หลายวันต่อมา
- Strike X -
9.12 am.
และหลังจากวันนั้น ฉันก็ได้รู้ได้ทันทีว่าหลังจากนี้ชีวิตฉันไม่ได้เจอกับความสงบสุขอีกแน่นอน ซึ่งมันก็เป็นไปตามที่คิดเพราะหลังจากนั้นทุกครั้งที่มีงานที่ต้องไปทำความสะอาดไม่ว่าจะที่ค่าย หรือที่ห้องในคอนโดที่ตรงนั้นจะมีไตรทศอยู่เสมอ อย่างวันนี้ที่เป็นอีกวันที่ได้มาทำความสะอาดที่ค่ายมวย..
ปั๊ก! ปั๊ก! ปั๊ก!
เสียงเตะจากบนสังเวียนเรียกความสนใจทันทีหลังมาถึง และคนที่กำลังซ้อมอยู่ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากไตรทศ เขากำลังใช้ขาเตะข้างเข้าไปที่มิตซู หรือเรียกง่ายๆคือที่กำบังเวลานักมวยซ้อมเตะ ท่าเตะข้างนี้เป็นท่าถนัดของไตรทศเลยก็ว่าได้ เพราะเวลาเขาเตะมันทั้งแม่นยำ และมีความเร็วที่มากขึ้นเหมือนกับแรงเตะที่แรงขึ้นจนทำให้คู่ชกเขายอมแพ้จากท่านี้มาเยอะมาก
"อ๊าก!"
"ไอ้เวรนี่ สำออยฉิบหาย!"
"มึงก็เตะแรงไปไอ้ห่า มิตซูมันจะทะลุแล้ว"
"ผมก็เตะปกติ"
"ปกติไรเฮีย เตะแรงจนซี่โครงผมจะหักอยู่แล้ว"
"มันก็มีมิตซูบังให้มึงอยู่นี่ไง กลัวนักก็ลงไปไอ้ลูกหมา"
"แม่ง เฮียไม่อ่อนโยนเลย"
"จะมาเอาความอ่อนโยนห่าไรบนสังเวียน.."
ฉันชะงักทันทีหลังเผลอมองสบตากับไตรทศที่กำลังยืนยกขวดน้ำสปอร์ทดื่ม เขาในตอนนี้ก็กำลังซ้อมอย่างเช่นทุกครั้งที่ฉันมา แต่ดูเหมือนวันนี้จะมีรายการมาถ่ายทำด้วย เพราะเขาใส่กางเกงมวยพร้อมผ้าคาดมือและข้อเท้าพร้อมเหมือนจะเตรียมขึ้นชก รอบๆก็มีไฟและทีมงานเตรียมตั้งกล้องรอถ่ายแล้ว
"พวกนักมวยนี่น่ากลัวเนาะ อาชีพเดียวกันแท้ๆไม่น่าตีกันเลย"
"ยัยแตงเล่นมุกอะไรของแกเนี่ย มาๆรีบๆเดินจะได้รีบไปทำงาน"
"ค่า"
ฉันละสายตาจากไตรทศ และรีบเดินตามพี่หน่อยขึ้นมาทำความสะอาดที่ห้องพักนักมวยอย่างเช่นทุกครั้ง แน่นอนว่าฉันได้ทำห้องของไตรทศทุกรอบที่มาที่นี่...ไม่ต้องสงสัยหรอกว่ามันเป็นแบบนี้เพราะใครถ้าไม่ใช่ความต้องการของไตรทศน่ะ
เวลาต่อมา
พรึบ
"แล้วหลังจากนี้จะไปไหนต่อคะ?"
"ไม่รู้สิ แล้วแต่เธอเลย"
"วันนี้พี่ทศตามใจบลูมจังน่ารักที่สุดเลย"
เสียงที่ดังมาจากห้องนั่งเล่นทำให้ฉันที่กำลังทำความสะอาดอยู่ในห้องน้ำหยุดนิ่งอยู่กับที่ทันที...อะไรกันก็แขวนป้ายชัดเจนอยู่นะว่ากำลังทำความสะอาดอยู่
"งั้นวันนี้พาบลูมไปกินข้าวที่โรงแรมที่บลูมเคยบอกพี่หน่อยสิ ช่วงนี้คนกำลังไปกันเยอะบลูมอยากไปทำคอนเท้นสักหน่อย"
"ได้ แต่พี่ไม่ถ่ายให้นะ"
"เอ้า ทำไมล่ะแล้วบลูมจะได้คอนเท้นเหรอ?"
"ไม่รู้สิ หรือจะไม่ไปเลยก็ได้นะจะได้ไม่ยุ่งยาก"
"งื้อ...ไม่เอาสิคะไม่อารมณ์เสียนะพี่ทศ เดี๋ยวบลูมเข้าห้องน้ำเติมหน้าแป๊บนึงค่อยไปนะ"
พรึบ
ฉันรีบขยับลุกขึ้นยืนทันทีที่ได้ยินแบบนั้น แต่มันก็ช้าไปแล้วที่จะเดินออกไปบอกว่ามีคนทำความสะอาดอยู่ เพราะคนด้านนอกเปิดประตูออกแล้ว
"อ๊ะ!? เดี๋ยวสินี่เธอเป็นใคร?"
ผู้หญิงที่ชื่อบลูมที่ดูแล้วน่าจะเด็กกว่าฉันสองสามปีถามขึ้นพร้อมกับหันไปมองไตรทศที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟาด้วยความสงสัย แต่ไตรทศเอาแต่เงียบไม่ได้ตอบอะไรแถมยังลุกไปเปลี่ยนชุดอีกทำให้ฉันต้องเป็นฝ่ายพูดเอง
"เป็นพนักงานทำความสะอาดน่ะค่ะ ตอนนี้เป็นเวลาทำความสะอาดทางเราติดแจ้งไว้แล้วที่ด้านหน้าห้อง...ในห้องน้ำตอนนี้เพิ่งจะขัดไปยังไม่สะดวกสำหรับการใช้งานนะคะ"
"บ้ารึไง ฉันไม่ได้จะใช้แค่จะเข้าไปเติมหน้าเท่านั้นเอง"
"แต่พื้นมันเต็มไปด้วยน้ำยาขัดห้องน้ำน่ะค่ะ คุณอาจจะโดนน้ำยากัดเท้าได้เพราะงั้น..."
"ก็ล้างออกซะสิ โง่รึไงแค่นี้ก็ไม่มีสมองคิดเองได้เหรอว่าควรจะทำยังไง?"
ฉันมองคนตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตาหลังจากที่โดนเธอเอ่ยปากด่าออกมาแบบนั้น ทั้งๆที่ดูเป็นคนที่น่ารักมากๆแต่คำพูดช่างสวนทางกับการกระทำอะไรอย่างนี้..
"งั้น...จะล้างให้ค่ะ แต่รอสักครู่นะคะ"
"ไปเติมบนรถก็ได้หนิ"
"คะ? แต่ว่า.."
"อย่าไปกวนเวลาเขาทำงานเลย"
ไตรทศพูดพร้อมกับสวมเสื้อเตรียมออกไปข้างนอกก่อนเขาจะปรายตามองฉัน
"ให้เขาทำความสะอาดเถอะ"
"อือเอางั้นก็ได้ค่ะพี่ทศ งั้นเราไปกันเถอะ"
"มาดิ"
"แต่ป้าเขาดูไม่รู้เรื่องจริงๆนะพี่ โง่รึเปล่าหนูไม่ได้จะใช้ห้องน้ำเยอะขนาดนั้น ให้หนูบอกพ่อให้เปลี่ยนทีมทำความสะอาดให้ม่ะ?"
"เรื่องทำความสะอาดแค่นี้อย่าทำเป็นเรื่องใหญ่เลยน่า"
"เฮ้อ โอเคๆ"
ฉันมองคุณบลูมที่หันหลังเดินไปเกาะแขนไตรทศด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย จนกระทั่งพวกเขาเดินออกไปจากห้องมันถึงทำให้ฉันได้หายใจหายคอได้สะดวกขึ้นมาหน่อย...นี่แหละสิ่งที่ฉันได้เจอเป็นประจำหลังมาทำงานใกล้เขา ฉันต้องเจออะไรแบบนี้ตลอดเลยทั้งๆที่ไตรทศรู้ว่ายังไงเวลานี้ฉันต้องอยู่ในห้องของเขาแน่ๆเขาก็ยังเข้ามาจนได้....
แล้วแบบนี้จะไม่ให้คิดได้ยังไงว่าเขาไม่ได้จงใจจะแกล้งกัน
4.56 pm.
"วันนี้เหนื่อยชะมัด"
"พรุ่งนี้ก็วันหยุดแล้ว"
"หยุดหนึ่งวันมันช่วยให้หายเหนื่อยได้ที่ไหนกันเล่า"
ฉันยิ้มขำกับคำพูดของแตง เพราะอีกนัยนึงมันก็เป็นอย่างที่แตงพูดนั่นแหละนะ หยุดแค่วันเดียวมันทำได้แค่นอนตื่นสายและซักผ้าน่ะสิ
"วันนี้เราไปกินอะไรอร่อยๆกันม่ะแพร?"
"อืม..ช่วงนี้อยากเชฟเงินอ่ะแตง"
"ร้านนี้ไม่แพง โปรเบียร์ก็ถูกมาก!"
"จริงๆก็ไม่ได้ไปชิลนานแล้วนะ"
"ใช่ไหมล่ะ นะนะไปกันเถอะหารกันก็คนละร้อยกว่าบาทเอง"
"เอางั้นก็ได้ แต่เราอยู่ไม่ดึกนะ"
"โอเคๆ"
แตงยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดีหลังฉันตอบตกลงไป แต่จริงๆแม้จะไม่อยากไปเท่าไหร่มันก็คงไม่น่ารักนักถ้าจะปฏิเสธเพื่อนที่ชวนตลอดแบบนี้ เอาจริงๆแตงชวนไปกินนั่นนี่ด้วยตลอดนะมีแต่ฉันนี่แหละที่เอาแต่ปฏิเสธเพราะอยากเก็บเงิน แต่นานๆทีแบบนี้คงไม่เป็นไรหรอก..
เวลาต่อมา
กริ๊ก
"อ่า มันชื่นใจจริงๆ"
แตงพูดออกมาเบาๆหลังยกแก้วขึ้นกระดกดื่มเบียร์หลังเราชนแก้วกัน ฉันเองก็จิบมันและยิ้มออกมาบางๆ
"ไม่ได้ดื่มนานพอได้ดื่มมันก็สดชื่นดีนะ"
"ใช่ไหมล่ะ ไม่งั้นเขาจะว่ามาผ่อนคลายเหรอ แล้วเป็นไงบ้างช่วงนี้เราไม่ค่อยได้คุยกันเลยเนาะ"
"ก็เรื่อยๆนะ แค่มีงานทำก็ไม่รู้สึกแย่แล้ว"
"จริงแหละ แต่ไม่คิดจะไปทำอย่างอื่นบ้างเหรอ...เนี่ยจริงๆเรามีแพลนจะลาออกด้วยนะ"
"ห๊ะ จริงเหรอ"
ฉันเลิกคิ้วมองแตงอย่างไม่เชื่อสายตา จริงๆแตงทำงานมานานกว่าฉันมากๆเลยนะทำไมถึงมีแพลนอยากจะออกกันล่ะ
"ทำไมล่ะ แตงทำงานที่นี่มานานมากเลยหนิ"
"เราจะไปเปิดร้านขายของกับแม่อยู่บ้านที่ต่างจังหวัดน่ะ ช่วงนี้แม่เข้าโรงบาลบ่อยแกเข้ามาในเมืองมันเหนื่อยเลยจะไปปักหลักที่บ้านแล้วไปหาหมอในอำเภอเอา มันสะดวกกว่าอ่ะ"
"ก็จริงนะ...งั้นถ้าจะลาออกตอนไหนต้องบอกเราคนแรกเข้าใจไหม?"
