คงไม่เป็นไรหรอก.. เวลาต่อมา กริ๊ก "อ่า มันชื่นใจจริงๆ" แตงพูดออกมาเบาๆหลังยกแก้วขึ้นกระดกดื่มเบียร์หลังเราชนแก้วกัน ฉันเองก็จิบมันและยิ้มออกมาบางๆ "ไม่ได้ดื่มนานพอได้ดื่มมันก็สดชื่นดีนะ" "ใช่ไหมล่ะ ไม่งั้นเขาจะว่ามาผ่อนคลายเหรอ แล้วเป็นไงบ้างช่วงนี้เราไม่ค่อยได้คุยกันเลยเนาะ" "ก็เรื่อยๆนะ แค่มีงานทำก็ไม่รู้สึกแย่แล้ว" "จริงแหละ แต่ไม่คิดจะไปทำอย่างอื่นบ้างเหรอ...เนี่ยจริงๆเรามีแพลนจะลาออกด้วยนะ" "ห๊ะ จริงเหรอ" ฉันเลิกคิ้วมองแตงอย่างไม่เชื่อสายตา จริงๆแตงทำงานมานานกว่าฉันมากๆเลยนะทำไมถึงมีแพลนอยากจะออกกันล่ะ "ทำไมล่ะ แตงทำงานที่นี่มานานมากเลยหนิ" "เราจะไปเปิดร้านขายของกับแม่อยู่บ้านที่ต่างจังหวัดน่ะ ช่วงนี้แม่เข้าโรงบาลบ่อยแกเข้ามาในเมืองมันเหนื่อยเลยจะไปปักหลักที่บ้านแล้วไปหาหมอในอำเภอเอา มันสะดวกกว่าอ่ะ" "ก็จริงนะ...งั้นถ้าจะลาออกตอนไหนต้องบอกเราคนแรกเข้าใจไหม?" "ก็บอกแพรคนแรกนี่แหละแค่ยังไม่ได้วันเฉยๆ แพลนไว้น่ะเดี๋ยวรอสิทธิ์ประกันแม่ขึ้นก่อนแล้วจะจัดการที่เหลือ เพราะงั้นก็อย่าเพิ่งทำหน้าเศร้าเลยน๊า" "มันก็นะ...เรามาทำงานที่นี่ก็มีแตงกับพี่หน่อยที่สอนงาน นี่ถ้าพี่หน่อยรู้จะไม่อาการหนักกว่าเราอีกเหรอ" "ไม่เหลือ ก็เลยยังไม่คุยด้วยรออะไรๆมันเข้าที่เข้าทางก่อน เอาล่ะๆอย่าพูดเรื่องเครียดเลย เราชวนมาดื่มผ่อนคลายแท้ๆ" ฉันยิ้มออกมาบางๆก่อนจะหยิบแก้วขึ้นชนกับแตงอีกครั้ง และนั่งคุยกันไปเรื่อยๆ ติ๊ดๆๆ เสียงโทรศัพท์ทำให้บทสนทนาของฉันกับแตงต้องชะงัก ฉันจึงต้องรีบคว้านหาโทรศัพท์ในกระเป๋าออกมากดรับสาย "ฮัลโหล ทำไมโทรหาพี่เวลานี้ล่ะพีร์?" (ฮัลโหล คุณเป็นผู้ปกครองของนายพีรพัฒน์ใช่ไหมครับ?) ฉันขมวดคิ้วมองสายเรียกเข้าอีกครั้งทันทีหลังจากที่ได้ยินเสียงของใครก็ไม่รู้ที่พูดมาจากปลายสาย "ค่ะ ใช่ค่ะแล้วคุณเป็นใครคะ?" (ตำรวจครับ ตอนนี้น้องชายของคุณกำลังถูกกุมตัวอยู่ที่สน. เดี๋ยวผมจะให้คุยกับนายพีรพัฒน์นะครับ) สถานีตำรวจน่ะเหรอ..ฉันยกมือขึ้นปิดปากด้วยความตกใจท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงจากแตงที่กำลังมองอยู่ (ฮะ ฮัลโหลพี่ฮะ...พี่แพรผมไม่ได้รู้เรื่องนะ!) "เกิดอะไรขึ้นพีร์ พี่งงไปหมดแล้ว?" (ก็พวกตำรวจมันคิดว่าผมไปร่วมวงกับพวกที่ก่อเรื่อง แต่ผมไม่รู้เรื่องครับพี่ พี่ต้องเชื่อผมนะตอนนี้เขาไม่ฟังผมเลยเขาเอาผมเข้าคุก!) "แล้วตอนนี้อยู่ที่ไหนเดี๋ยวพี่ไปหา!?" (ผมอยู่ที่สน...) ฉันรีบหยิบปากกาออกมาจดชื่อสถานีตำรวจที่ไม่คุ้นหูไว้ก่อนจะวางสายจากพีร์และมองแตงที่กำลังนั่งอยู่ตรงหน้า "เกิดอะไรขึ้นทำไมดูตกใจขนาดนั้น?" "น้องเราถูกตำรวจจับน่ะ เราไม่แน่ใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นเดี๋ยวเราไปดูน้องก่อนนะแตง" "ตายแล้ว แล้วมันสน.ไหนล่ะ?" ฉันบอกชื่อสน.กับแตงไปก่อนแตงจะขมวดคิ้วและมองสบตาฉัน "สน.นี้มันอยู่ย่านคนรวยเลยหนิแถมยังอยู่ใกล้ๆกับคลับที่เราไปเที่ยวบ่อยๆอีก" "ถึงว่าเราไม่คุ้นชื่อเลย..." "แล้วจะไปถูกไหมล่ะแพรเอ่ย...เอางี้เดี๋ยวเราเรียกรถให้จะได้บอกทางเขาถูก" "โอเคแตง ขอบคุณมากนะ" "ไม่เป็นๆ เตรียมตัวเถอะ..ป้าคะขอน้ำเปล่าด้วยค่ะขวดนึง" "ได้จ้า" "ก่อนจะไปต้องตั้งสติก่อนนะแพร กินน้ำเยอะๆระหว่างรอรถมา" ฉันพยักหน้าตอบแตงก่อนจะรับเอาขวดน้ำจากป้าเจ้าของร้านที่ถือมาให้เปิดดื่ม แม้ตอนนี้จะใจร้อนอยากรีบไปหาน้องมากขนาดไหนก็ตามแต่อันดับแรกฉันเองก็ต้องมีสติให้ได้ก่อนไม่งั้นทุกอย่างได้พังเละไม่เป็นท่าแน่
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม