ใต้เงาจันทร์...3 ฮ่องกง
หลังจากที่ลงเครื่องแล้วพี่ตะวันก็พาพวกเราไปที่โรงพยาบาลเลย จากที่ได้ยินพวกผู้ใหญ่เค้าคุยกันญาติของอาม่านี้น่าจะเป็นพี่สาวคนละแม่ของอาม่าที่กำลังนอนอยู่โรงพยาบาลเห็นว่าป่วยเป็นเดือนแล้วกินไม่ได้ เดินไม่ได้ ไม่คุยกับใคร หมอก็วินิจฉัยไม่ได้ว่าแกเป็นโรคอะไร
พอทุกๆคนเข้าไปในห้องผู้ป่วยเท่านั้นแหละ อ้าว! เฮ้ย! คนป่วยที่นอนซมอยู่ๆก็ลุกขึ้นนั่งแล้วลุกวิ่งไปกอดกันกับอาม่าเฉยเลย คุยก็เก่งเสียงหัวเราะก็ดัง
"#^!€*×-/$~¿•°¥!&*"
สรุปว่าที่ป่วยคือญาติๆเค้าคิดถึงกัน โทรคุยกันก็ไม่สะใจ สำหรับขวัญข้าวมองบนไปสิคะ คิดถึงกันบอกกันดีๆก็ได้เล่นเอาสะตกอกตกใจเลย
จากที่ทักทายแนะนำตัวกับญาติๆของอาม่าเสร็จฉันจึงขอตัวออกมาเดินเที่ยวเพราะอาม่าบอกว่าให้ไปเที่ยวฟรีสไตล์ได้เลย ท่านขอนอนที่โรงพยาบาลอยู่กับพี่สาว ส่วนป๊ากับม๊าก็น่าจะตามออกมาทีหลังเพราะเห็นว่าจะขอไปเยี่ยมเพื่อนก่อนค่อยเข้าบ้าน
อ่อ! ลืมบอกไปว่าครอบครัวฉันมีบ้านที่ฮ่องกงด้วยนะที่นี่จะเป็นพี่ตะวันที่คอยดูแล แต่ส่วนมากพี่ชายฉันจะอยู่คอนโดมากกว่าเพราะใกล้กับออฟฟิศส่วนที่บ้านก็จะมานอนบ้างเป็นบางครั้งหรือจะเข้ามาในตอนที่ป๊ากับม๊ามาที่นี่
ฉันให้พี่ตะวันมาส่งที่ย่านเกาลูนตะวันตก (West Kowloon) บอกเลยว่าฉันชอบที่นี่มาก มันเป็นย่านที่เต็มไปด้วยศิลปะวัฒนธรรม มีสถาปัตยกรรมทางประวัติศาสตร์ ร้านค้าเก่าแก่ และงานฝีมือแบบดั้งเดิม และที่สำคัญมีพิพิธภัณฑ์พระราชวังฮ่องกงอีกด้วย นับว่าเป็นย่านที่มีเสน่ห์ย่านหนึ่งในฮ่องกงเลยทีเดียว ซึ่งมากี่ทีฉันก็ไม่เคยเบื่อ
"ให้พี่เดินเป็นเพื่อนไหม วันนี้พี่ไม่ยุ่ง"
"ไม่เป็นไรค่ะ ข้าวเดินคนเดียวได้พี่ไปทำงานเถอะ"
"ระวังกระเป๋าดีๆนะมีอะไรโทรหาพี่ได้ตลอดนะขวัญข้าว"
"ค่าาา...พี่ชายสุดหล่อไปทำงานเถอะไม่ต้องห่วงน้อง" พี่ตะวันค้อนมาให้ฉันวงใหญ่เลย
จากนั้นพี่ชายฉันก็ขับรถไปทำงานต่อ และเมื่อฉันแยกย้ายกับพี่ตะวัน ฉันก็เดินไปเรื่อยๆดูสิ่งของที่วางขาย ถ่ายรูป และที่สำคัญมองหาผู้จ้า ผู้แถวๆนี้งานดีกันเกือบทุกคนเลย ทั้งคนในพื้นที่และก็นักท่องเที่ยวเห็นแล้วก็มีแรงเดินเที่ยวแบบไม่เหนื่อยเลย
ฉันใช้เวลาส่วนมากเดินดูของและภาพศิลปะ ส่วนข้าวเที่ยงฉันก็แวะร้านสะดวกซื้อได้เบอร์เกอร์กับน้ำอัดลมหนึ่งกระป๋องและน้ำเปล่าอีกขวดเล็กแค่นี้ก็อยู่ท้องแล้วสำหรับสาวสวยเอวบางร่างน้อยอย่างฉัน