"ก็บอกแพรคนแรกนี่แหละแค่ยังไม่ได้วันเฉยๆ แพลนไว้น่ะเดี๋ยวรอสิทธิ์ประกันแม่ขึ้นก่อนแล้วจะจัดการที่เหลือ เพราะงั้นก็อย่าเพิ่งทำหน้าเศร้าเลยน๊า"
"มันก็นะ...เรามาทำงานที่นี่ก็มีแตงกับพี่หน่อยที่สอนงาน นี่ถ้าพี่หน่อยรู้จะไม่อาการหนักกว่าเราอีกเหรอ"
"ไม่เหลือ ก็เลยยังไม่คุยด้วยรออะไรๆมันเข้าที่เข้าทางก่อน เอาล่ะๆอย่าพูดเรื่องเครียดเลย เราชวนมาดื่มผ่อนคลายแท้ๆ"
ฉันยิ้มออกมาบางๆก่อนจะหยิบแก้วขึ้นชนกับแตงอีกครั้ง และนั่งคุยกันไปเรื่อยๆ
ติ๊ดๆๆ
เสียงโทรศัพท์ทำให้บทสนทนาของฉันกับแตงต้องชะงัก ฉันจึงต้องรีบคว้านหาโทรศัพท์ในกระเป๋าออกมากดรับสาย
"ฮัลโหล ทำไมโทรหาพี่เวลานี้ล่ะพีร์?"
(ฮัลโหล คุณเป็นผู้ปกครองของนายพีรพัฒน์ใช่ไหมครับ?)
ฉันขมวดคิ้วมองสายเรียกเข้าอีกครั้งทันทีหลังจากที่ได้ยินเสียงของใครก็ไม่รู้ที่พูดมาจากปลายสาย
"ค่ะ ใช่ค่ะแล้วคุณเป็นใครคะ?"
(ตำรวจครับ ตอนนี้น้องชายของคุณกำลังถูกกุมตัวอยู่ที่สน. เดี๋ยวผมจะให้คุยกับนายพีรพัฒน์นะครับ)
สถานีตำรวจน่ะเหรอ..ฉันยกมือขึ้นปิดปากด้วยความตกใจท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงจากแตงที่กำลังมองอยู่
(ฮะ ฮัลโหลพี่ฮะ...พี่แพรผมไม่ได้รู้เรื่องนะ!)
"เกิดอะไรขึ้นพีร์ พี่งงไปหมดแล้ว?"
(ก็พวกตำรวจมันคิดว่าผมไปร่วมวงกับพวกที่ก่อเรื่อง แต่ผมไม่รู้เรื่องครับพี่ พี่ต้องเชื่อผมนะตอนนี้เขาไม่ฟังผมเลยเขาเอาผมเข้าคุก!)
"แล้วตอนนี้อยู่ที่ไหนเดี๋ยวพี่ไปหา!?"
(ผมอยู่ที่สน...)
ฉันรีบหยิบปากกาออกมาจดชื่อสถานีตำรวจที่ไม่คุ้นหูไว้ก่อนจะวางสายจากพีร์และมองแตงที่กำลังนั่งอยู่ตรงหน้า
"เกิดอะไรขึ้นทำไมดูตกใจขนาดนั้น?"
"น้องเราถูกตำรวจจับน่ะ เราไม่แน่ใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นเดี๋ยวเราไปดูน้องก่อนนะแตง"
"ตายแล้ว แล้วมันสน.ไหนล่ะ?"
ฉันบอกชื่อสน.กับแตงไปก่อนแตงจะขมวดคิ้วและมองสบตาฉัน
"สน.นี้มันอยู่ย่านคนรวยเลยหนิแถมยังอยู่ใกล้ๆกับคลับที่เราไปเที่ยวบ่อยๆอีก"
"ถึงว่าเราไม่คุ้นชื่อเลย..."
"แล้วจะไปถูกไหมล่ะแพรเอ่ย...เอางี้เดี๋ยวเราเรียกรถให้จะได้บอกทางเขาถูก"
"โอเคแตง ขอบคุณมากนะ"
"ไม่เป็นๆ เตรียมตัวเถอะ..ป้าคะขอน้ำเปล่าด้วยค่ะขวดนึง"
"ได้จ้า"
"ก่อนจะไปต้องตั้งสติก่อนนะแพร กินน้ำเยอะๆระหว่างรอรถมา"
ฉันพยักหน้าตอบแตงก่อนจะรับเอาขวดน้ำจากป้าเจ้าของร้านที่ถือมาให้เปิดดื่ม แม้ตอนนี้จะใจร้อนอยากรีบไปหาน้องมากขนาดไหนก็ตามแต่อันดับแรกฉันเองก็ต้องมีสติให้ได้ก่อนไม่งั้นทุกอย่างได้พังเละไม่เป็นท่าแน่