จิ้วฮั่วเตี้ยน ที่แปลว่า ร้านขายของเก่า ฉันสะดุดตากับร้านนี้จัง สมองของฉันมันสั่งให้เดินเข้าไปดูสิ ร้านเล็กๆที่ตกแต่งออกแนวลึกลับ แต่ก็ดูสะอาดสะอ้านดี
"สวัสดีครับ สนใจสินค้าแบบไหนดีครับ" อาแปะที่กำลังอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ข้างในร้านเดินเข้ามาทักทายฉัน ดีนะที่บ้านฉันเป็นคนจีนฉันเลยพูดจีน ฟังจีนได้แบบสบายๆ
"ขอเดินดูก่อนได้ไหมคะ"
"ได้ครับ เชิญตามสบาย" จากนั้นอาแปะก็เดินกลับไปนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ต่อ
ที่นี่ส่วนมากจะเป็นของชิ้นเล็กๆจำพวกเบ็ดเตล็ด มีผ้า และก็ภาพวาดเสียส่วนมาก
ฉันเดินดูไปเรื่อยๆจนไปสะดุดตากับกำไลหยกอันหนึ่ง ในความรู้สึกฉันว่ามันสวยและชอบมันมากเลยหยิบมันมาดูเหมือนมันจะมีรอยร้าวนิดๆแต่ก็สวยดี
"กำไลนี้ราคาเท่าไหร่คะ"
"ตาถึงมากเลยหนูกำไลนี่เป็นของโบราณที่ตกทอดมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์หมิง ฉันขายไม่แพงหรอก"
ขายไม่แพงแล้วมันเท่าไหร่กันละคะแปะ ชักแม่น้ำทั้งห้าสงสัยแปะจะโก่งราคาฉันแน่เลย
"เท่าไหร่คะ" ฉันถามไปอีกรอบ
"2,900 ดอลลาร์ฮ่องกง"
"ห่ะ! ทำไมมันแพงจังคะ" ฉันตกใจในราคากำไลเก่าๆแค่หนึ่งวงราคาหมื่นกว่าบาท ฉันว่าละแปะต้องโก่งราคาฉัน อ้างเป็นกำไลโบราณนู่นนี่นั่น รู้งี้ให้พี่ตะวันมาเดินเป็นเพื่อนดีกว่าเพราะรายนั้นดูของเก่าเป็น
ฉันลังเลว่าจะเอาหรือไม่เอาดี ถามว่ามันสวยไหม ตอบเลยว่าสวย แต่ถามอีกว่าราคาหมื่นกว่าบาทเกือบๆหมื่นห้ามันใช่ไหมที่ฉันจะมาซื้อกำไลเก่าๆแบบนี้แถมยังมีตำหนิอีกด้วย
แต่ทำไมอ่ะ ทำไมฉันจึงตัดสินใจวางมันไม่ลง ยิ่งได้ลองใส่มันยิ่งสวยมาก เป็นไงเป็นกันวะก็คนมันชอบหนิทำไงได้ฉันเลยควักตังจ่ายอาแปะแบบไม่ลังเลเลยจ้า
"ได้ค่ะฉันเอากำไลนี่วงหนึ่ง" พร้อมกับยื่นตังให้อาแปะ
"ขอบคุณมากๆครับ สนใจรับอะไรเพิ่มอีกไหมครับถ้าอยากได้อย่างอื่นอีกเดี๋ยวลดให้พิเศษไปเลย"
"ไม่ละคะขอบคุณมาก" จากนั้นฉันก็หยิบกำไลใส่กระเป๋าแล้วเดินออกมา
ฉันเดินเล่นอยู่สักพักหนึ่งพี่ตะวันก็โทรมา
พี่ตะวัน : ( ขวัญข้าวจะกลับยังพี่จะได้ออกไปรับ )
ฉัน : ( จะกลับแล้วค่ะแต่ไม่ต้องออกมารับข้าวหรอกเดี๋ยวข้าวนั่งรถไฟฟ้าดีกว่า )
พี่ตะวัน : ( เอางั้นเหรอ...ไม่หลงนะ )
ฉัน : ( ไม่หลงค่ะสบายมาก )
พอวางสายจากพี่ตะวันฉันก็รีบเดินไปที่ MRT ทันทีเพื่อเตรียมตัวที่จะกลับบ้าน
???